อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 14 อย่าทะนงตัวเกินไป ระวังเรือจะล่ม
ตอนที่ 14 อย่าทะนงตัวเกินไป ระวังเรือจะล่ม
หลินปู้ฟานถอนหายใจ เขามองไปที่หญิงสาวอย่างดูถูกและเดินจากมา
คนประเภทนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน
สิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม
เพื่อเงินแล้ว หญิงสาวคนนี้ยอมเป็นได้แม้กระทั่งเมียเก็บของจ้าวปิง
“เอาล่ะ” หลินปู้ฟานมาที่นี่เพราะต้องการจะพบซงเซิ่นฮุย เขาไม่ต้องการจะเสียเวลาให้กับอะไรที่ไร้สาระแบบนี้อีก
ในตอนนั้นเองก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหญิง
“ฉันคิดว่าเธอตกส้วมไปแล้วซะอีก” หลินปู้ฟานพูดเหน็บ
“น้องหลิน?”
“พี่เสี่ยวเสี่ยว?”
โดยไม่คาดคิด เป็นหลัวเสี่ยวเสี่ยวที่เดินออกมาจากห้องน้ำหญิง
หลินปู้ฟานรู้ว่าหลัวเสี่ยวเสี่ยวเป็นนักศึกษาวิทยาลัย แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะเรียนอยู่ที่นี่
“น้องหลิน นายมาทำอะไรที่นี่?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวถามด้วยความประหลาดใจ
“ผมกำลังรอใครบางคนอยู่”
“นายมารอคน… ที่ห้องน้ำหญิง? เด็กเลว นายเป็นพวกถ้ำมองใช่ไหม?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวพูดพลางบีบคอของหลินปู้ฟานโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย
“พี่ล้างมือแล้วหรือยัง?” หลินปู้ฟานกรีดร้อง
“เทียบกับมือของฉันแล้วสมองของนายยังสกปรกมากกว่ามาก วันนี้แหล่ะฉันต้องทำให้นายกลับมาบนเส้นทางที่ถูกต้องให้ได้” หลัวเสี่ยวเสี่ยวตีหน้าผากของหลินปู้ฟาน
“ผมกำลังรอคนอยู่จริงๆ อย่าทำผมเลย…”
ในตอนนั้นเอง ซูชิงก็เดินออกมาและเห็นหลัวเสี่ยวเสี่ยวกำลัง”ทุบตี”หลินปู้ฟานอยู่พอดี เธอไม่คิดอะไรอีกต่อไป เธอรีบเดินเข้าไปผลักหลัวเสี่ยวเสี่ยวออกทันที
“คุณเป็นใคร ทำไมต้องตีเขา?” ซูชิงตะโกนด้วยความโกรธ
หลัวเสี่ยวเสี่ยวผงะไปชั่วขณะและกระพริบตามองไปที่ซูชิง “เธอเรียนที่นี่?”
“เปล่า… แต่ฉันมาที่นี่กับเขา ช่วยตอบคำถามของฉันด้วยว่าทำไมคุณถึงทุบตีเขา?”
“ฉันจะตีเขาตอนไหนก็ได้ที่ฉันต้องการ เธอมายุ่งอะไรด้วย?”
“นี่สมองของคุณไม่สมประกอบหรือยังไง?” ซูชิงแควะ
“ใช่ เธอรู้ได้ยังไง?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวตอบกลับด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
หลินปู้ฟานรีบห้ามทั้งสองคน “ซูชิง คนนี้คือพี่สาวของฉันเอง”
“หือ?” ซูชิงถึงกับพูดไม่ออก เธอรู้สึกผิดขึ้นมาทันที “นายมาที่นี่เพื่อมาหาเธอ?”
“น้องหลิน นายมาที่นี่เพื่อมาสารภาพรักกับพี่เหรอ?” หลัวเสี่ยวเซียวถามอย่างซุกซน
“ผมมาเพื่อท้าสู้กับพี่ต่างหากล่ะ” หลินปู้ฟานเมินหลัวเสี่ยวเสี่ยว
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ” หลัวเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะ
“พี่สาว พี่เรียนอยู่ที่นี่?” หลินปู้ฟานถาม
“ใช่ ดูเหมือนว่านายไม่ได้มานี่เพื่อมาหาพี่… นายพาเธอมาเดท?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวถามด้วยรอยยิ้ม
“เลิกคิดไปได้เล…”
หลินปู้ฟานพูดยังไม่ทันจบก็มีเด็กผู้หญิงร่างสูงปรากฏตัวขึ้นมาเสียก่อน “เสี่ยวเสี่ยว การซ้อมจะเริ่มแล้วนะ”
“เอาล่ะ ไปดูการแสดงกันเถอะ” หลัวเสี่ยวเสี่ยวไม่รอให้หลินปู้ฟานและซูชิงได้พูดอะไร เธอก็ดึงมือของทั้งสองคนไปทันที
หลินปู้ฟานคิดในใจ “ในเมื่อหลัวเสี่ยวเสี่ยวเรียนที่นี่ เธอก็น่าจะรู้จักซงเซิ่นฮุย ถ้าเป็นอย่างนั้นทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก”
ในห้องขนาด 200 ตารางเมตรบนชั้นสองมีเวทีรูปตัว T อยู่ บนเวทีมีเด็กผู้หญิง 8 คนที่สูงประมาณ 175 เซนติเมตร พวกเธอเป็นนักศึกษาในคลาสเรียนการออกแบบและแฟชั่นที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนางแบบที่จะได้ไปเดินแบบที่งานนิทัศการแฟชั่นที่ทางเมืองจะจัดขึ้นในเดือนหน้า แม้จะไม่ใช่รายการใหญ่อะไรแต่ก็ได้ออกทีวี
หลัวเสี่ยวเสี่ยวโกหกว่าหลินปู้ฟานและซูชิงเป็นนักศึกษาของคลาสศิลปะและพวกเขามาที่นี่เพื่อดูการซ้อม สาวๆ จึงอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในฐานะผู้ชม
“น้องหลิน การแสดงในชุดแรกจะเป็นการโชว์เสื้อผ้าตามสมัยและจะปิดท้ายด้วยชุดว่ายน้ำ” หลัวเสี่ยวเสี่ยวจงใจล่อ “นอกจากนี้ ถ้านายเดินออกไปแล้วเลี้ยวขวานายก็จะได้เจอกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของสาวๆ เหล่านี้ด้วยนะ”
ใบหน้าของหลินปู้ฟานกลายเป็นสีแดงและซูชิงที่อยู่ข้างๆ ก็บ่นในใจด้วยความสงสัย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้คอยแกล้งหลินปู้ฟานตลอดเลย เธอกำลังสนใจหลินปู้ฟานอยู่งั้นเหรอ? ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้ใครแย่งเขาไปจากฉันแน่นอน
“พี่สาวถึงผมจะรู้ว่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเธออยู่ไหน แต่สุภาพบุรุษอย่างผมก็ไม่ไปแอบดูพวกเธอหรอกนะ”
“โอกาสดีอย่างนี้นายกลับปล่อยให้หลุดลอยไป…”
“เสี่ยวเสี่ยวจะขึ้นมาได้หรือยัง?” เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ของหลัวเสี่ยวเสี่ยวร้องเรียกเธอ
หลัวเสี่ยวเสี่ยวขึ้นไปบนเวที เธอสวมรองเท้าส้นสูงและเดินอย่างมั่นใจบนเวทีแคทวอล์ค
“นายมีความสัมพันธ์อะไรกับเธอคนนั้น?” ซูชิงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของบ้านที่ครอบครัวฉันเช่าอยู่”
“ฉันคิดว่านายกับเธอสนิทกันมาก”
“เธอแค่ชอบแกล้งฉันเท่านั้นแหล่ะ”
“หึ!” ซูชิงมองไปที่นักศึกษาหญิงหุ่นดีที่อยู่บนเวทีด้วยความรู้สึกอิจฉา
หุ่นอย่างกับตะเกียบมีอะไรน่าสนใจ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายและหญิงที่เดินเข้ามา
หลินปู้ฟาน มองไปที่ทั้งคู่และคิดในใจ: มันคือพวกเขา
คนที่เดินเข้ามาคือภรรยาน้อยและหนุ่มหล่อที่จูบกัน
“ทุกคนหยุด ฉันมีอะไรจะพูด” ผู้ชายพูด
สาวๆ เริ่มเรียงแถวกัน ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะมีอำนาจพอสมควร
“ครั้งนี้ฉันไปที่อำเภอเพื่อขอให้คลาสของเราได้เข้าร่วมแฟชั่นโชว์ในปีนี้ ฉันต้องใช้ทั้งความคิดและเงินไปเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้คลาสและสถาบันของเราต้องเสียหน้า ฉันได้คิดอย่างรอบคอบแล้วเมื่อคืนและฉันตัดสินใจที่จะให้คนๆ หนึ่งใด้เข้าร่วมการเดินแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ด้วย ฉันขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก นี่ลู่เฉียวเฉียว” ผู้อำนวยการหลี่ปรบมือ
ปรากฎว่าภรรยาน้อยของหัวหน้าจ้าวมีชื่อว่าลู่เฉียวเฉียว
“แต่ว่าผู้อำนวยการหลี่คะ ทางอำเภอได้กำหนดจำนวนของผู้เข้าร่วมของแต่ละสถาบันแล้วว่าต้องไม่เกิน 8 คน และพวกเราก็มีคนครบแล้วด้วยค่ะ” คนที่พูดคือหญิงสาวผมสั้นที่มีเสียงแหลมคม
“โอ้ไม่ต้องห่วง ฉันได้คิดเรื่องนี้ไว้หมดแล้ว เนื่องจากเราจำเป็นต้องคัดคนที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนของสถาบันของเรา ฉันรู้สึกว่าหลัวเสี่ยวเสี่ยวยังมีความสามารถไม่พอ เนื่องจากเธอพึ่งเข้ามาเรียนในปีนี้และไม่เคยเข้าร่วมงานแบบนี้มาก่อน ส่วนลู่เฉียวเฉียวเธอเรียนที่นี่มาหนึ่งปีแล้วเรื่องประสบการณ์น่าจะมีมากกว่า อย่าโทษฉันเลยนะหลัวเสี่ยวเสี่ยว”
นั่นหมายความว่าลู่เฉียวเฉียวจะมาแทนที่หลัวเสี่ยวเสี่ยว
เมื่อได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากตาของหลัวเสี่ยวเสี่ยวทันที
ผู้อำนวยการหลี่ตบไหล่แสร้งทำเป็นขอโทษหลัวเสี่ยวเสี่ยวและกล่าวว่า “เธอยังมีโอกาสอีกมากมายในอนาคต”
ลู่เฉียวเฉียวรู้สึกภาคภูมิใจ เธอกอดอกพร้อมกับมองไปที่หลัวเสี่ยวเสี่ยวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
หลินปู้ฟานรู้ว่าลู่เฉียวเฉียวใช้”แผนเสน่ห์หญิงงาม”เพื่อแย่งตำแหน่งของหลัวเสี่ยวเสี่ยว แต่เขาก็ไม่ต้องการเห็นหลัวเสี่ยวเสี่ยวเดินบนเส้นทางสายนางแบบเหมือนกัน เพราะถ้าหลัวเสี่ยวเสี่ยวได้เป็นนางแบบเหมือนชาติที่แล้วทุกๆ อย่างก็ต้องเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง
“ผู้อำนวยการหลี่ ฉันไม่เข้าใจว่าฉันแย่กว่าลู่เฉียวเฉียวตรงไหน?” หลัวเสี่ยวเสี่ยวกัดฟันแน่น
“ลู่เฉียวเฉียวมีดีกว่าเธอทุกอย่างนั่นแหล่ะ ทั้งอารมณ์ ทั้งนิสัยและที่สำคัญลู่เฉียวเฉียวก็มีประสบการณ์มากกว่าเธอด้วย” ผู้อำนวยการหลี่กล่าว
“เธอมีแค่ประสบการณ์ในสถาบันเพียงเท่านั้น ส่วนอื่นๆ เธอไม่ได้มีดีอะไรไปมากกว่าฉันเลย ฉันไม่คิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาตัดสินได้” หลัวเสี่ยวเสี่ยวไม่พอใจ
ลู่เฉียวเฉียวแสร้งทำเป็นน่าสงสาร เธอกระทืบเท้าของเธอและตะโกน “ท่านคะ ยัยนี่ทำให้หนูต้องอับอาย ท่านต้องคืนความยุติธรรมให้หนูนะคะ”
ผู้อำนวยการหลี่ขมวดคิ้วและคำราม “หลัวเสี่ยวเสี่ยวเธอกล้ามาก! เธอทำแบบนี้กับลู่เฉียวเฉียวได้อย่างไร ต่อจากนี้เธออย่าได้หวังว่าจะมีอนาคตดีๆ อีกเลยออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ฉันไล่เธอออก!”
หลัวเสี่ยวเสี่ยวกัดริมฝีปากของเธอ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมา
ลู่เฉียวเฉียวฉายรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ
เมื่อเห็นฉากนี้ หลินปู้ฟานก็โกรธขึ้นมา
อนาคตจะเป็นยังไงตอนนี้ชั่งมันก่อน เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องถูกทำร้าย
หลัวเสี่ยวเสี่ยวร้องไห้ออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน หลินปู้ฟานก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดกับลู่เฉียวเฉียว “พี่สาวลู่ ผมเป็นนักศึกษาจากคลาสศิลปะผมชื่นชอบพี่มาก ผมอยากจะขอวาดภาพเหมือนให้พี่สักรูปจะได้ไหมครับ?”
ลู่เฉียวเฉียวรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อมีคนชื่นชมเธอ เธอบอกลาผู้อำนวยการหลี่และพาหลินปู้ฟานออกไปห้องข้างๆ
“น้องชาย สายตาของน้องชายดีจริงๆ น้องชายรู้ไหมว่าการจะให้คนที่สวยอย่างพี่มาเป็นแบบให้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” ลู่เฉียวเฉียวรู้ดีว่านักศึกษาศิลปะหลายคนชอบมองหาเด็กผู้หญิงในคลาสแฟชั่นมาเป็นแบบให้
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่สาวลู่ พี่สวยขนาดนี้ ผมคงจะวาดภาพความสวยของพี่ออกมาไม่ได้เหมือนแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องขอชื่นชมพี่จากใจจริงๆ ที่พี่เหยียบเรือพร้อมกันทีเดียวเยอะขนาดนี้ นี่พี่ไม่กลัวว่าเรือจะล่มบ้างเลยหรือยังไง?”
รอยยิ้มแห่งชัยชนะของลู่เฉียวเฉียวแข็งค้างไปในทันที
คอมเม้นต์