อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 17 อำนาจเงิน
ตอนที่ 17 อำนาจเงิน
ข้อเสนอของหลินปู้ฟานกับซุนหยานสำเร็จลุล่วง เธอจึงทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้โดยการขอร้องให้ซุนหว่านหมินพ่อของเธอมาเป็นหมอประจำตัวของแม่ของหลินปู้ฟาน
หลังจากที่ได้ใกล้ชิดกับซุนหยานมาสักพักก็ทำให้หลินปู้ฟานรู้จักเธอมากขึ้น เขารู้ว่าแม่ของเธอนั้นเสียไปเมื่อหลายปีก่อนและพ่อของเธอก็เลี้ยงดูเธอด้วยตัวคนเดียวมาโดยตลอดไม่ได้แต่งงานใหม่ และที่สำคัญพ่อของเธอนั้นหวงเธออย่างมาก
ซงเซิ่นฮุยและซุนหยานได้มีข้อตกลงระหว่างกันว่า ทั้งสองคนจะยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ที่มีให้คนอื่นรู้ พวกเขาจะรอจนกว่าซุนหยานจะจบม.ปลายก่อนค่อยคบกันแบบจริงจัง
เหลืออีกสามวันก็จะถึงวันที่ 12 แล้ว ตอนนี้หลินปู้ฟานมีเงินอยู่ในมือเพียงแค่ 2.5 แสนหยวนเท่านั้น ถ้าหากเขาต้องการที่จะทำกำไรก้อนโตเงินแค่นี้ยังไม่พอ
เนื่องจากตั๋วแทงบอลแบบถูกกฎหมายในยุคนี้ยังไม่มีแต้มต่อรางวัลจึงมีแค่แบบหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณแท่งฝั่งฝรั่งเศสในราคา 2.5 แสนคุณก็จะได้รับเพียง 2.5 แสนเท่านั้น
หลินปู้ฟานคิดจะแทงผ่านโต๊ะบอลนอกกฎหมาย แต่โต๊ะบอลถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในแผ่นดินใหญ่และยังไม่มีช่องทางให้แทงนี้ในยุคนี้
ค่ารักษาพยาบาลสำหรับส่งตัวแม่ของเขาไปรักษาที่สหรัฐอเมริกาอย่างต่ำๆ ก็ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ดังนั้นหลินปู้ฟานจึงต้องการเงินมากกว่านี้ เพื่อซื้อตั๋วแทงบอลสำหรับรอบชิงชนะเลิศที่จะถึง
“นายกำลังคิดอะไรอยู่?” ซูชิงเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ และตบไหล่หลินปู้ฟานด้วยท่าทางขี้เล่น
“คิดเรื่องเงิน” หลินปู้ฟานพูดอย่างหงุดหงิด
“นายต้องการเงินไปทำอะไร?” ซูชิงถามด้วยรอยยิ้ม
หลินปู้ฟานคิดในใจ: เธอยังไม่รู้หรอกว่าชีวิตจริงของคนเรานั้นยากขนาดไหน
“ฉันต้องการเงินไว้ใช้สำหรับการรักษาของแม่ในอนาคต”
“ฉันอาจจะมีวิธีที่ช่วยให้นายแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้นะ”
“ว่ามา”
“ถ้านายมาเข้าร่วมกับตระกูลฉัน ครอบครัวของฉันสามารถดูแลเรื่องค่ารักษาของแม่ทั้งหมดได้นะ นายคิดว่าไง?” ซูชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนแรกซูชิงเพียงแค่อยากรู้เรื่องของหลินปู้ฟานมากขึ้นเท่านั้น แต่ความรู้สึกของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ฟังหลินปู้ฟานร้องเพลง”ชายชรา”ในวันนั้น เธอก็หลงเสน่ห์ของหลินปู้ฟานเข้าจริงๆ
“กระดูกของฉันยังแข็งแรงดีอยู่และฉันก็ไม่ชอบกินอาหารอ่อนๆ” หลินปู้ฟานพูดอย่างว่างเปล่า เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นในเวลานี้และเขายังมีข้อมูลสำคัญที่จะมีประโยชน์อยู่ในมือมากมายและก็มีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศ ดังนั้นเขาจะยังไม่แต่งเข้าสกุลใครในตอนนี้แน่นอน และที่สำคัญที่สุดคือ หลินปู้ฟานไม่ได้ชอบซูชิง ในสายตาของเขาซูชิงเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
“หึ!” ซูชิงแลบลิ้นเล็กๆ ของเธอและทำหน้ามุ่ย “ผู้ชายคนอื่นๆ แทบจะรอไม่ไหวที่จะพุ่งเข้ามาในบ้านของฉัน แต่นายกลับปฏิเสธมันได้ทันที”
“บ้านของฉันมีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่จะสืบทอดสกุลได้ แล้วจะให้ฉันแต่งเข้าสกุลอื่นได้ยังไง?”
หากว่าเขาแต่งเข้าตระกูลซู เด็กที่เกิดก็จะต้องใช้นามสกุล”ซู”
“เรื่องนี้ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไรเลย ลูกคนแรกที่เกิดมาก็ให้ใช้นามสกุลว่าหลินของนายส่วนคนที่สองก็ให้ใช้นามสกุลซูของฉัน แบบนี้นายตกลงไหม?” ซูชิงกระพริบดวงตากลมโตของเธอ การที่เธอพูดอะไรแบบนี้ออกมาในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างนี้มันทำให้ดูตลกอย่างมาก
หลินปู้ฟานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี “เด็กน้อย นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่? กลับไปนั่งที่ของเธอได้แล้ว”
“ฮึ่ม! ฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรนายขนาดนั้นสักหน่อย ฉันแค่จะชวนนายไปที่บ้านเพราะแม่ต้องการจะเจอนายและกินข้าวกับนายก็เท่านั้น”
หลินปู้ฟานกำลังจะปฏิเสธออกไป แต่ก็มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขาทันที อาจจะง่ายกว่าถ้าเขาขอยืมเงินจางอี้หนี่มาสักก้อนหนึ่งและคืนหลังจากที่ฟุตบอลโลกจบลง
“อืม… ได้สิ”
“นายตกลงแล้วนะ” ซูชิงพูดอย่างมีความสุข
หวังปินมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาโกรธมากจนถึงกับฉีกหนังสือแบบฝึกหัดในมือจนขาด
ไอ้หมาหลินปู้ฟานนี่มันทำอะไรกับซูชิงกันแน่
ฉันจะต้องทำให้มันอับอายให้ได้
ในขณะพักกลางวันหวังปินได้ออกไปข้างนอกและโทรหาพี่ใหญ่ช๋ง
พี่ใหญ่ช๋งและหวังปินเจอกันครั้งแรกที่ร้านเกมและหวังปินก็เคารพพี่ใหญ่ช๋งอย่างมาก
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย หลินปู้ฟานกำลังรอซูชิงที่ถูกครูเรียกไปที่ห้องพักครูอยู่ในห้องเรียน แต่ไม่นานเพื่อนร่วมชั้นของเขาก็เข้ามาบอกว่า มีคนมาหาและรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
หลินปู้ฟานสงสัย ใครกันที่มาหาเขาที่โรงเรียน?
เมื่อเขาออกไปหน้าประตูโรงเรียน เขาก็เห็นชายหลายคนยืนอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม หนึ่งในนั้นเป็นชายผิวสีเข้มร่างกายกำยำในชุดเสื้อกั๊กสีดำที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นหลินปู้ฟาน นักเลงเหล่านั้นก็เดินเข้ามา
“แกเองเหรอหลินปู้ฟาน?” ชายหนุ่มร่างกำยำคือพี่ใหญ่ช๋ง
“ใช่ ฉันเอง” หลินปู้ฟานไม่ได้โง่ เขารู้ว่าเขากำลังโดนหาเรื่องอยู่
“ตามฉันมา” พี่ใหญ่ช๋งพูดพร้อมกับก้าวมาข้างหน้าและบีบไหล่ของหลินปู้ฟาน ทั้งหมดพาหลินปู้ฟานไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อพวกเขามาถึง พี่ใหญ่ช๋งและคนอื่นๆ ก็เริ่มแสดงสีหน้าน่ากลัวออกมา
“แกนี่มันกล้ามากจริงๆ แกกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของน้องชายฉันได้ยังไง? แกไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วงั้นเหรอ?” พี่ใหญ่ช๋งพูดด้วยท่าทางวางกล้าม
หลินปู้ฟานจ้องตา “หวังปินเป็นคนขอให้พวกคุณมาทำแบบนี้?”
“แกก็ไม่ได้โง่นี่ แต่แล้วยังไง? ถึงแกจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพวกครูในโรงเรียนแต่แกก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดพวกฉันได้อยู่แล้ว”
“ฉันก็ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว… ” หลินปู้ฟานพูดและหยิบเงินสองพันหยวนออกจากกระเป๋านักเรียนของเขา “หวังปินจ่ายให้คุณเท่าไหร่? ถ้าให้ผมเดาเต็มที่ก็คงให้บุหรี่แค่ไม่กี่ซองจริงไหม? แต่ผมจ่ายให้คุณได้มากกว่านั้น ถ้าคุณสั่งสอนหวังปินให้ผมสักหน่อยคุณก็เอาเงินพวกนี้ไปด้วยเลย”
พี่ใหญ่ช๋งและพักพวกมองหน้ากัน ในยุคนี้ที่เงินเดือนขั้นต่ำได้มากก็ยังแค่ไม่กี่ร้อยหยวนต่อวันและการที่นักเรียนคนหนึ่งควักเงินออกมาขนาดนี้มันเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก
“หวังปิน ไอ้สารเลวนั่นมันกล้ามามีเรื่องกับพี่ชายได้ยังไง?” พี่ใหญ่ช๋งเน้นคำว่าพี่ชาย
“ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวรจริงๆ ผมนึกว่าคุณกับหวังปินจะสนิทกันมากเสียอีก…” หลินปู้ฟานหยิบออกมาอีกสองพันหยวน
ในกระเป๋านักเรียนของหลินปู้ฟานมีเงินอยู่ทั้งหมด 1 หมื่นหยวนถูกแบ่งออกเป็นห้ากอง
ถึงพี่ใหญ่ช๋งจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้แต่เขาก็ไม่ได้มีอำนาจตัดสินเรื่องทั้งหมดเอง
ถัดจากพี่ใหญ่ช๋ง ชายหนุ่มที่มีแก้มลิงปากแหลมแสดงสายตาเจ้าเล่ห์ออกมา “ไม่คิดเลยว่าเราจะได้เจอแกะอ้วนในวันนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูไอ้โง่นี่สิ”
หลินปู้ฟานหัวเราะ
ด้วยรอยยิ้มของพี่ใหญ่ช๋งและคนอื่นๆ หายไปและแทนที่ด้วยอาการสงสัย
“แกหัวเราะอะไร?”
“ผมหัวเราะคนโง่ คุณคิดว่าเด็กนักเรียนที่พกเงินมากมายแบบผมจะเป็นคนธรรมดาเหรอ? จะบอกให้รู้ไว้ก่อนที่พวกคุณจะทำอะไรโง่ๆ ลงไปนะ ลุงของผมเป็นข้าราชการและครอบครัวของผมก็ทำธุรกิจด้วย คุณคิดว่าคุณจะรอดไปได้เหรอ?” หลินปู้ฟานเปิดกระเป๋านักเรียนของเขาเผยให้เห็นเงินอีกสามปึกที่อยู่ข้างใน “ในนี้มีเงินอีก 6 พันถ้าคุณคิดว่าคุณจะรอดไปได้ก็เอาไปได้เลย… หรือจะให้ง่ายกว่านั้นคุณก็แค่ไปทุบหวังปินให้ผมสักสองสามทีแล้วก็เอาเงินไป”
หลังจากได้ยินอย่างนั้น พี่ใหญ่ช๋งและคนอื่นๆ ก็ลังเลขึ้นมา
ชายหนุ่มที่มีแก้มลิงปากแหลมดึงพี่ใหญ่ช๋งมาข้างๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันว่าเด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยนะ”
“เมื่อกี้แกยังว่าเขาเป็นแกะอ้วนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงต่อ? นายกับหวังปินเป็นเหมือนกับพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ?”
“ยังจะถามอะไรโง่ๆ ออกมาอีก แกคิดว่าฉันจะยอมตายเพื่อบุหรี่ไม่กี่ซองหรือไง?”
“ฉันว่าเราแค่รับเงินนี่แล้วก็หนีไปดีกว่า เขาไม่รู้หรอกว่าเราจะไปตีหวังปินจริงๆ ไหม”
“ก็จริง”
หลังจากปรึกษากันเสร็จ พี่ใหญ่ช๋งก็ตกลงที่จะรับเงิน
หลินปู้ฟานหัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณต้องการเงินนี่ คุณต้องทำตามที่ผมบอกก่อน”
ชายหนุ่มที่มีแก้มลิงและพี่ใหญ่ช๋งมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีทางเลือกแล้ว
เมื่อหวังปินเห็นหลินปู้ฟานถูกพี่ใหญ่ช๋งและคนอื่นๆ พาตัวไป เขาก็เดินตามไปด้วย
“ทำไมพวกเขายังไม่กระทืบไอ้หมาโง่นั่นอีก” หวังปินพูดออกมาด้วยความสับสนเมื่อเขาเห็นหลินปู้ฟานที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่
หลินปู้ฟานเดินเข้าไปหาหวังปินด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
“เปรี้ยง!”
เสียงหนักๆ ดังขึ้นที่ใบหน้าของหลังปิน
“หลินปู้ฟานแกกล้าดียังไง พี่ใหญ่ช๋งจัดการมัน” หวังปินตะโกนด้วยความเดือดดาน
“พี่ใหญ่ช๋งถึงเวลาของพวกคุณแล้ว” หลินปู้ฟานพูดด้วยเสียงต่ำและหันหลังเดินออกไป
จากนั้นพี่ใหญ่ช๋งพุ่งเข้ามากระทืบหวังปินทันที
“พี่ช๋ง พี่ตีผมทำไม?” หวังปินตะโกน
หลินปู้ฟานถอนหายใจแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด
หลังจากพี่ใหญ่ช๋งทุบตีเสร็จ หลินปู้ฟานก็โยนเงินให้เขา “ทำได้ดีมาก”
“ขอบคุณ หากคุณไม่พอใจใครอีกในอนาคตโทรหาผมได้ทันทีเลยนะ นี่คือหมายเลขเพจเจอร์ของผม” พี่ใหญ่ช๋งเขียนหมายเลขเพจเจอร์และส่งให้หลินปู้ฟาน
หลินปู้ฟานรับไว้และเดินไปที่หวังปินที่นอนซมอยู่ที่พื้น “หวังปิน ถ้าแกยังทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีกในอนาคต ฉันคงไม่ต้องบอกผลที่จะตามมาใช่ไหม?”
หลังจากพูดจบ หลินปู้ฟานก็เดินจากไป
เมื่อหลินปู้ฟานจากไป หวังปินก็ตะโกนใส่พี่ใหญ่ช๋งด้วยความโมโห “พี่ใหญ่ช๋ง พี่เห็นเงินดีกว่าผมได้ยังไง?”
“มึงยังโดนกระทืบไม่หนักพอหรือไง? พวกกูเกือบตายเพราะมึงคนเดียวเลยมึงรู้ไหม? ลุงของเขาเป็นข้าราชการ มึงต้องการให้พวกกูตายหรือไง?”
“เป็นไปไม่ได้ บ้านของมันมีแต่ผีน่าสงสาร”
“ผีน่าสงสารมีเงินขนาดนี้เลยหรือไง?”
“… ” หวังปินอึ้งไปชั่วขณะ “มันอาจจะไปขโมยมาก็ได้บ้านของมันจนจะตาย พี่กำลังถูกมันหลอกถ้าพี่ไม่เชื่อก็ไปถามเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นก็ได้”
ชายหนุ่มที่มีแก้มลิงพูดขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ช๋งเราไล่ตามเด็กนั่นไปกันเถอะ ถ้าเงินพวกนั้นเป็นเงินที่ขโมยมาจริงๆ เราก็สามารถเอามันมาเป็นของเราทั้งหมดได้”
พี่ใหญ่ช๋งไม่คิดมาก เขาพยักหน้าและวิ่งตามออกไปทันที
ทันทีที่เขาออกไป เขาก็เห็นหลินปู้ฟานกำลังคุยกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งอยู่
“ลุงซู?”
พูดถึงเหตุการณ์ครั้งก่อน หลินปู้ฟานได้ช่วยหัวหน้าซูไม่ให้เสียเงิน 1 แสนไว้ได้ วันนี้หัวหน้าซูจึงตั้งใจมาหาหลินปู้ฟานเพื่อขอบคุณ
แต่บริเวณโรงเรียนไม่มีที่จอดรถ เขาจึงต้องขับรถมาจอดไว้ที่ข้างหน้าสวนแห่งนี้และเมื่อเขาเห็นหลินปู้ฟานเขาจึงเดินเข้ามาหาทันที
หลินปู้ฟานมองย้อนกลับไปและเห็นพี่ใหญ่ช๋ง เขาก็ขมวดคิ้ว
ชายคนนี้ยังต้องการอะไรอีก?
ลุงซูมองไปเห็นพี่ใหญ่ช๋ง “ช๋งเฉินเธอมาทำอะไรที่นี่”
พ่อของช๋งเฉินทำงานให้กับบริษัทแท็กซี่ของหัวหน้าซู
ช๋งเฉินหัวใจเต้นรัว เด็กคนนี้รู้จักกับลุงซูด้วย?
คอมเม้นต์