อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 29 แผนการกว้านซื้อ
ตอนที่ 29 แผนการกว้านซื้อ
ชายวัยกลางคนเป็นลูกชายของชายชรา เขามีโหนกแก้มที่ยื่นออกมาเหมือนกับตาปลาและใบหน้าดูทรยศเล็กน้อย
สำหรับบ้านเก่าทรุดโทรมที่ไม่มีประตูหลังนี้ตามราคาปัจจุบันของกุ้ยซานราคายังไม่ถึง 5 หมื่นเลยด้วยซ้ำ
2 แสนหยวนนั้นถือว่าเป็นราคาที่สูงกว่าปกติถึง 4 เท่า
ด้วยเหตุนี้ตาปลาจึงรู้สึกสงสัย เขาดึงชายชราเข้าไปในบ้านและพึมพำ “พ่อ บ้านพังๆ ของเราหลังนี้แทบไม่มีราคาเลย แต่ชายคนนี้กลับยอมจ่ายมากถึง 2 แสนหยวนเพื่อมัน ผมว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่นี่แน่นอน”
ชายชราคิดสักพัก… ที่ลูกชายของเขาพูดก็มีเหตุผล
หลินปู้ฟานก้าวไปข้างหน้าและตำหนิ “ลุงเข้าไปถามซื้อบ้านพังๆ หลังนี้ด้วยท่าทางตื่นเต้นขนาดนั้น ถ้าเป็นผมผมก็คงระแวงเหมือนกัน ต่อไปนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้วคอยดูผมก็พอ”
ลุงซูก้มหน้าด้วยความอับอาย ในฐานะที่เป็นเจ้าของธุรกิจมานานเขากลับมาทำพลาดกับเรื่องแบบนี้ “เฮ้อ.. คงต้องฝากเรื่องนี้ให้หลานจัดการแล้ว”
จางอี้หนี่ส่ายหัวและคิดในใจ: ตาแก่ซูนี่ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้
ในทางตรงกันข้าม หลินปู้ฟานที่ยังเด็กกลับดูแก่กว่าเขาเสียอีก
สองพ่อลูกออกมาจากบ้านอีกครั้ง
“คุณปรึกษากันเสร็จแล้ว?” หลินปู้ฟานถามออกไปเบาๆ ดูไม่เร่งรีบอะไร
ตาปลาเหยียดนิ้วออกไปห้านิ้วแล้วพูดว่า “5 แสนถ้าไม่ใช่ราคานี้ก็ไม่ต้องคุยกันอีก”
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างดูถูก “5 แสนเหรอ? ทำไมคุณไม่บอกว่า 5 ล้านไปเลยล่ะ?”
ตาปลาตะลึง เขากระพริบสองสามครั้งแล้วถามออกมา “หมายความว่าไง?”
“คุณต้องการจะขายบ้านพังๆ นี่ในราคา 5 แสนเนี่ยนะ? คุณจะบ้าหรือไงใครจะไปโง่ซื้อ?” หลินปู้ฟานหัวเราะเยาะ
“งั้น … งั้น งั้นถ้า 4 แสนล่ะว่ายังไง?”
เงิน 4 แสนหยวนสามารถซื้อบ้านเชิงพาณิชย์ชั้นดีในตัวเมืองได้เลยและตาปลาก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้
หลินปู้ฟานหัวเราะและพูดอย่างเหยียดหยาม “4 แสน? เงินขนาดนั้นสามารถซื้อบ้านแถวนี้ได้เป็น 10 หลัง คุณคิดว่าเงินของเราตกมาจากฟ้าหรือไง? พ่อ แม่ … เราไปกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ หลินปู้ฟานก็พาลุงซูกับจางอี้หนี่จากไป
“ไม่ๆๆ อย่าพึงไป ถ้า 3 แสนล่ะจะว่ายังไง?” ตาปลาเห็นว่าเงินกำลังจะจากไปเขาจึงกังวลขึ้นมา แต่หลินปู้ฟานก็ยังคงพาลุงซูและจางอี้หนี่เดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจเขา “2 แสน ตามที่คุณบอกก่อนหน้านี้ 2 แสน”
หัวใจของลุงซูรู้สึกกระปี้กระเป่า เขาส่งสายตาไปที่หลินปู้ฟาน แต่หลินปู้ฟานยังคงไม่ไหวติงใดๆ
“อย่าเพิ่งไปๆ เราสามารถพูดคุยกันได้” ตาปลากังวลเขาต้องการสร้างบ้านในเมืองให้กับลูกชายของเขา
หลินปู้ฟานหยุดแล้วหันมองไปรอบๆ “เมื่อกี้พ่อของผมเสนอให้คุณที่ 2 แสนหยวนแต่คุณกลับคิดว่ามันแปลกและเลือกที่จะขึ้นราคา ผมจะบอกให้ว่าทำไมพ่อของผมถึงต้องใช้เงินถึง 2 แสนหยวนเพื่อซื้อบ้านพังๆ หลังนี้ ทั้งหมดก็เพราะบ้านของคุณหลังนี้สร้างขึ้นบนจุดเก้าหยินที่พวกเราต้องการ”
“จุดเก้าหยินคืออะไร?” ตาปลาและชายชราไม่เข้าใจ
หลินปู้ฟานชี้ไปที่จางอี้หนี่ “แม่ของผมสุขภาพไม่ค่อยดี เพราะงั้นแม่ของผมจึงจำเป็นต้องเติมหยินเพื่อบำรุงหยางและหมอดูก็ให้ตำแหน่งนี้กับเรามา เขาบอกว่าใต้บ้านของคุณคือจุดเก้าหยินมีพลังหยินมากเพียงพอที่จะเติมหลังหยินกับให้แม่ของผมได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังเต็มไปด้วยพลังหยินจากหลุมศพมากมาย”
ตาปลายิ้ม “ไม่ใช่ว่าใต้บ้านนี้มีสมบัติอะไรหรอกเหรอ?”
“เฮ้อ สมองคุณกำลังคิดอะไรอยู่? ผมขอถามอะไรหน่อยนะ คุณพ่อของคุณเป็นโรคไขข้อหรือป่าว? ตอนที่ฝนตกเขาจะปวดหลังอย่างมากและแขนขาอ่อนแรงใช่ไหม?” หลินปู้ฟานถามออกมา
ตาปลามองไปที่ชายชราและชายชรากล่าวด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ได้อย่างไร?”
“จุดเก้าหยินนี้ปล่อยพลังหยินออกมาตลอดทั้งปี มีเพียงคนที่ขาดพลังหยินเหมือนแม่ของผมเท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ได้ เพราะถ้าหากคนธรรมดาอย่างคุณอาศัยอยู่ที่นี่ มันจะทำให้พลังหยินและหยางประสานกันจนทำใหพลังหยินไหลเข้าสู่กระดูก จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกคุณ” หลินปู้ฟานพูดจนทำให้ตาปลาและชายชรางุนงง
ในความเป็นจริงเมื่อหลินปู้ฟานเห็นชายชราในแว๊บแรก เขารู้ได้ทันทีว่าชายชรากำลังเป็นโรคไขข้ออักเสบอยู่
ข้อต่อเข่าของชายชราคดงอ ข้อเท้าปูดบวมและมีรอยที่เกิดจากการฝังเข็มและการรมยามากมายมาตลอดทั้งปี นอกจากนี้เขายังเคาะหลังที่ง่อนแง่นอยู่ตลอดเพื่อบรรเทาอาการปวด
ตอนนี้เป็นฤดูร้อนและการที่เขาทำแบบนี้ทำให้ใครๆ ก็มองออก
ชายชรากระซิบ “ปรากฎว่าฉันเป็นโรคไขข้ออักเสบ ฉันน่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้”
“เจ้านาย ผมจะขายบ้านของผมให้คุณในราคาที่ถูกกว่า ผมจะขายที่ 1 แสนหยวน” ตาปลาพูดอย่างรีบร้อน
“ลืมมันไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่แค่จุดเดียวที่เป็นจุดเก้าหยิน แม่ครับ พ่อครับเราไปกันเถอะ” หลินปู้ฟานดึงจางอี้หนี่และลุงซูออกไปจากสายตาของทั้งสองคน
ขากลับเข้าเมือง
ลุงซูก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ตอนนี้ราคาเหลือแค่แสนหยวนแล้วทำไมยังไม่ซื้อล่ะ?”
หลินปู้ฟานตอบด้วยแววตานักธุรกิจ “สิ่งที่เราต้องการจะซื้อไม่ใช่แค่บ้านหลังนั้นเพียงหลังเดียว แต่ที่เรากำลังจะคือซื้อบ้านที่นั่นทั้งหมด ถ้าลุงซื้อบ้านหลังนั้นในราคา 1 แสนหยวนลุงก็จะต้องซื้อบ้านหลังอื่นๆ ในราคาเท่ากัน ลุงต้องการจะลงทุนตรงนี้ด้วยเงินเท่าไหร่? บ้านและที่ดินทั้งหมดที่นั่นมีเท่าไหร่ลุงคํานวณไว้แล้วหรือยัง?”
คำพูดพวกนี้ปลุกสติของลุงซู
เงินกว่า 10 ล้านหยวนของหลินปู้ฟานไม่สามารถนำมาใช้ทำอะไรได้ เพราะมันเป็นค่ารักษาพยาบาลของแม่ของเขา เงินที่จะใช้ในการลงทุนที่นี่เป็นเงินของจางอี้หนี่และลุงซู ถึงแม้ว่ามันจะมีมากกว่า 40 ล้านหยวน แต่ถ้าไม่วางแผนให้ดี มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อบ้านและที่ดินทั้งหมดในกุ้ยซานได้
ยิ่งไปกว่านั้นตามข้อบังคับในขณะนี้ แม้ว่าจะมีการซื้อสิทธิในการใช้งานที่ดิน แต่ก็ยังต้องเสียภาษีในราคาแพงอยู่ดี
จางอี้หนี่แอบชื่นชมหลินปู้ฟานในใจ เพราะจริงๆ แล้วจางอี้หนี่เองก็อยากจะถามว่าทำไมไม่ซื้อในราคา 1 แสนหยวนเหมือนกัน
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ลุงซูถามอย่างนอบน้อม
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “คุณลุงกับคุณป้าได้อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้กันบ้างไหม?”
ลุงซูและจางอี้หนี่ส่ายหัว พวกเขาไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์เท่าไหร่
“หางโจวกำลังจะสร้างสุสานแห่งใหม่…” หลินปู้ฟานแสดงรอยยิ้มที่ลึกลับและชั่วร้ายออกมาจนทำให้จางอี้หนี่และลุงซูขนลุกซู่
ขณะนี้มีสุสานอยู่เพียงแห่งเดียวในหางโจว มันตั้งอยู่ทางเหนือที่ไกลออกไปเรียกว่าสุสานปี้หยี๋กวาน เป็นสุสานที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1980 ในเวลานั้นประชากรของหางโจวยังมีเพียงไม่กี่แสนคนเท่านั้น แต่ตอนนี้มีจำนวนกว่าหลายล้านคนแล้ว ถึงตอนนี้รัฐบาลจะส่งเสริมการเผาศพอย่างจริงจัง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกจะทำตามประเพณีดั้งเดิมอยู่ ด้วยเหตุนี้สุสานจึงถูกสร้างเพิ่มขึ้น
ในเวลานั้นมีคำกล่าวที่เป็นที่นิยมปรากฏในหนังสือพิมพ์: เงินของคนตายดีกว่าเงินของคนเป็น
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แออั ดหางโจวคิดที่จะสร้างสุสานแห่งใหม่ขึ้น การวิเคราะห์เบื้องต้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะสร้างที่ไหน
แผนของหลินปู้ฟานคือเขาจะใช้ให้คนกลับไปที่ภูเขานั่นแล้วกระจายข่าวว่าสุสานใหม่อาจจะมาสร้างที่นั่น เพราะแต่เดิมแล้วที่นั่นก็ถูกเรียกว่า”ภูเขาผี”อยู่แล้ว ข่าวนี้น่าจะสร้างผลกระทบได้มหาศาล
ถึงสุสานจะไม่ได้กินพื้นที่ของกุ้ยซานไปทั้งหมด แต่ยังไงสุสานก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของกุ้ยซานแน่นอน ถ้ามีสุสานอยู่ในกุ้ยซานผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะอยู่กันอย่างมีความสุขเหรอ? ทุกๆ วันพวกเขาต้องเจอคนมากมายที่ใส่ชุดไว้ทุกข์เดินทางมาเพื่อจัดงานศพที่นี่ เมื่อต้องเผชิญกับเสียงร่ำให้แห่งความโศกเศร้าทุกๆ วัน คุณคิดว่าพ่อแม่จะทนให้ลูกๆ อยู่ในที่แบบนั้นต่อไปได้หรือไม่?
หลังจากข่าวการสร้างสุสานใหม่เผยแพร่ออกไป พวกเขาก็จะเริ่มกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์และวนดูพื้นที่รกร้างสองสามแห่ง
“เสี่ยวหลิน หลานอัจฉริยะจริงๆ” ลุงซูชื่นชม
“จุดหลักของเรื่องนี้คือ พื้นที่รกร้าง 200 เอเคอร์ที่อยู่ด้านหลังเขากุ้ยซาน หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไปลุงซูต้องไปเลี้ยงอาหารชั้นเลิศกับหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านกุ้ยซานสักมื้อเพื่อคุยเกี่ยวกับพื้นที่รกร้างผืนนั้น”
“เราจะเอาพื้นที่รกร้างผืนนั้นไปทำอะไร?”
“ลุงจะรู้เองในอนาคต” หลินปู้ฟานพูดต่อเบาๆ “อีกไม่นานบริษัทใหญ่ๆ น่าจะเข้ามาแข่งขันกับเรา แล้วตอนนั้นแหล่ะที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่รกร้างผืนนั้น”
“หือ บริษัทใหญ่ๆ?” ลุงซูตะลึง
“ทำขั้นแรกให้สำเร็จก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลังครับ แล้วต้องจำไว้ด้วยนะครับว่า อย่าให้ราคาชาวบ้านเกิน 80,000 หยวนเด็ดขาด”
“เอาล่ะ ป้าจะส่งคนไปที่ภูเขาพรุ่งนี้เพื่อกระจายข่าว”
“หาคนฉลาดๆ สักสองสามคน ถ้าเป็นคนที่เป็นคนของหมู่บ้านนั้นที่ไปทำงานอยู่ที่อื่นจะดีมาก แล้วให้พวกนั้นทำทีว่ากลับไปเยี่ยมบ้านแล้วข่าวที่กระจายออกไปจะน่าเชื่อถือมากขึ้น”
“เข้าใจแล้ว”
ยิ่งจางอี้หนี่ฟังหลินปู้ฟานพูดมากเท่าไหร่ ในใจของจางอี้หนี่ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมหลินปู้ฟานมากขึ้นเรื่อยๆ
วันต่อมา..
หลินปู้ฟานพบหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์จากการค้นหา
หลินปู้ฟานสื่อสารกับทางโรงพยาบาลด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว หลังจากอธิบายสถานการณ์แล้ว อีกฝ่ายก็บอกว่าตราบใดที่ยังมีเงินก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่นี่เป็นประเทศทุนนิยมที่เงินต้องมาก่อน
สำหรับผู้ป่วยจากต่างประเทศทางโรงพยาบาลได้ยืนข้อเสนอออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อมที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินหยวนในเวลานี้มีค่าเท่ากับ 8 ล้านหยวน
นอกจากนี้หากคุณต้องการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรับการรักษา ทั้งโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์และโรงพยาบาลประจำจังหวัดของจีนจำเป็นต้องร่วมกันออกเอกสารรับรองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ ทางโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์กล่าวว่าจะช่วยออกใบรับรองให้ในราคา 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัญหาติดอยู่ที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนประจำจังหวัด
ส่วนใหญ่โรงพยาบาลประจำจังหวัดในจีนจะออกเอกสารรับรองการส่งตัวรักษาในต่างประเทศให้กับโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น การที่จะให้โรงพยาบาลประจำจังหวัดออกใบรับรองให้กับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
สำหรับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เรื่องนี้ถูกตัดสินได้ด้วยเงิน แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้กับที่นี่
หลินปู้ฟานคิดจะหาโรงพยาบาลเอกชนในจีน แต่โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่สามารถออกเอกสารรับรองการส่งตัวไปรักษาต่างประเทศได้ โรงพยาบาลที่จะออกเอกสารนี้ได้ต้องเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดเท่านั้น
ซุนหว่านหมินบอกว่าคณบดีกลับมาแล้ว
หลินปู้ฟานซื้อผลไม้และเตรียมเงินไว้ในตัวพร้อมสืบหาว่าคณบดีคือใคร
เมื่อเขาไปถึงโรงพยาบาลเขาก็ไปดูแลแม่ของเขาก่อน หลังจากคุยกับแม่สักพักเขาก็ไปที่สำนักงานคณบดี
เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากข้างใน
“ออกไป! เอาเงินขยะของคุณออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้!!”
คอมเม้นต์