อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 50 หยูเฟยหมดทางเลือก
ตอนที่ 50 หยูเฟยหมดทางเลือก
หลังจากจางเหอกลับไป เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หยูเฟยฟัง
“เป็นแค่บริษัทเล็กๆ กล้าดียังไงมาสู้กับเถิงเฟยกรุ๊ปของเรา” หยูเฟยตบลงบนโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าโกรธจัด
“หัวหน้าหยูเราจะทำยังไงต่อดีครับ?”
หยูเฟยขมวดคิ้ว
เมื่อประธานมาพบเขา ประธานบอกเขาว่าแผนพัฒนาของกุ้ยซานจะต้องเริ่มดำเนินการทันที โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเถิงเฟยกรุ๊ปในรอบ 5 ปี และยังเป็นโครงการที่ทำกำไรได้มากที่สุดอีกด้วย
เดิมทีประธานก็คิดว่ากุ้ยซานเป็นเพียงพื้นที่ชั้นสองในเขตพัฒนา แต่หลังจากจากเขาได้รู้ว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจะถูกสร้างขึ้นทางตอนเหนือของกุ้ยซานและถนนทางด้านทิศใต้จะขยายออกไปเพื่อเชื่อมเส้นทางตะวันออกและตะวันตก เขาก็รู้ว่ากุ้ยซานจะเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน
ด้วยเงินลงทุน 1.2 พันล้าน ที่นั่นเป็นราวกับกองสมบัติ
เป็นเกมที่ไม่สามารถแพ้ได้
ทำให้ความรับผิดชอบทั้งหมดที่อยู่บนบ่าของหยูเฟยหนักขึ้นไปอีก
“จางอี้หนี่คนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ เธอไม่ต้องการเงินหรือบ้านที่ถิ่นฐานใหม่ แต่เธอต้องการให้เราแลกเปลี่ยนเท่านั้น เลวจริงๆ เธอรู้ว่าราคาบ้านพวกนั้นจะสูงมากขึ้นอีกในอนาคต เธอต้องการจะบีบเรา จางเหอโทรหาหัวหน้าสำนักงานพัฒนาและขอให้เขาช่วยกดดันจางอี้หนี่อีกแรง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะทนรับแรงกดดันจากรัฐบาลไหว”
“ครับ!”
จางเหอ โทรหาผู้บังคับบัญชาอันดับที่สองของสำนักงานพัฒนาทันที
ที่โรงแรมจุนหัว
หลินปู้ฟานให้คำแนะนำกับจางอี้หนี่
“ขั้นตอนต่อไปสำหรับเถิงเฟยกรุ๊ป ดูจากทั้งหมดที่เกิดขึ้นพวกเขาคงจะใช้คอนเน็คชั่นเพื่อกดดันบริษัทเชิ่งชี่อย่างแน่นอน” หลินปู้ฟานเปิดโรงเรียนฝึกอบรมนักธุรกิจในชีวิตที่แล้ว เขาจึงรู้ดีว่าบริษัทใหญ่ๆ จะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร
“เสี่ยวหลิน มันไม่ยากไปหน่อยเหรอที่จะรับมือกับรัฐบาล? ถ้าคนใหญ่คนโตมากดดันเรา ป้ากลัวว่าเราจะรับมือไม่ไหว” จางอี้หนี่ทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว เธอรู้ชะตากรรมของการต่อต้านผู้นำดี
“นั่นสิ” ลุงซูเองก็เริ่มไม่แน่ใจเช่นกัน
หลินปู้ฟานยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไปครับ เขามีวิธีของเขา ผมก็มีวิธีของผมเช่นกัน”
หลินปู้ฟานขอให้จางอี้หนี่ปิดโรงแรมจุนหัวและติดประกาศ: ตกแต่งภายใน ปิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน
จากนั้นจางอี้หนี่ก็สั่งการลูกน้องบางอย่าง
หลินปู้ฟานสั่งให้จางอี้หนี่ติดประกาศไว้ที่หน้าบ้านว่า ‘กำลังจะเดินทางและจะกลับมาอีกหนึ่งเดือน’
สำนักงานของบริษัทเชิ่งชี่อยู่ในโรงแรมจุนหัว ด้วยวิธีนี้หัวหน้าของรัฐบาลก็จะไม่สามารถติดต่อจางอี้หนี่ได้
สองวันต่อมา
หยูเฟยตบโต๊ะและคำราม “อะไรนะ!? โรงแรมปิดปรับปรุง?”
จางเหอก้มหน้าเหงื่อตก “ครับ เราส่งคนไปที่บ้านของจางอี้หนี่แล้วเห็นประกาศติดไว้ที่ประตูบ้านด้วยว่า ฉันไปเที่ยวและจะกลับมาในอีกหนึ่งเดือน”
“แม่งเอ๊ย พวกมันจงใจกวนตีนฉันหรือไง?” หยูเฟยควันออกหัว เขาไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยเป็นเดือนๆ ได้
ตั้งแต่ได้สิทธิ์ในการพัฒนากุ้ยซานมา พวกเขาก็ได้เริ่มดำเนินแผนการกับชาวบ้านทันที ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแม้บางส่วนจะมีปัญหาแต่พวกเขาก็จัดการได้
“หัวหน้าหยูครับ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมกลัวว่าท่านประธานจะ..”
ทันทีที่พูดจบประตูห้องทำงานก็เปิดออก
ประธานเซี่ยเถิงเฟยเดินเข้ามาอย่างกระวนกระวาย เขาเป็นชายอายุ 50 ปีสวมชุดสูททรงตรง คิ้วดาบและดวงตาที่กับคล้ายนกอินทรีทำให้เขาดูทรงพลัง
“หยูเฟยนี่มันกี่วันแล้ว บ้าน 102 หลังยังซื้อมาไม่ได้อีกเหรอ?” เซี่ยเถิงเฟยถาม
หนังศีรษะของหยูเฟยเย็นวาบ เขาก้มต่ำลง “ประธานจางของบริษัทเชิ่งชี่ออกไปเที่ยวและเธอก็ปิดโทรศัพท์ด้วยครับ ทั้งบ้านและร้านอาหารของเธอก็ปิดหมด เราไม่สามารถติดต่อเธอได้เลยครับ”
“ความสามารถของแกมีเท่านี้หรือไง?” เซี่ยเถิงเฟยเต็มไปด้วยความโกรธ “ถ้าแกไม่มีความสามารถก็ลงมา มีหลายคนที่ต้องการทำหน้าที่ของแก ถ้าแค่บริษัทเล็กๆ อย่างบริษัทเชิ่งชี่นี่แกยังจัดการไม่ได้ แกก็ลุกออกจากเก้าอี้รองประธานไปซะ!”
“ท่านประธานครับขอเวลาให้ผมอีกสักนิด ผมจะแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างแน่นอนครับ” หยูเฟยขอร้อง
เซี่ยเถิงเฟยชี้ไปที่หยูเฟย “ฉันจะให้เวลาแกอีกสองวัน หลังจากสองวันถ้าแกยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ก็เตรียมตัวไว้ได้เลย”
หลังจากพูดจบเซี่ยเถิงเฟยก็กระแทกประตูจากไป
หยูเฟยนั่งนิ่งๆ บนโซฟา สมองของเขาวุ่นวายและบ่นพึมพำออกมา
“ฉันจะไปหาจางอี้หนี่ได้จากที่ไหน?”
จางเหอที่อยู่ด้านข้างถูกหยูเฟยดึงเขามาด้วยมือข้างเดียว ถ้าหยูเฟยไม่ได้อยู่ในตำแหน่งรองประธาน อนาคตของจางเหอจะมืดลงไปด้วย
“หัวหน้าหยู ผมพบว่าลูกสาวของจางอี้หนี่ยังเรียนอยู่ ลูกสาวของเธออาจรู้วิธีติดต่อกับจางอี้หนี่ก็ได้” จางเหอกล่าว
“ลูกสาว?” หยูเฟยคิ้วขมวด ตาของเขามองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้าคราม ไม่นานดวงตาของเขาก็แสดงความชั่วร้ายออกมา
วันต่อมา
โรงเรียนมัธยมตงไห่
เสียงระฆังโรงเรียนดังขึ้น หลินปู้ฟานหยิบกระเป๋านักเรียนและเดินลงจากอาคารเรียน หลังจากเดินออกจากประตูโรงเรียน เขาก็พบกับชายหนุ่มสองคนในหมวกแก๊ปที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน พวกนั้นแอบมองมาที่ประตูโรงเรียนอย่างมีพิรุธ
หลินปู้ฟานเดินต่อไปที่สถานี เมื่อผ่านไปครึ่งทางเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เขาจึงรีบโทรหาลุงซูทันที
“ลุงซูครับ ตอนนี้ลุงอยู่ไหน?”
“ลุงอยู่ที่บริษัทของลุงทำไมเหรอ?” ลุงซูถาม
“ลุงช่วยพาลูกน้องมาที่โรงเรียนตอนนี้ทันที ไม่สิ… ลุงพาลูกน้องลุงไปรอที่สวนเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของผมหน่อยครับ”
“มีอะไรเกิดขึ้น? ” ลุงซูเริ่มกังวลใจ
“ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้นครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน ลุงพาลูกน้องไปรอที่นั่นก่อน”
“ตกลง ลุงจะออกไปเดี๋ยวนี้”
หลินปู้ฟานเดินกลับไปที่โรงเรียน เมื่อเขาเดินมาถึงที่ประตูโรงเรียนก็พบว่าชายทั้งสองในหมวกแก๊ปนั้นยังไม่ได้จากไป แม้ว่าพวกเขาจะไปซื้อของที่ร้านอาหาร แต่สายตาของพวกเขาก็จะมองเข้าไปในโรงเรียนเป็นครั้งคราวตลอดเวลา เหมือนกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงทศวรรษ 1990 เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
สารพัดกลเม็ดไม่มีที่สิ้นสุดถูกนำออกมาใช้
ซูชิงอยู่ในทีมวอลเลย์บอลและจะมีแข่งของโรงเรียนในเดือนหน้า ตอนนี้เธอยังคงฝึกวอลเลย์บอลอยู่ในโรงยิมของโรงเรียน
หลินปู้ฟานมาที่โรงยิม
“ซูชิง มานี่หน่อย”
ซูชิงสวมเสื้อกั๊ก ด้านล่างเป็นกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน เหงื่อเธอชุ่มไปทั้งตัว
เมื่อเห็นหลินปู้ฟาน ซูชิงก็กลายเป็นเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อยไปทันที “มันแปลกมากๆ เลยนะเนี่ยที่นายจะมาดูฉันซ้อม”
“ฉันมีบางอย่างจะบอกเธอ”
“พูดสิ”
“ไปที่ที่ไม่มีคนอยู่กัน”
“อ่า..ทำไมต้องไปที่ที่ไม่มีใครอยู่ด้วย?” ซูชิงพูดอย่างซุกซน “นายต้องการทำอะไรบางอย่างกับฉันงั้นเหรอ?”
“…” หลินปู้ฟานพูดไม่ออก
ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงสนามหญ้าหลังโรงยิม หลินปู้ฟานหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา “เช็ดเหงื่อก่อน”
“โอ้!” ซูชิงใช้ผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดแขนและต้นขาของเธอ
หลินปู้ฟานหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาคิดในใจ: ชุดวอลเลย์บอลนี่สั้นขนาดนี้เลยเหรอ?
“นายหน้าแดง? ” ซูชิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ใคร … ใครหน้าแดง อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
“ฮิฮิ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย นายกำลังคิดอะไรไม่ดีกับฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า..”
หลินปู้ฟานเกาหัวของเขา “เรื่องนี้ซีเรียสนะ”
“พูดสิ”
“ซูชิง…” ใบหน้าของหลินปู้ฟานมืดลง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “อาจจะมีคนต้องการลักพาตัวเธอ”
คอมเม้นต์