อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 52 เถิงเฟยกรุ๊ปพ่ายแพ้
ตอนที่ 52 เถิงเฟยกรุ๊ปพ่ายแพ้
ซูชิงกอดหลินปู้ฟานร้องไห้
หลินปู้ฟานตบหลังของซูชิงเบาๆ”ไม่เป็นไรแล้ว มันจบแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมาก”
“มีรางวัลไหม?”
“เธอต้องการรางวัลอะไร?”
“ฉันจะบอกนายเมื่อฉันคิดออก” ซูชิงพูดทั้งน้ำตา
“ก็ได้!”
หน้าแผลสารภาพทั้งหมดหลังจากถูกเค้นข้อมูลจากลุงซู
“ไอ้สารเลวหยูเฟย” หลินปู้ฟานกัดฟัน
ลุงซูถาม “เสี่ยวหลินแล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไรต่อ?”
หลินปู้ฟานยิ้ม “ให้มันโทรหาหยูเฟย”
ห้องรองผู้อำนวยการเถิงเฟยกรุ๊ป
หยูเฟยได้รับโทรศัพท์จากหน้าแผล
…
“ฮ่าฮ่าตกลง คุณทำได้ดีมาก ผมไม่ผิดหวังเลยที่ไว้ใจคุณ” หลังจากวางสาย หยูเฟยก็ยืดหลังตรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
จางเหอถามอย่างระมัดระวัง “หัวหน้าหยู เป็นข่าวดีใช่ไหมครับ?”
“ฮ่าฮ่าเปิดประตู! จางอี้หนี่จะมาที่นี่เร็วๆ นี้”
“หัวหน้าหยูสุดยอดจริงๆ” จางเหอประจบเล็กน้อยก่อนไปเปิดประตูและไปเตรียมเอกสารข้อตกลง
ยี่สิบนาทีต่อมาจางอี้หนี่ก็มาถึง
“หัวหน้าหยูนี่คือคุณนายจางจากบริษัทเชิ่งชี่” จางเหอแนะนำ
“อ่า ไม่คิดเลยว่าจะสวยขนาดนี้” หยูเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญนั่งครับ”
จางอี้หนี่นั่งลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณมันชั่วจริงๆ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า.. ทำไมคุณนายจางถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?” หยูเฟยแกล้งโง่
“คุณรู้อยู่แก่ใจ”
“ผมไม่รู้อะไรเลย” หยูเฟยยักไหล่พร้อมกับใบหน้าเจ้าเล่ห์
“ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของฉันละก็ ฉันจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่นอน” จางอี้หนี่กัดฟัน
“คุณนายจาง ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของคุณเหรอครับ? อ่าใช่สิโลกทุกวันนี้มันเต็มไปด้วยคนไม่ดีมากมาย คุณต้องบอกลูกสาวของคุณให้ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ”
“คุณเองก็ควรต้องระวังตัวไว้ด้วยเหมือนกัน เพราะคุณอาจจะต้องทุกข์ใจกับความสุขของคุณเอง”
“ฮ่าฮ่า” หยูเฟยยิ้มเยาะ “ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณไม่ใช่ผม”
“คุณกำลังเล่นกับคนที่คุณไม่ควรเล่นด้วย”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! จางเหอเอาสัญญาซื้อขายมา”
จางเหอวางสัญญาขายต่อหน้าจางอี้หนี่
จางอี้หนี่ชำเลืองมอง บ้านแต่ละหลังขายได้ในราคา 1 ล้านเท่านั้น
“เซ็นตรงนี้ครับคุณนายจาง”
ในตอนนั้นเองจางอี้หนี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินปู้ฟาน
“… อืม ตกลง ตกลง ป้าเข้าใจแล้ว” หลังจากที่จางอี้หนี่วางสาย ก้อนหินที่ทับอยู่ในใจของเธอก็หายไป
จางอี้หนี่หยิบเอกสารขึ้นมาและยิ้ม “หัวหน้าหยู ราคาหนึ่งล้านสำหรับบ้านหนึ่งหลังฉันว่ามันถูกไปนะ”
“คุณนายจาง คุณคิดว่าคุณยังมีสิทธิ์ต่อรองราคากับผมอยู่เหรอ?” หยูเฟยขู่
“คุณหยูฉันละสงสัยจริงๆ ว่าคุณถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน? คุณถึงได้โตมาเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเวลาฉันมองคุณฉันถึงได้รู้สึกว่าหมาที่บ้านของฉันยังทำตัวดีกว่าคุณเสียอีก?” จางอี้หนี่หัวเราะเยาะและมองไปที่หยูเฟย
ใบหน้าของหยูเฟยมืดลง เส้นเลือดสีฟ้าแตกออกมาบนหน้าผากของเขา “คุณนายจาง ช่วยให้เกียรติผมด้วย”
“เกียรติ? เกียรติอะไร? คนอย่างคุณสมควรได้รับมันด้วยเหรอ?”
หยูเฟยจ้องไปที่จางอี้หนี่และหัวเราะออกมา
“คุณนายจาง ผมไม่ต้องการเสียเวลากันคุณอีกแล้ว เซ็นซะ!” หยูเฟยเด็ดขาด
“ฉันควรเซ็น?”
“อย่าลืมลูกสาวของคุณ” หยูเฟยขู่
จางอี้หนี่เอนหลังยกขาขึ้นไขว่ห้างและมองไปที่หยูเฟยด้วยท่าทางขี้เล่น “หัวหน้าหยู คุณกำลังยกก้อนหินโยนใส่เท้าของตัวเอง คุณรู้ไหม?”
หยูเฟยขมวดคิ้ว
“พวกคุณไม่สามารถเข้าไปในสำนักงานได้”
“เรียกรปภ. มาเดี๋ยวนี้”
มีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ประตู
ทันใดนั้น ประตูสำนักงานก็ถูกเปิดออก
ลุงซู หลินปู้ฟาน ซูชิงและผู้ชายอีกมากกว่าหนึ่งโหลเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือหน้าแผล
เมื่อเขาเห็นหน้าแผลหยูเฟยก็ตกใจอย่างมาก
“หน้าแผลคุณ… คุณ…” หัวใจของหยูเฟยเต้นถี่และพูดตะกุกตะกัก
“คุณหยู คุณคงไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้ไว้สินะ?” จางอี้หนี่แสดงท่าทีที่ดุร้าย “คุณกล้าที่จะทำร้ายลูกสาวฉัน คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?”
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” หยูเฟยเล่นลิ้น เขาหันไปรอบๆ และตะโกนใส่เลขาสาวด้านนอก “รีบโทรเรียกรปภ. มาเดี๋ยวนี้!”
“ผมคิดว่าคุณควรโทรหาหน่วยลาดตระเวนโดยตรงเลยดีกว่านะครับ” หลินปู้ฟานเปิดเครื่องบันทึกโทรศัพท์ที่เป็นบทสนทนาระหว่างหน้าแผลกับหยูเฟยขึ้นมา
“คุณหยู ลูกสาวของจางอี้หนี่อยู่กับผมแล้วและผมก็โทรคุยกับจางอี้หนี่ไปแล้วด้วย ตอนนี้เธอกำลังเดินทางไปหาคุณ”
“ฮ่าฮ่าตกลง คุณทำได้ดีมาก ผมไม่ผิดหวังเลยที่ไว้ใจคุณ”
“แล้วผมจะได้เงินเมื่อไหร่?”
“ไม่ต้องกังวล คนอย่างผมหยูเฟยไม่เคยผิดสัญญากับใคร ผมจะโอนเงินให้คุณตอนเช้าวันพรุ่งนี้”
“ครับคุณหยู”
…
หลังจากฟังเสียงบันทึก ร่างกายของหยูเฟยก็สั่นสะท้าน เพราะนี่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
เลขาสาวตกใจ เธอยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้จะทำอะไรดี
“คุณหยู หลักฐานขนาดนี้คุณดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน หรือคุณต้องการได้หลักฐานอย่างอื่นด้วย?” หลินปู้ฟานเย็นชา
หยูเฟยคุกเข่าลง “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ผมแค่ต้องการจะทำให้ลูกสาวของคุณนายจางกลัวเพียงเท่านั้น ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเธอเลยจริงๆ นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนสัญญาซื้อขายใหม่แล้วใช่ไหม?” หลินปู้ฟานพูดขึ้นมาขณะดูสัญญาซื้อขาย “เรามาร่างสัญญาใหม่กันเถอะครับ”
ร่างกายของหยูเฟยสั่นหนักกว่าเดิม “นี่… เรื่องนี้ผมไม่สามารถทำเองได้”
“แล้วใครที่สามารถทำได้ล่ะ?”
“ฉัน!” ประธานเซี่ยเถิงเฟยเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“ท่านประธาน!” หยูเฟยยืนขึ้น
“หุบปาก!”
เซี่ยเถิงเฟยตบไปที่หน้าหยูเฟยอย่างแรง “ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกกล้าแม้กระทั่งลักพาตัวคนมาเพื่อข่มขู่ นี่หรือความสามารถของแก? หุบปากของแกแล้วออกไปจากที่นี่ซะ”
“ท่านประธานครับ… ผม…”
“ออกไป!” เซี่ยเถิงเฟยคำราม
หยูเฟยก้มศีรษะลง เขากำลังจะเดินออกไป แต่ก็ถูกหลินปู้ฟานขวางเอาไว้
“เรื่องมันยังไม่จบ เขายังออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” หลินปู้ฟานพูดเสียงเข้ม
“จากนี้ไปฉันเซี่ยเถิงเฟยจะรับผิดชอบงานพัฒนาเองโดยตรง ผู้ชายคนนั้นถูกไล่ออกแล้ว” เซี่ยเถิงเฟยพูดอย่างเหยียดหยาม “สิ่งที่เขาทำไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันและบริษัทของฉัน”
หลินปู้ฟานหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้ขนลุก “ท่านประธาน ผมรู้ดีว่าตุ๊กแกมันจะทำอย่างไรกับหางมันที่ถูกจับไว้ แต่สิ่งต่างๆ ก็ไม่ง่ายเสมอไปที่จะตัดมันทิ้ง ก่อนหน้านี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานของเถิงเฟยกรุ๊ปและจ้างวานให้คนอื่นลักพาตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ ยังไงคุณและบริษัทของคุณก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้”
“แล้วไง?”
“ถ้าคุณจะพูดแบบนั้น… งั้นผมคงต้องถามคุณหยูแทน” หลินปู้ฟานหันไปถามหยูเฟย “คุณหยู ที่คุณทำไปทั้งหมดนี่เป็นเพราะมีคนสั่งหรือทำด้วยตัวเอง?”
หยูเฟยลังเล เขามองไปที่เซี่ยเถิงเฟย เขายังคาดหวังว่าเซี่ยเถิงเฟยจะช่วยเขาได้
“คุณหยูเฟย คุณควรคิดให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมานะครับ คุณสามารถจัดการเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวเองได้เหรอ? บางทีถ้าคุณมีท่านประธานคนนั้นมาร่วมหารเรื่องนี้กับคุณด้วย มันก็อาจจะช่วยให้คุณรอดจากคุกไปได้นะครับ”
เซี่ยเถิงเฟยมีเครือข่ายผู้ติดต่อมากมาย ถ้าเขาดึงเซี่ยเถิงเฟยลงไปในน้ำด้วยเรื่องการลักพาตัวครั้งนี้อาจจะถูกปกปิดเอาไว้ได้
หยูเฟยตัดสินใจคว้าฟางช่วยชีวิตเอาไว้ และตะโกนออกมา “ผมเป็นแค่พนักงานไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท เป็นท่านประธานที่บังคับให้ผมทำ ถ้าผมไม่โดนบังคับผมไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้แน่นอน ทั้งหมดนี่เป็นเพราะชายชราที่น่ารังเกียจคนนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเซี่ยเถิงเฟยก็แดงขึ้น “ไอ้สารเลว!”
หลินปู้ฟานนั่งลงอย่างสงบและพูดออกมา “ท่านประธาน แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณ แต่ยังไงมันก็โดนคุณแน่นอน คุณคิดว่าหลังจากข่าวการลักพาตัวถูกเปิดเผยไปมันจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทของคุณเลยเหรอ? คุณลองคิดดูนะ เมื่อหุ้นดิ่งลงก็จะมีการถอนทุนตามมา และการพัฒนาก็จะยิ่งล่าช้าออกไปอีกและไหนจะหนี้ของธนาคารอีก บริษัทที่คุณลงทุนทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาอาจจะต้องพังทลายลงไปในชั่วข้ามคืนก็ได้นะครับ ผมคิดว่าคุณเองก็ไม่อยากจะเห็นฉากนั้นเกิดขึ้นเหมือนกันใช่ไหม?”
ใบหน้าแก่ๆ ของเซี่ยเถิงเฟยสั่นสะท้าน “คุณต้องการอะไร?”
“มันง่ายมาก! แค่แลกเปลี่ยนบ้านเป็นบ้าน” หลินปู้ฟานกล่าวข้อเสนออีกครั้ง
“คุณเป็นคนที่โลภมากจริงๆ” ความดันโลหิตของเซี่ยเถิงเฟยเพิ่มขึ้นด้วยความโกรธ จนเขาต้องเอนหลังลง
“นี่ไม่ถือว่าโลภเลยครับ ถ้าคุณปฏิเสธ เราก็จะไม่บังคับคุณเพราะเป็นคุณที่เดือดร้อนไม่ใช่เรา” หลินปู้ฟานยิ้มและหันไปพูดกับลุงซู “ลุงซู โทรหาตำรวจ”
เมื่อมีการเปิดเผยเรื่องนี้ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่หลินปู้ฟานกล่าวไว้ ราคาหุ้นของเถิงเฟยกรุ๊ปจะดิ่งลง ความคิดเห็นของประชาชนจะโถมมาที่เถิงเฟยกรุ๊ป เมื่อถึงเวลานั้นผู้ถือหุ้นก็จะไม่พอใจและถอนทุนออกไป ทางผู้นำรัฐบาลยิ่งแย่ยิ่งกว่า
และเถิงเฟยกรุ๊ปก็จะจบสิ้นลง
“อย่า… อย่าเรียกตำรวจ ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ” เซี่ยเถิงเฟยกล่าวอย่างหดหู่
คอมเม้นต์