อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 56 ห่วงรางวัล
ตอนที่ 56 ห่วงรางวัล
หนิงอี้เหยาสวมเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกสีขาว มีผมยาวประบ่าและใบหน้าของเธอไม่ได้ถูกปิดด้วยแป้งใดๆ เธอดูบริสุทธิ์ไร้ที่ติ
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่เช่นเดียวกับดอกโบตั๋นที่เบ่งบาน
ความสง่างามและความเรียบง่ายที่ทำให้คนหลงใหล
“เธอกำลังมองหาอะไรอยู่? เธอยังชอบครูอยู่เหรอ?” หนิงอี้เหยาถามออกมาพร้อมกับมองไปที่หลินปู้ฟานด้วยรอยยิ้ม
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วส่ายหัว “ครู ครูคงไม่รู้ว่าแม้ว่าจะผ่านไปหลายปี แต่บางครั้งผมก็ยังฝันถึงคุณครูอยู่”
“หลายปีแล้วเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดเราไม่ได้เจอกันมาแค่หนึ่งปีเองนะ? ทำไมล่ะ? ทำไมเธอถึงยังอยู่ตรงนั้นอยู่อีกล่ะ? สำหรับครูเธอเป็นแค่นักเรียนของครูเท่านั้น และอีกอย่างครูก็ไม่ชอบกินเด็กด้วย” หนิงอี้เหยายิ้มอย่างขี้เล่น
หลินปู้ฟานยิ้มกว้างและคิดในใจ ครูคงไม่รู้ว่าตอนนี้ผมเป็นคนที่มาจากอนาคต
ในชีวิตก่อนหน้าของเขา หลินปู้ฟานฝันถึงหนิงอี้เหยาอยู่หลายครั้ง
ในตอนเด็กนั้นหลินปู้ฟานเคยสารภาพรักกับหนิงอี้เหยา และเมื่อหลินปู้ฟานอายุ 30 ปี เมื่อเขานึกกลับไปถึงช่วงเวลานั้น มันก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกพองโตทุกครั้ง
นึกย้อนไปถึงคำสารภาพในตอนนั้น มันเป็นเหมือนกับคำชื่นชมมากกว่า
แม้ว่าหนิงอี้เหยาจะเป็นเพียงครูฝึกหัด แต่ระดับการบรรยายของเธอก็ดีมาก ในเวลานั้นความเข้าใจในการอ่านร้อยแก้วโบราณของหลินปู้ฟานนั้นแย่มาก หนิงอี้เหยาพยายามอธิบายร้อยแก้วโบราณด้วยภาษาท้องถิ่นและยังอ้างถึงความคลาสสิกเพื่ออธิบายภาษาจีนโบราณที่คลุมเครือให้น่าฟังและเข้าใจง่าย มันทั้งสดใสและน่าสนใจ
ความสามารถทางภาษาของหลินปู้ฟานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากหลายปีผ่านไป
เมื่อหลินปู้ฟานเปิดชั้นเรียนการฝึกอบรม เขากล่าวกับนักเรียนว่า งานที่สำคัญที่สุดของครูคือการพัฒนาสิ่งที่นักเรียนในหลักสูตรสนใจ หากพวกเขามีความสนใจพวกเขาก็จะเรียนรู้ได้เองโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของครู
“ครูครับ ทำไมครูต้องมาสอนอยู่ในที่ๆ ห่างไกลอย่างนั้นด้วย? ครูต้องการจะชุบทองเหรอครับ?” หลินปู้ฟานถาม (ชุบทอง – สร้างประวัติที่ดีมีคุณธรรม)
นักเรียนบางคนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนปกติจะไปที่ภูเขาที่ห่างไกลเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนให้ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปี ในสมัยนี้การทำแบบนี้จะได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายมากมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการประเมินและเลื่อนตำแหน่งงานในอนาคต
“ทองชุบอะไร? เธอคิดว่าครูเป็นคนเจ้าเล่ห์แบบนั้นเหรอ?” หนิงอี้เหยายิ้มพร้อมกับมองทิวทัศน์ที่แวบผ่านหน้าต่างรถ ดวงตาของเธอแสดงความจริงใจ “รู้ไหมยังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ในโรงเรียนที่ล้าหลังมีนักเรียนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น ครูสามารถสอนคณิตศาสตร์ ภาษาจีนและประวัติศาสตร์ให้เด็กๆ เหล่านั้นได้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้นยิ่งยากกว่า บางโรงเรียนไม่มีแม้กระทั่งเก้าอี้หรือหนังสือให้เรียนเสียด้วยซ้ำ เธอยังจำสิ่งที่ครูเคยบอกได้ไหม? อาชีพเป็นครูจำเป็นต้องนำความรู้ไปสู่นักเรียนทุกคน นี่คือความรับผิดชอบของครู”
หนิงอี้เหยาตัดสินใจเข้าสนับสนุนด้านการศึกษาหลังจากที่เธอได้ดูข่าวที่รายงานสถานการณ์ของโรงเรียนในพื้นที่ภูเขาผ่านโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความคิดที่เรียบง่าย เธอต้องการจะช่วยเหลือเด็กๆ และนำความรู้ไปสู่เด็กๆ เหล่านั้นเพื่อให้เด็กๆ ในพื้นที่ภูเขาสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเองได้
ความรู้คือพลัง และการเรียนหนักก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้
ในยุคนี้มีอาจารย์มากมายที่เป็นเหมือนกับหนิงอี้เหยา
อย่างไรก็ตามด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ในอนาคตครูอย่างหนิงอี้เหยาก็ถูกจะนิยามว่าเป็นคนโง่ที่ทำงานโดยไม่ได้รับผลตอบแทน
“ครูยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอเลย” หลินปู้ฟานชื่นชมหนิงอี้เหยาอย่างจริงใจ
“แล้วเธอไปทำอะไรที่หมู่บ้านจิ่วเจี๋ย?” หนิงอี้เหยาถาม
หลินปู้ฟานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ผมจะไปหาแรงบันดานใจครับ เพราะผมต้องการจะไปเรียนต่อที่สถาบันวิจิตรศิลป์”
“ดี การพัฒนาไปสู่ศิลปะก็ไม่เลว” หนิงอี้เหยาตาสว่าง “ครูไม่คิดว่าเธอจะเลือกเรียนสายนี้”
หลินปู้ฟานยักไหล่และยิ้มอย่างเขินอาย
เขาไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าเขาไปที่นั่นเพื่อไปล่าสมบัติ
ในตอนนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งในเสื้อกั๊กสีดำตะโกนออกมา “ฉันได้รางวัล!”
ชายในชุดเสื้อกั๊กถือขวดเจี้ยนลี่เปาอยู่ในมือ
“ว้าว ถ้าฉันจำไม่ผิดรางวัลที่หนึ่งนั้นสูงถึง 1 แสนหยวนเลยนะ คุณรวยแล้ว” ชายร่างอ้วนวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แจ็คเก็ตสีดำพูดเสริม
“โอ้พระเจ้าเงิน 1 แสนมันเยอะไหม?”
“เยอะสิ คุณเอาห่วงฝาขวดนี้ไปที่สำนักงานใหญ่เจี้ยนลี่เปาเพื่อแลกมัน แล้วคุณจะได้รับ 1 แสนหยวนทันที” ชายหัวแบนตัวเล็กที่นั่งอยู่อีกด้านของแจ็คเก็ตสีดำก็พูดเสริมอีกคน
“ไปสำนักงานใหญ่ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหน?”
“สำนักงานใหญ่อยู่ที่เหลียวซาน”
“เหลียวซานอยู่ห่างจากบ้านของฉันมากกว่า 3 พันกิโลเลยนะ” แจ็คเก็ตสีดำกรีดร้อง
“ถ้าคุณมีเงิน ระยะทางที่ยาวไกลก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว”
“อย่างนั้นไม่ได้ เพราะภรรยาของฉันกำลังป่วยหนัก คราวนี้ฉันรีบกลับมาจากกวางหยางก็เพื่อมาหาภรรยา ฉันจะมีเวลาไปแลกรางวัลได้ยังไง? ถ้าฉันไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปแลกรางวัลแล้วภรรยาของฉันทนรอฉันไม่ไหวจะทำยังไง?” แจ็คเก็ตสีดำดูเจ็บปวด
“คุณผู้ชาย ดูเหมือนว่าภรรยาของคุณกำลังต้องการเงินใช่ไหม?” ชายหัวแบนถาม
“แน่นอน เธอต้องการเงินไปรักษาตัว”
“ดูสิภรรยาของคุณต้องการเงิน และคุณก็ไม่มีเวลาแลกรางวัลนี่ ทำไมคุณไม่ขายห่วงนั่นให้ผมแทนล่ะ?” ชายหัวแบนกล่าว “ผมมีเงินอยู่ 2 หมื่นหยวนที่ตัว คุณจะขายหรือเปล่า?”
ชายหัวแบนดึงเงินสองปึกออกมาจากกระเป๋าและส่งไปที่ชายเสื้อแจ็คเก็ต
ชายในเสื้อแจ็คเก็ตลืมตาขึ้นและลังเล
ในตอนนั้นชายอ้วนก็พุดขึ้นมา “2 หมื่น? คุณมันน่าเกลียดเกินไป พี่ชายผมจะให้พี่ 3 หมื่น ขายห่วงนั่นให้ผมสิ”
“เฮ้เจ้าอ้วนอย่ามากวนส้นตีน ฉันมาก่อนก็ต้องได้ก่อน” ชายหัวแบนยืนขึ้นด้วยความโกรธ
“คุณต้องการซื้อมันในราคาถูก ฉันผิดตรงไหนที่ให้ราคาสูงกว่า? ฉันเองก็อยากได้เหมือนกัน” ชายร่างอ้วนไม่ยอมแพ้
“อย่าทะเลาะกัน” ชายเสื้อแจ็คเก็ตตะโกน “ทุกคนในห้องมีใครยอมจ่ายแพงกว่านี้ไหม? ฉันจะขายห่วงนี่ให้กับคนที่ให้ราคาสูงที่สุด”
เมื่อเห็นฉากนี้ หลินปู้ฟานก็ยิ้มในใจ
การหลอกลวงด้วยห่วงลุ้นโชคแบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้
ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้เห็นฉากนี้ในวันนี้
สถานีสุดท้ายของรถไฟขบวนนี้คือฉินโจว และมีสถานีระหว่างทางกว่า 10 สถานี สถานีถัดไปควรไปถึงในอีก 10 นาที
เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ ชายร่างอ้วนและชายหัวแบนเป็นพวกเดียวกัน
ฝีมือการแสดงของทั้งสามนั้นดีจริงๆ
“ฉันเองก็อยากมีเงิบแบบนั้นบ้าง…” หนิงอี้เหยาแสดงความปรารถนา
“ครูหนิง ครูเองก็ต้องการจะซื้อห่วงนั่นด้วยเหรอ?”
“ใช่มันถูกมาก แต่น่าเสียดายที่ครูไม่มีเงินมากขนาดนั้น ถ้าครูมีเงินครูเองก็อยากจะซื้อห่วงนั่นเหมือนกัน หลังจากที่ครูแลกรางวัลแล้วครูจะสามารถซื้ออุปกรณ์การเรียนและเปียโนอิเล็กทรอนิกส์ให้เด็กๆ ที่โรงเรียนได้” หนิงอี้เหยาเอ่ยเสียงแผ่ว
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างขมขื่น “ครูหนิงครับ นี่เป็นแค่การหลอกลวงเท่านั้น”
เป็นไปได้ยังไง?
“เป็นไปได้สิครับ คนโกหกแค่กำลังเอาเปรียบคนชอบต่อรองราคา และทั้งสามคนอยู่กลุ่มเดียวกัน”
“ทำไมเธอแน่ใจแบบนั้น” หนิงอี้เหยาถาม
ในชีวิตก่อนของหลินปู้ฟาน หนังสือพิมพ์และข่าวต่างๆ จะเผยแพร่วิธีการหลอกลวงแบบนี้ออกมาเพื่อเตือนภัย หลังจากนั้นก็จะมีการหลอกลวงสกุลเงินเสมือนจริงและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพตามมา จะมีการหลอกลวงทุกรูปแบบเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“แค่โทรถามก็รู้แล้วครับ” หลินปู้ฟานพูดด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ที่อินเทอร์เน็ตยังด้อยพัฒนาและการส่งข้อมูลก็ยังไม่ราบรื่น แต่ก็ยังสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
เพียงโทรไปที่ 114 และถามหาหมายเลขโทรศัพท์ของเจี้ยนลี่เปา เท่านี้ก็จะได้รู้ความจริง
นอกจากนี้หลินปู้ฟานก็พูดต่ออีกว่า “ถ้ามีกิจกรรมแบบนี้จริง เจี้ยนลี่เปาก็ควรจะโปรโมตเรื่องนี้ผ่านหนังสือพิมพ์และทีวีด้วยตัวเอง แล้วครูเคยเห็นพวกมันมาก่อนบ้างไหม?”
ในเวลานี้การโฆษณาส่วนใหญ่ยังอาศัยหนังสือพิมพ์และสถานีวิทยุเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีโปสเตอร์ที่แปะบนกำแพงบ้าง โปสเตอร์โฆษณาเหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากในปี 1990
“ฉันมีเงิน 4 หมื่นหยวนที่นี่ ขายห่วงนั่นให้ฉัน” ชายสวมแว่นตาควักเงินออกมาและแสดงความต้องการที่จะซื้อห่วงนั่น ชายแว่นคนนี้หลงกล
“ฉันมี 5 หมื่นที่นี่”
“ฉันให้ 5.5 หมื่น”
มีหลายคนที่โลภมาก
เมื่อหลินปู้ฟานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ดวงตาของหนิงอี้เหยาก็สว่างขึ้น “เธอมีโทรศัพท์มือถือด้วยเหรอ?”
“ใช่… ของพ่อน่ะครับ” หลินปู้ฟานยังเป็นนักเรียน แปลกมากที่เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มันคงน่าตกใจจริงๆ
หลินปู้ฟานโทรออกหมายเลข 114
114 เป็นสถานีหลักในการสอบถามข้อมูล
หลังจากถามหาหมายเลขโทรศัพท์ของเจี้ยนลี่เปา หลินปู้ฟานก็ส่งโทรศัพท์ให้กับหนิงอี้เหยา: “ครูหนิง ครูถามเองได้เลยครับ”
ในไม่ช้าก็มีเสียงจากอีกด้านหนึ่งดังขึ้น: “สวัสดีนี่คือแผนกให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ของบริษัทเจี้ยนลี่เป่าสาขาหลักเหลียวซาน มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?”
หนิงอี้เหยาถามว่า “บริษัทของคุณมีกิจกรรมชิงห่วงฝาไหม?”
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง บริษัทของเราไม่เคยดำเนินกิจกรรมดังกล่าวมาก่อนเลยค่ะ เมื่อเร็วๆ นี้เราได้รับโทรศัพท์ในลักษณะเดียวกันนี้หลายครั้งโปรดอย่าหลงเชื่อ ถ้าหากคุณพบเห็นคนที่กระทำการดังกล่าวให้คุณไปติดต่อที่สถานีตำรวจทันที”
หลังจากวางสายแล้ว หนิงอี้เหยาก็มองไปที่คนโกหกด้วยความไม่พอใจในดวงตาของเธอ
ในตอนนั้น ก็มีชายที่มีผมไม่เป็นระเบียบดูเหมือนเป็นคุณลุงวัยกลางคนที่ทำงานอยู่ในไซต์ก่อสร้างเดินเข้ามาหาชายเสื้อแจ็คเก็ต และในมือของเขาก็ป้องกันถุงผ้าที่หน้าอกของเขาอย่างแน่นหนา
“พี่ใหญ่ ผมมีเงิน 6 หมื่นหยวนที่นี่ มันเป็นเงินออมของผมสำหรับการทำงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คุณสามารถขายห่วงนั่นให้ผมได้ไหม?”
คอมเม้นต์