อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 57 นักต้มตุ๋น
ตอนที่ 57 นักต้มตุ๋น
พี่ชายไซต์ก่อสร้างคนนี้ทำงานเก็บเงินมาเป็นเวลา 5 ปีและต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างประหยัดกว่าที่จะได้ 6 หมื่นหยวนนี้มา เขาตั้งใจเก็บเงินเพื่อที่จะสร้างบ้านให้กับครอบครัว
สายตาของชายเสื้อแจ็คเก็ตกวาดไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาพบว่าไม่มีใครที่จะให้ราคาสูงกว่านี้เขาก็พูดว่า “พี่ใหญ่ เมื่อผมเห็นคุณ ผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคุณต้องเป็นคนจริงใจอย่างแน่นอน และผมเองก็เป็นคนจริงใจเหมือนกัน ผมขายให้พี่ครับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายร่างอ้วนก็ลุกขึ้นยืนและพูดกับหัวแบน “หัวแบน คุณมีเงินทั้งหมดเท่าไหร่?”
หัวแบนค้นกระเป๋าไปและตอบว่า “ฉันมีเงินไม่พอ ฉันมีแค่ 3.5 หมื่นหยวนเท่านั้น”
“ทั้งหมดของฉันที่นี่ก็ 3.5 หมื่นหยวนเหมือนกัน เอางี้ดีไหม? เรามาร่วมมือกัน นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตและฉันก็ไม่อยากจะเสียมันไป คุณก็คงไม่อยากจะเสียมันไปเหมือนกันใช่ไหม?”
“งั้นเราจะซื้อด้วยกัน”
ชายร่างอ้วนจึงพูดกับชายเสื้อแจ็คเก็ต “พี่ใหญ่ เราสองคนรวมกันได้ 7 หมื่น ขายให้เรา!”
ชายเสื้อแจ็คเก็ตแสดงท่าทางประหลาดใจและทำท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดกับพี่ชายไซต์งานก่อสร้างว่า “พี่ชายคุณมีเงินเท่าไหร่? ถ้าคุณสามารถจ่าย 7 หมื่นได้ ผมก็จะขายให้คุณ”
หลังจากที่หลินปู้ฟานเห็นแบบนั้น เขาก็สาปแช่งในใจ: นี่จะทำให้พี่ชายไซต์ก่อสร้างต้องหมดตัว
หนิงอี้เหยาที่นั่งอยู่ด้านข้างขบฟันกำหมัดแน่น และเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังดิ้นรน
“พี่ใหญ่ผมมีเงินอยู่แค่ 6 หมื่นหยวนจริงๆ ผมไม่ได้โกหกคุณ” พี่ชายไซต์ก่อสร้างถอดถุงผ้าใบและเปิดให้ชายเสื้อแจ็คเก็ตดู
ชายในเสื้อแจ็คเก็ตมองไปที่พี่ชายไซต์ก่อสร้างแล้วแสร้งทำเป็นตัดสินใจ “พี่ใหญ่ ผมเองก็เคยเป็นแรงงานข้ามชาติมาก่อน ผมรู้ดีถึงความทุกข์ทรมานของแรงงานข้ามชาติดี ผมตกลงที่จะขายให้พี่ในราคา 6 หมื่น”
เมื่อพี่ชายไซต์ก่อสร้างได้ยินแบบนั้น น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา เขาจับมือชายเสื้อแจ็คเก็ตแน่น “พี่ใหญ่คุณเป็นคนดีมากจริงๆ”
“สมองของคุณมีปัญหาหรือไง? เราให้มากกว่าเขาตั้ง 1 หมื่นหยวน ทำไมไม่ขายให้เรา?” ชายอ้วนแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
“พี่ใหญ่ พี่ปัญญาอ่อนหรือไง? เราให้มากกว่าเขา คุณก็ควรจะขายให้กับเราสิ” หัวแบนพูดเพื่อเพิ่มความสมจริง
“หึ! เพราะฉันไม่ชอบหน้าแกไง ต่อให้แกให้มากกว่านี้ฉันก็ไม่มีทางขายให้แกอยู่ดี ฉันจะขายให้กับพี่ชายไซต์ก่อสร้างคนนี้ เพราะบางครั้งความเห็นใจก็สำคัญกว่าเงินทอง” ชายเสื้อแจ็คเก็ตตอบกลับอย่างชอบธรรม
“แปะๆๆ”
ผู้โดยสารด้านข้างถึงกับปรบมือให้ชายเสื้อแจ็คเก็ต
หลังจากที่หลินปู้ฟานเห็นแล้ว เขาก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ครูหนิงนักต้มตุ๋นกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาเลย พวกเขาได้ทั้งเงินทั้งเสียงปรบมือ”
“… ” หนิงอี้เหยากัดฟันและต้องการที่จะยืนขึ้น
โชคดีที่หลินปู้ฟานตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาหยุดหนิงอี้เหยาทันที
“ครูหนิง ครูกำลังจะทำอะไร?” หลินปู้ฟานถามด้วยเสียงต่ำ
“ครูต้องการเปิดโปงพวกเขา พี่ชายไซต์ก่อสร้างไม่ได้หาเงินมาง่ายๆ ครูไม่สามารถปล่อยให้นักต้มตุ๋นพวกนี้โกงเงินเขาไปได้”
“พวกเขามากันเป็นแก๊ง เท่าที่เราเห็นแค่ 3 คน แต่อาจจะมีคนอื่นอยู่อีก ถ้าครูออกไปแล้วโดนทำร้ายล่ะ?”
“เธอต้องการจะเห็นพี่ชายไซต์ก่อสร้างคนนั้นโดนโกงเงินเหรอ? นั่นเป็นเงินที่เขาหามาอย่างยากลำบากนะ” หนิงอี้เหยาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี
ชายไซต์ก่อสร้างให้เงินกับชายเสื้อแจ็คเก็ต และชายเสื้อแจ็คเก็ตก็เก็บมันลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
เสียงลำโพงในรถไฟดังขึ้น: อีก 5 นาทีจะถึงสถานีหนานซิน ขอให้ผู้โดยสารที่จะลงจากรถไฟโปรดตรวจสอบสิ่งของสัมภาระของท่านให้เรียบร้อย…
“พี่ชาย ผมจะลงที่สถานีนี้ ผมชื่อจ้าวต้าเว่ยมาจากกองพลของตระกูลจ้าวในหนานซิน ถ้าพี่ว่างพี่มาที่บ้านผมก็ได้นะ” ชายเสื้อแจ็คเก็ตยังคงโกหกพี่ชายไซต์ก่อสร้าง
พี่ชายไซต์ก่อสร้างเชื่ออย่างเต็มที่ว่าชายในเสื้อแจ็คเก็ตตรงหน้าเขาเป็นชาวนาที่มีจิตใจดี
“ผมชื่อโจวต้าหนิว บ้านเกิดของผมคือหมู่บ้านกู่เฟิง เมื่อผมว่างผมจะมาเยี่ยมคุณแน่นอน”
“เมื่อถึงตอนนั้นเราจะต้องได้ดื่มกันสักหน่อย”
หนิงอี้เหยากระวนกระวาย “ครูควรทำอย่างไรดี?”
หลินปู้ฟานไม่ต้องการจะสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แต่ว่าเขาต้องปกป้องหนิงอี้เหยา
“ครูหนิงครับ ครูนั่งรอที่นี่ก่อน ผมจะไปเรียกตำรวจมาให้ครับ”
“อ่า แบบนี้นี่เอง ดูสมองของครูสิ! เมื่อกี้ครูเผลอคิดว่าเธอเป็นเด็กไม่ดีไปซะแล้ว”
“รออยู่เฉยๆ นะครับเดี๋ยวผมกลับมา” หลินปู้ฟานกลัวว่าหนิงอี้เหยาจะลุกไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากพูดจบ หลินปู้ฟานก็ลุกขึ้นยืน เขาไม่แน่ใจว่าตำรวจอยู่ในตู้ไหนเขาจึงไปหาผู้ควบคุมรถในรถไฟคันนี้แทน
มาที่ห้องเล็กของผู้ควบคุม
เขาเห็นผู้ควบคุมกำลังนั่งถือหนังสือศิลปะการต่อสู้อ่านด้วยความเอร็ดอร่อย
“ผู้ควบคุมรถไฟ มีนักต้มตุ๋นอยู่บนรถไฟ” หลินปู้ฟานเดินเข้าไป
หลินปู้ฟานพูดเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและในเวลาเดียวกันก็ชี้ไปที่นักต้มตุ๋นอย่างเงียบๆ “ชายในเสื้อแจ็คเก็ตคนอ้วนและชายหัวแบน…”
“เอาล่ะ ฉันจะไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเดี๋ยวนี้”
“ยังไงก็ตาม อย่าเปิดประตูรถไฟเมื่อไปถึงสถานีนะครับ” หลินปู้ฟานเตือน
“โอเค ฉันจะไปที่รถเสบียงเพื่อไปหาตำรวจก่อน” เจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ เขาเคยเจอกลโกงมามากมายบนรถไฟ
ผู้ควบคุมวิ่งไปทางรถเสบียง
หลินปู้ฟานกลับไปที่ที่นั่งของเขา หนิงอี้เหยาลดเสียงลงและถามออกมา “ตำรวจจะมาเร็วๆ นี้ใช่ไหม?”
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตามหาตำรวจอยู่ครับ”
“โอ้! หวังว่าตำรวจจะมาจับไอ้เลวนี่เร็วๆ นะ”
จากนั้นไม่นาน ผู้ควบคุมก็ไปถึงรถเสบียง เมื่อตำรวจได้ยินจึงพูดออกมาว่า “พวกมันต้องมีหลายคนแน่ๆ โทรหาคนขับรถไฟให้ลดความเร็วรถไฟลงเดี๋ยวนี้”
เป็นเรื่องปกติที่รถไฟจะมาไม่ตรงเวลา
เดิมทีจะไปถึงใน 5 นาที แต่ก็ไปก่อนเวลาเกินหนึ่งนาที
หลังจากที่ความเร็วของรถไฟลดลง ชายเสื้อแจ็คเก็ตก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “พี่ครับ ผมจะลงจากรถไฟแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
“โอเคพี่ชาย ผมต้องกลับมาหาคุณแน่นอน”
เจ้าอ้วนและหัวแบนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน พวกเขาต้องการลงจากรถเดี๋ยวนี้เลย
“ไม่ พวกเขากำลังจะลงไปแล้ว” หนิงอี้เหยาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า “คนพวกนี้เป็นนักต้มตุ๋น”
ผู้โดยสารต่างตกตะลึงกับเสียงตะโกนนี้
หนิงอี้เหยาชี้ไปที่ชายเสื้อแจ็คเก็ตและตะโกนอีกครั้ง “นี่เป็นการหลอกลวง ฉันโทรหาเจี้ยนลี่เป่าเมื่อครู่นี้และพวกเขาบอกว่าไม่มีกิจกรรมอะไรพวกนี้ พี่ชายไซต์ก่อสร้างเร็วเข้า จับพวกเขาไว้อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้”
โจวต้าหนิวไม่เข้าใจ “สาวน้อย เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? พี่ใหญ่คนนี้เป็นคนดีนะ”
ชายเสื้อแจ็คเก็ตแสดงท่าทางดุร้าย “สาวน้อย เธอไม่ควรพูดจาไร้สาระนะรู้ไหม?”
“หึ คุณยังกล้าเสแสร้งอยู่อีก พี่ชายไซต์ก่อสร้างถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันจะโทรไปถามเจี้ยนลี่เป่าให้เดี๋ยวนี้ เสี่ยวหลินครูขอยืมมือถือหน่อย”
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างขมขื่น
โถ่ครูหนิงของฉัน ตำรวจยังไม่มาเลยนะ
ชายหน้าแบนเดินไปที่ด้านข้างหนิงอี้เหยา เขาจ้องมองหนิงอี้เหยาอย่างดุร้ายและพูดด้วยระดับเสียงที่มีเพียงหนิงอี้เหยาเท่านั้นที่สามารถได้ยิน “สาวน้อยเธอกำลังมองหาความตาย ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไร อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลยดีกว่า หยุดเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่นอน”
ชายในเสื้อแจ็คเก็ตเดินไปที่ประตู แต่พบว่าด้านหน้าถูกปิดกั้น
“ทำไมประตูถึงเปิดไม่ออก?”
“ทำไมรถไฟถึงช้าลงล่ะ? ฉันยังมองไม่เห็นสถานีเลย”
ผู้โดยสารข้างหน้าตะโกน
ชายเสื้อแจ็คเก็ตและชายอ้วนมองหน้ากัน พวกเขาเห็นว่าไม่ดีแล้วพวกเขาจึงหนีไปที่รถอีกขบวนทันที
หัวแบนเห็นท่าไม่ดี เขากำลังจะวิ่งหนีแต่หนิงอี้เหยาคว้าตัวเขาไว้ก่อน “คุณจะหนีไปไหน!”
“เธอกำลังมองหาความตาย!” หัวแบนหันกลับมาและกำลังจะตบเข้าไปที่หน้าของหนิงอี้เหยา
แต่ไม่ทันที่จะได้ลงมือหลินปู้ฟานก็ยืนขึ้นพร้อมกับหมัดอันแหลมคมฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของหัวแบนทันที
จมูกของหัวแบนถูกกระแทกอย่างแรงจนมีเลือดออก
หลินปู้ฟานดึงหนิงอี้เหยามาไว้ข้างหลัง
หัวแบนโกรธมาก เขาดึงมีดผลไม้ออกมา
“ตายซะเถอะ!”
“เสี่ยวหลินหนีไปเร็วเข้า” หนิงอี้เหยาตะโกนสุดเสียง
หลินปู้ฟานคว้ากระเป๋าเป้ของเขาขึ้นมาขว้างใส่หน้าของหัวแบน และเตะเข้าไปที่เกียร์ล่างของหัวแบนแบบเต็มแรง
“ไข่ฉานนนน” หัวแบนปวดเกียร์ล่างจนน้ำตาไหลออกมา
เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าโจวต้าหนิวพี่ชายไซต์ก่อสร้างก็ได้สติขึ้นมา เขารีบเข้ามาหยุดหัวแบนด้วยเท้าของเขาจากด้านหลังทันที
ชายเสื้อแจ็คเก็ตและชายอ้วนที่วิ่งหนีไปที่ขบวนถัดไปก็พบว่าประตูที่ขบวนนี้ก็เปิดไม่ได้ด้วยเช่นกัน
ผู้ควบคุมได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทุกคนว่ามีแก๊งมิจฉาชีพอยู่บนขบวนรถไฟและจะไม่มีการเปิดประตูเมื่อมาถึงสถานี
ในรถไฟตู้ที่สาม หลินปู้ฟานชี้ไปที่ชายเสื้อแจ็คเก็ตและชายอ้วนและพูดกับตำรวจว่า “สองคนนี้เป็นนักต้มตุ๋น”
เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ควบคุมขบวนรถไฟหลายคนรีบเข้ามาจับทั้งสองคนพร้อมกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ที่สถานีตำรวจ
นักต้มตุ๋นสามคนถูกขังไว้และโจวต้าหนิวก็ได้เงินกลับคืน
หลังจากเดินออกจากสถานีตำรวจ โจวต้าหนิวก็หลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ เขาขอบคุณหลินปู้ฟานและหนิงอี้เหยา
“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณเงินของผมคงถูกโกงไปหมดแล้ว”
หลินปู้ฟานตบไหล่โจวต้าหนิว “ต่อไปนี้พี่ชายต้องระวังตัวให้ดี และจำไว้ว่าไม่มีวันที่เนื้อจะตกลงมาจากท้องฟ้าได้”
“ฉันจะจำมันให้ขึ้นใจ”
ตอนที่ออกจากสถานีตำรวจก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว
เมื่อเดินอยู่บนถนน หนิงอี้เหยาก็มองไปที่หลินปู้ฟานเป็นครั้งคราว และทำหน้ามุ่ยออกมา
หลินปู้ฟานหัวเราะและถามขึ้น “ครูมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ? ครูทำแบบนี้ผมอึดอัดนะ”
“เด็กดื้อ ทำไมครูถึงรู้สึกว่าเธอโตขึ้นมากแล้วนะ”
“เด็กผู้ชายโตเร็วครับ”
“สำหรับครู การหลอกลวงบนรถไฟนั้นมันแนบเนียนอย่างมาก เหมือนว่าพวกเขาจะวางแผนกันมาอย่างดี ทั้งที่ไม่มีใครสงสัยพวกเขาเลย แต่ทำไมเธอถึงรู้ว่าพวกเขากำลังโกหกอยู่? และเธอยังสามารถจัดการกับกลโกงพวกนั้นได้อย่างใจเย็น แถมยังออกมาปกป้องครูในช่วงเวลาที่สำคัญไว้อีกด้วย เธอทำให้ครูแปลกใจจริงๆ” หนิงอี้เหยาพูดชม
“ตราบใดที่ครูไม่โลภ ครูก็จะเห็นว่าคำพูดของคนโกหกนั้นมีความจริงอยู่มากแค่ไหน และผู้ชายอย่างผมก็ควรจะออกมาปกป้องผู้หญิงของตัวเองในช่วงเวลาที่สำคัญไม่ใช่เหรอครับ?”
“หึ! เด็กน้อย ใครเป็นผู้หญิงของเธอกัน”
ทั้งสองเดินคุยกันไปตลอด
คืนนี้ไม่มีรถไฟที่ไปหมู่บ้านจิ่วเจี๋ยเหลืออีกแล้ว พวกเขาคงต้องค้างกันที่ฉินโจวนี่คืนหนึ่ง
ทั้งสองมาที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ
“เปิดห้องสองห้องครับ” หลินปู้ฟานหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมา
“เธอจะทำอะไร? เธอจะเผาเงินตัวเองทิ้งหรือไง? ขอห้องเดียวที่มีเตียงใหญ่ให้กับเรา 1 ห้องค่ะ”
“การที่ผู้ชายกับผู้หญิงนอนห้องเดียวกันทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสมไม่ใช่เหรอครับ?” หลินปู้ฟานถาม
“เด็กเลว ฉันเป็นครูของเธอนะ” หนิงอี้เหยาโยกหัวของหลินปู้ฟาน และบ่นออกมา “หัวเล็กๆ ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าจะอายุ 18 แต่จิตวิญญาณของผมอายุ 35 แล้วนะ
พนักงานพาพวกเขาทั้งสองมาส่งที่ห้อง และเมื่อพวกเขาเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกตะลึง
“ทำไมถึงมีแค่เตียงเดียว?”
เมื่อมองเข้าไปในห้อง หนิงอี้เหยาและหลินปู้ฟานก็มองหน้ากันทันที
คอมเม้นต์