อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 69 ภาพนี้เป็นของปลอม
ช๋งไป่หมิงเฝ้าดูจางอี้นี่กับลุงซูที่ลุกยืนขึ้นและเดินออกไปเพื่อจะดูว่าพวกเขาต้องการที่ทิ้งขยะผิงซานมากน้อยขนาดไหน จนพวกเขาทั้ง 2 ลงไปถึงลานจอดรถเขาถึงได้มั่นใจขึ้นมาว่าที่ทั้ง 2 จากไปไม่ใช่เป็นแสดง ดูเหมือนว่าที่พวกเขาต้องการที่ทิ้งขยะนั่นจะไม่มีแผนการอื่นอยู่เบื้องหลัง
แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแผนการของจากอี้นี่ทั้งหมด
หลังจากที่รปภ.เข้าหยุดจางอี้นี่และลุงซู จางอี้นี่ก็รู้ได้ทันทีว่าการเจรจาประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในลิฟต์
ลุงซูกล่าวว่า “จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้เกินไปจริงๆ เขารอดูเราจนกระทั่งลงไปถึงลานจอดรถและยังรอจนกว่าเรากำลังจะขับรถออกไปเขาถึงหยุดพวกเราไว้”
“คุณคิดว่าช๋งไป่หมิงแก่ขึ้นมาโดยเปล่าประโยชน์เหรอ?” จางอี้นี่กอดอกแลพพูดพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
“จางอี้นี่ คุณนี่สุดยอดจริงๆ” ลุงซูกล่าวชื่นชม
“การทำธุรกิจคุณต้องใจเย็นๆ”
หลังจากกลับมาที่สำนักงาน สิ่งต่างๆ ก็เป็นไปอย่างราบรื่น
ช๋งไป่หมิงขอให้เลขานุการทำสัญญาซื้อขายออกมา จางอี้นี่ถือตราประทับอย่างเป็นทางการ หลังจากลงนามและประทับตราลงในสัญญา เธอก็สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินให้กับแผนกการเงินของไป๋เฉิงกรุ๊ป
ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินรีบยืนยันจำนวนเงิน
“หัวหน้าจางยินดีที่ได้ร่วมมือกันครับ!” ช๋งไป่หมิงยื่นมือออกไป
“เช่นกันค่ะหัวหน้าช๋ง”
“หัวหน้าจางเป็นผู้หญิงที่เก่งจริงๆ เลยนะครับ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตนะครับ หากมีโครงการดีๆ อะไรที่เราสามารถทำร่วมกันได้ติดต่อผมได้เลยนะครับ”
“เช่นกันค่ะ”
เมื่อเดินออกจากอาคารไป๋เฉิงกรุ๊ป ตามที่รับปากไว้จางอี้นี่ก็โทรหาหลินปู้ฟานทันที
หลังจากรู้ว่าเธอซื้อที่ทิ้งขยะสำเร็จ หลินปู้ฟานก็มีความสุขมาก
ลุงซูอยากรู้ว่าเงินลงทุน 15 ล้านนี้จะทำเงินได้เท่าไร
“เสี่ยวหลิน เราจะทำเงินได้เท่าไหร่จากการซื้อขายครั้งนี้?” ลุงซูถาม
หลินปู้ฟานทำการคำนวณคร่าวๆ และตอบว่า “อย่างน้อย 20 ล้านครับ”
“แม่จ้าว 200 ล้าน!… ” ลุงซูไม่สามารถหุบปากที่มีความสุขของเขาลงได้
ธุรกิจในเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมาทำให้จางอี้นี่และลุงซูมีเงินมากมาย และในอนาคตทั้งคู่จะกลายเป็นมหาเศรษฐี
หลังจากกลับมาที่โรงแรมจุนหัว หลินปู้ฟานก็พูดสั้นๆ เกี่ยวกับแผนการที่ทิ้งขยะที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเนื่องจากยังมีข้อตกลง 3 ปีกับรัฐบาลทำให้ไม่สามารถปอดที่ทิ้งขยะลงได้แต่สามารถย้ายได้ ที่ใหม่ที่จะย้ายไปให้เลือกที่ไหนมาสักที่ที่อยู่แถบชานเมือง ส่วนที่สองคือพนักงานของที่ทิ้งขยะจะถูกเก็บไว้ หลังจาก 3 ปีเมื่อปิดที่ทิ้งขยะลงเราสามารถย้ายบุคลากรเหล่านั้นไปที่ยังบริษัทเชิ่งชีได้ ส่วนที่สามคือให้เราเริ่มการบำบัดน้ำในแม่น้ำทันที และให้เริ่มวางรากฐานสำหรับการกำกับดูแลน้ำในแม่น้ำร่วมกันในปีหน้า
สำหรับการดำเนินตามแผนพวกนี้ หลินปู้ฟานมอบให้จางอี้นี่และลุงซูเป็นผู้ดูแล
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ จางอี้นี่กับลุงซูก็ชื่นชมหลินปู้ฟานมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เสี่ยวหลิน เธอเป็นอัจฉริยะจริงๆ ภายใต้การนำของเธอเราจะต้องกลายเป็นบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองอย่างแน่นอน” ลุงซูกล่าวออกมาอย่างมีความสุข
หลินปู้ฟานยิ้ม “ร่ำรวยที่สุดในเมืองคืออะไรเหรอครับ? ที่ผมต้องการคือรวยที่สุดในประเทศ”
จางอี้นี่และลุงซูสั่นสะท้านในใจ พวกเขามีความทะเยอทะยานแต่ความทะเยอทะยานของพวกเราอยู่แค่ในเมืองนี้เท่านั้น เมื่อหลินปู้ฟานบอกว่าระดับประเทศ สำหรับพวกเขามันยิ่งกว่าความทะเยอทะยานเสียอีก
“มาชน! เพื่ออนาคตที่รุ่งเรืองของเรา!” หลินปู้ฟานขนแก้ว
เส้นทางที่จะเป็นหนึ่งของโลกของหลินปู้ฟานยังอีกยาวไกล
หลังจากกลับบ้าน หลินปู้ฟานคำนวนว่าแม่จะได้กลับมาเมื่อไหร่ และเมื่อรู้ว่าแม่ของเขาจะกลับมาในครึ่งเดือนเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาในใจ
ในตอนนั้นเองฟางเจี้ยนหนานจากกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ฉางเจียงก็โทรมาหาเขาอีกครั้งเพื่อจะคุยเรื่องการตีพิมพ์ “โคมไฟเป่าผี” กับหลินปู้ฟาน
ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านจิ่วเจี่ยหลินปู้ฟานก็เริ่มเขียนเมืองโบราณที่วิจิตรงดงามที่เป็นหนึ่งในซีรีส์ของ “โคมไฟเป่าผี” ไปบ้างแล้ว จนทำให้ตอนนี้เขาเขียนมาได้มากถึงทั้งหมด 2.5 แสนคำ
หลังจากส่งต้นฉบับให้ฟางเจี้ยนหนาน ฟางเจี้ยนหนานก็อ่านมัน
ฟางเจี้ยนหนานอ่านจบในลมหายใจเดียว หลังจากอ่านจบใบหน้าของเขาก็แดงด้วยความตื่นเต้น ยังไม่มีนิยายแนวนี้ในตลาดเลยในเวลานี้
สาเหตุที่ผู้คนก้าวหน้าต่อไป สาเหตุที่อารยธรรมถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ก็เพราะคนเรามักจะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่นิยายเรื่องปล้นสุสานตีพิมพ์ออกไป มันจะต้องกลายเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน
“งานเขียนยอดเยี่ยมจริงๆ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณอาจจะเป็นลูกหลานของกัปตันตงชินจิน” ฟางเจี้ยนหนานอุทานจากนั้นก็จับมือหลินปู้ฟานอย่างแน่น “เสี่ยวหลิน คุณ.. คุณเคยปล้นสุสานมาแล้วใช่ไหม?”
“ประสาท!” หลินปู้ฟานด่า
“ถ้าคุณไม่เคยปล้นสุสานมาก่อนเลยทำไมคุณถึงเขียนสิ่งเหล่านี้ออกมาได้? ถ้าคุณไม่เคยปล้นสุสานมาก่อนแล้วคุณเอาเรื่องพวกหมิงหยิน เรือทมิฬ โลงศพทมิฬ ตำหนักทมิอะไรพวกนี้มากจากไหน? ตราสัญลักษณ์ขับไล่ซากศพหันหน้ามองหามังกรให้มองไปที่ภูเขา โชคชตาไกล้เข้ามาแล้ว หากพบประตูพันสลักกลอนจะต้องมีราชาอาศัยอยู่ที่นั่น… เรื่องพวกนี้มันเกินกว่าที่ใครจะคิดได้”
ฟางเจี้ยนหนานเป็นบรรณาธิการมาครึ่งชีวิต เขาไม่เคยอ่านนวนิยายที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้มาก่อนเลย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อนิยายแฟนตาซีออกมา ก็แทบจะแทนที่นิยายยุคเก่าไปในทันที
ความแตกต่างระหว่างนิยายออนไลน์และนิยายแบบดั้งเดิมนั้นใหญ่มาก นอกจากนี้ฟางเจี้ยนหนานก็ยังเป็นบรรณาธิการของนิยายแบบยุคเก่าอีกด้วย ทำให้นิยายเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับเขา
หลังจากที่ฟางเจี้ยนหนานรายงานต่อหัวหน้าบรรณาธิการก็ได้สรุปข้อตกลงการเผยแพร่กับหลินปู้ฟาน
การตกลงครั้งนี้จะให้พิมพ์ครั้งแรกที่ 5 แสนเล่ม
นักเขียนทั่วไปพิมพ์ครั้งแรกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1 หมื่นเล่มและ 5 หมื่นเล่มของนักเขียนที่มีชื่อเสียงมากกว่า แม้ว่าจะเป็นนักเขียนชื่อดังแต่การพิมพ์ครั้งแรกก็ได้เพียง 6 หมื่นเล่มเท่านั้น
ตอนนี้เห็นได้แล้วว่าการได้พิมพ์ครั้งแรกถึง 5 แสนเล่มนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด นี่แสดงให้เห็นว่าสำนักพิมพ์มีความมั่นใจใน “โคมไฟเป่าผี” ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในตลาดเป็นอย่างมาก
ในทำนองเดียวกัน บัญชีธนาคารที่หลินปู้ฟานให้สำนักพิมพ์ไปก็เป็นของพ่อของเขา หลินเจิ้งตง
วันรุ่งขึ้นหลินปู้ฟานมาที่โกดังแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง มีกล่องสมบัติขนาดใหญ่สามกล่องซ่อนอยู่ที่นี่
หลินปู้ฟานตั้งใจที่จะขายส่วนใหญ่ของสมบัติเหล่านี้ เขาต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากเพราะหลังจากปี 1999 จะปีแห่งการพัฒนา โลกออนไลน์จะเข้าสู่ยุคใหม่ เพนกวิน(QQ) เต่า(เต๋าเป่า) เฉิงต้าและตู่เหนียงจะเริ่มก่อตั้งขึ้นทีละแห่ง
ตอนนี้เฉียวเจ้านายของกั๋วกั๋วคงจะกำลังพัฒนาโทรศัพท์มือถือกั๋วกั๋วข้ามศตวรรษอย่างลับๆ อยู่ในต่างประเทศ
ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของ Windows ยังคงเป็นเจ้าโลก
ในอีกสิบปีข้างหน้า บริษัทใหม่ๆ และโอกาสมากมายในการสร้างรายได้จะถือกำเนิดขึ้น หลินปู้ฟานไม่อยากจะพลาดพลาดพวกมันสักอย่างเดียว
โดยเฉพาะนกเพนกวินและเต่า
หลินปู้ฟานคิดในใจ เงินหลังจากขายสมบัติเหล่านี้คงจะเพียงพอที่จะก่อตั้งเพนกวินและเต่าได้
ใช่ หลินปู้ฟานคิดจะทำพวกมันขึ้นมาเอง
ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย เพนกวินได้คัดลอกซอฟต์แวร์แชท ICQ และเต่าก็คัดลอกความคิดมาจาก eBay ทั้งสองเป็นบริษัทช้อปปิ้งออนไลน์และแชทออนไลน์ของต่างประเทศ
สำหรับบริษัทเฉิงต้า พวกเขาสร้างรายได้จากเกม “Legend”
Legend เป็นเกมที่พัฒนาโดยหานเฉิงเริ๋นกั๋วและได้เปิดตัวโดยเฉิงต้าในจีนปี 2001 หลังจากการเปิดตัว เกมดังกล่าวก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศและทำเงินได้หลายหมื่นล้าน
เจ้านายของเฉิงต้าเป็นคนแรกที่กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจีนด้วยการเล่นเกม น่าเสียดายที่หลังจากนี้เขาจะทำให้บริษัทต้องสูญเสียมหาศาล ทำให้ในที่สุดเขาก็ถูกไล่ออกมา
แต่หลินปู้ฟานสามารถแก้ไขเรื่องพวกนั้นได้
หลินปู้ฟานไม่อยากพลาดธุระกิจอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นเกม ช้อปปิ้งออนไลน์ อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นก็ตาม
เพราะในเมื่อเขาได้มีชีวิตอีกครั้งแล้ว เขาจะต้องกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกให้ได้
ในหางโจวมีตลาดขายของโบราณอยู่แห่งหนึ่ง หลินปู้ฟานได้โทรไปถามเจิ้งเป่าเฉียวเพื่อทำความรู้จักกับตลาดของโบราณมาบ้างแล้ว
ระหว่างทางหลินปู้ฟานได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มี 2 วิธีในการขายสมบัติออกไป หนึ่งคือให้บ้านประมูลเป็นคนกลางในการประมูล ส่วนอีกวิธีคือการค้าขายใต้ดิน
ธุรกิจค้าของโบราณมีกลโกงมากมาย บางคนถึงกับล้มละลายเพราะไปซื้อของปลอม บางคนก็ร่ำรวยเพราะดวง
หลินปู้ฟานไม่เข้าใจของโบราณมากนัก แต่เขาก็มั่นใจว่าสมบัติของเขาเหล่านี้เป็นของแท้แน่นอน
เพราะข่าวในชาติก่อนยืนยันเรื่องนี้ได้
ตลาดใต้ดินอยู่ที่ชั้นใต้ดินของไคหยวนพลาซ่ามีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกเป็นที่ขายตราประทับและเหรียญโบราณ ชั้นสองเป็นที่ขายภาพวาดเครื่องลายครามโบราณ ชั้นสามมีไว้สำหรับขายหยก
ก่อนที่จะเข้าไปในชั้นใต้ดิน เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งเปิดร้านตั้งโต๊ะขายของโบราณอยู่ในจัตุรัส ด้านข้างจะตั้งตั้งป้านที่เขียนว่า: รับซื้อตราประทับ เหรียญและหยกโบราณทุกชนิด
คนกลุ่มนั้นเมื่อเห็นไครก็ตามที่ตั้งใจเดินเขาไปหรือผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยถือถุงหรือห่ออยู่ในมือ พวกเขาก็จะเดินไปถามทันที
“พี่ชาย พี่มีอะไรจะขายไหม?”
“พี่ชาย พี่ต้องการจะขายอะไร? ผมเป็นผู้ประเมินมืออาชีพพี่เอามาให้ผมดูก่อนได้นะ”
แต่ไม่มีใครเลยที่เข้ามาพูดคุยกับหลินปู้ฟานเมื่อเขาเดินผ่าน
อาจจะเป็นเพราะเขายังเด็กอยู่เลยไม่สนใจ
ภาพวาดของหลินปู้ฟานถูกซ่อนไว้ในเสื้อผ้าของเขา เขาเดินเข้าไปในชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่งที่เป็นชั้นของตราประทับและเหรียญโบราณก่อน
สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดตราประทับคือตั๋วลิง ตั๋วลิงที่มีมูลค่า 5 หยวนสามารถขายได้หลายพันถึงหลายหมื่นหยวน
ตราประทับที่มีค่าที่สุดเรียกว่า “ภูเขาและแม่น้ำแห่งมาตุภูมิสีแดง” สาเหตุที่ตราประทับนี้มีค่าเนื่องจากตราประทับนี้ไม่สมบูรณ์มันถึงถูกเรียกคืนอย่างรวดเร็วหลังจากออกมาได้เพียง 3 วัน มึงถึงทำให้ตั๋วลิงนี้มีอยู่ในตลาดน้อยมาก ราคาจึงสูงกว่าตั๋วที่มีตราประทับอื่นๆ
อย่างคำกล่าวที่ว่า สิ่งของมีค่ามักจะมีน้อย
เช่นเดียวกับตราประทับ เหรียญทองแดงของราชวงศ์ชิงมีค่ามากที่สุด เหรียญดาบ เหรียญไทปิงเทียนกัวและหยวนต้าโถวมีค่ารองลงมา
สิ่งของพวกนี้ไม่สามารถดึงดูความสนใจของหลินปู้ฟานได้ เขาจึงทำเพียงแค่มองมันผ่านๆ ก่อนที่จะลงไปที่ชั้นสองเท่านั้น
คนในชั้นนี้ดูต่างระดับจากคนด้วยบนอย่างเห็นได้ชัด
“อ่า นี่คือไผ่สุภาพบุรุษของเจิ้งเป่าเฉียว”
“นายว่า ตาเฒ่าคนนั้นจะซื้อไหม?”
“ใครจะรู้?”
เขาเห็นกลุ่มคนมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ร้านร้านหนึ่ง
หลินปู้ฟานชะโงกหน้าเข้าไปดู เป็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้านพร้อมกับแว่นขยายที่อยู่ในมือกำลังดูหนึ่งในภาพชุดไผ่สุภาพบุรุษของเจิ้งเป่าเฉียวอยู่
ชายชรามาที่นี่เพื่อดูภาพนี้โดยเฉพาะ เจิ้งเป่าเฉียวเก่งที่สุดในการวาดภาพบนไม้ไผ่และภาพชุดไผ่สุภาพบุรุษมีทั้งหมด 16 ภาพ แม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะเรียกว่าภาพไผ่สุภาพบุรุษ แต่ภาพไผ่สุภาพบุรุษในอ้อมแขนของหลินปู้ฟานกับไผ่สุภาพบุรุษที่ชายชราดูอยู่นั้นไม่เหมือนกัน
ร้านนี้เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนอายุ 40 ปี ใบหน้าเหมือนอักษรจีน มีริดสีดวงทวารที่มุมปากและยังมีขนหลอมแหลมที่ริดสีดวงทวารด้วย เจ้าของร้านเหล่มองชายชรา ในขณะเดียวกันเขาก็เล่นกับขนริดสีดวงทวารบนหน้าเขาไปด้วย
“ภาพนี้เป้นของผม ผมได้มันมาจากโรงประมูลเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนนี่ใบรับรองว่ามันเป็นของแท้แน่นอน” เจ้าของร้านกล่าว
“ใช่ เราทุกคนรู้ที่อยู่ที่นี่เรื่องนี้ดี”
“หัวหน้าจู้พูดจริงแน่นอน เขาซื้อภาพวาดนี้มาจากโรงประมูลในราคา 5 ล้าน”
ชายคนที่ยืนมุงดูอยู่ด้วยกล่าวเสริม
หลังจากเฝ้าดูอยู่นานชายชราก็ยืดตัวขึ้นและพูดว่า “ภาพนี้เป็นของปลอม”
คอมเม้นต์