อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 72
พี่สาวหน้ากลมพาหลินปู่ฟานไปที่ห้องที่มีคนนั่งอยู่มากมาย ทั้งหมดอยู่ที่นี่เป็นลูกค้าและพนักงานขาย
สิ่งที่เขาได้กินคืออาหารกล่องที่มีเนื้อสัตว์สองชิ้นและผักส่ว
นหนึ่ง
“นี่ น้องชายตัวเล็ก” พี่สาวหน้ากลมวางกล่องอาหารกลางวันไว้ตรงหน้าหลินปู่ฟานแล้วเธอก็นั่งลงด้วย
“ก่อนหน้านี้มีคนมาขออาหารที่กินด้วยเหรอครับ?” หลินป้ฟานถาม
“ใช่ พี่ไม่รู้ว่าวันนั้นขอทานตัวน้อยนั่นมาจากไหน เขาเดินเขามาขออาหารทันทีที่เข้ามา หลังจากนั้นไม่กี่วันผู้จัดการของเราก็ลุกเป็นไฟ เขาไม่พอใจที่มีขอทานมาทําให้สํานักงานขายดูไม่ดี”
หลินปู่ฟานยิ้มอย่างขมขืน “ผมดูเหมือนขอทานขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ไปกินข้าวกันเถอะน้องชายตัวเล็ก ไม่ว่าจะเป็นขอทานหรือไม่บริษัทก็จ่ายค่าอาหารพวกนี้ให้ได้เสมอ” พี่สาวหน้ากลมยิ้มอย่างใจดี เธอแบ่งอาหารส่วนใหญ่ของเธอให้หลินฟาน “กินเยอะๆจะได้โตไปเป็นคนดีเข้าใจไหม”
หลินปู่ฟานมองไปที่พี่สาวหน้ากลมและรู้สึกว่าพี่สาวคนนี้นั้นน่ารักดี
หลังจากทานอาหารเย็นไปสองสามคําหลินฟานก็ถามว่า “อพาร์ทเม้นท์ขายดีไหมครับ? ผมเห็นมีลูกค้ามากมาย”
“โอ้ คนพวกนั้นส่วนใหญ่แค่มาดูเท่านั้น คนซื้อจริงๆแทบไม่มีเลย”
” ทําไมเหรอครับ?”
“สถานที่ของเรานั้นเป็นจุดชมวิวที่ดี แต่สิ่งอํานวยความสะดวกรอบข้างยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แถมราคายังสูงมากอีกด้วย”
อาหารและเครื่องที่ใช้ในการดํารงชีวิตในพื้นที่ชมวิวนั้นขายได้ราคามากกว่าพื้นที่อื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามค่าเช่าร้านที่นี่ก็แพงเช่นกัน
“แต่ทําเลที่นี่ดีมากเลยนะครับ ในอนาคตมันจะต้องเป็นที่ที่ดีมากๆ แน่ๆ เลยครับ”
“ใช่ น้องชายคเล็กรู้จักอสังหาริมทรัพย์ดีเหมือนกันนะเนี่ย”
“ก็แค่พอรู้มาบ้างเล็กน้อยเท่านั้นครับ”
“แต่คนส่วนใหญ่ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะซื้อเพื่อการลงทุน”
“โอ้” หลินฟานคิด หลังจากรอไปสองสามปีบ้านที่นี่จะมีราคาอย่างน้อยก็ 3 หมื่นถึง 4 หมื่นหยวนต่อตารางเมตร ส่วนใหญ่ที่เป็นแบบนี้คงเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ร้อนแรงเท่าไหร่ในตอนนี้ และคนส่วนใหญ่ก็ยังมีความเชื่อเรื่องการฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ยนั้นเป็นเรื่องที่ดีกว่า
ในเวลานี้ เงินของคนส่วนใหญ่อยู่ในธนาคาร
“น้องชายตัวเล็ก ถ้าเธอไม่อิ่มพี่สาวไปเอามาเพิ่มให้ได้นะ” พี่สาวหน้ากลมกล่าว
“ตอนนี้ผมอายุ 18 แล้วนะครับ อย่าเรียกผมว่าน้องชายตัวเล็กจะได้ไหมครับ? มันฟังดูอึดอัดนิดหน่อยนะ” หลินปู่ฟานพูดอย่างเขินอาย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่สาวคนนี้ปีนี้ก็อายุ 35 แล้ว การเรียกน้องชายตัวเล็กว่าน้องชายตัวเล็กมันผิดตรงไหน?”
” พี่สาวอายุ 35 แล้ว?” หลินฟานมองไปที่พี่สาวหน้ากลมเธอมีผิวขาวและหน้าเด็ก ตอนที่เขาเห็นเธอครั้งแรกเขานั้นคิดว่าเธออายุแค่ 20 ปีเท่านั้น
ขณะที่คุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงในรองเท้าส้นสูงสีดําเดินเข้ามา
“เฉินหลิน ถ้าเธอกล้าพาขอทานมาที่นี่ได้ยังไง? อย่าทําที่นี่อีกในอนาคตเข้าใจไหม?” รองเท้าส้นสูงตวาดอย่างไม่สบอารมณ์
เฉินหลินดูกลัว เธอก้มหน้าลงและพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะฉันจะไม่ทําแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
“แล้วเดือนนี้เธอขาดได้บ้างหรือยัง?” รองเท้าส้นสูงท้าวเอวถาม
เฉินหลินกัดฟัน และพูดออกมาด้วยเสียวแผ่วเบา “ฉันยังไม่ได้ขายสักชุดเลยค่ะ”
“หึ ถ้าเดือนนี้เธอยังขายไม่ได้เลยแม้แต่ห้องเดียว เดือนหน้าเธอก็ไม่ต้องมาทํางานที่นี่อีก”
“ฉันจะทําให้เต็มที่ค่ะ”
“ไร้ประโยชน์!” หลังจากดุเฉินหลินแล้ว รองเท้าส้นสูงมองก็มองมาที่หลินปู่ฟานและดุออกมา ”เด็กน้อยแกคิดว่าเราเป็นองค์กรการกุศลที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาได้หรือไง? ต่อไปถ้าแกกล้าเข้ามาที่บริษัทของเราอีก ฉันให้รปภ.โยนแกออกไป”
หลินฟานรู้สึกเสียใจ ”ตามคํากล่าวที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้าแล้วนี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติต่อพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
“แกมันแค่ขอทาน คนที่ซื้อบ้านของเราเท่านั้นที่เป็นพระเจ้า”
“แล้วทําไมถึงไม่คิดว่าผมจะมาซื้อบ้านล่ะ?” หลินฟานถาม
“บ้านที่นี่ราคาถึง 5 พันหยวนต่อตารางเมตร แกคิดว่าแกจ่ายไหวหรือไง?”
“เฮ้อ.. อย่าได้ยอมให้หมามาดูถูกคน”
“ขอทานปากเสีย!” รองเท้าส้นสูงหันมาและสั่งพี่สาวพนักงานขาย
“ไป ไปเรียกรปภ.มา”
เฉินหลินรีบหยุด “ผู้จัดการคะ เขาเป็นแค่เด็กนะคะ และที่นี่ก็ยังมีลูกค้าอยู่มากมาย คุณทําแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
ผู้จัดการมองไปที่ลูกค้ารอบๆ สิ่งนี้ทําให้ความคิดที่จะโยนหลินฟานออกไปหายไป
“รีบกินให้เสร็จแล้วรีบๆ ออกไปจากที่นี่ซะ” ผู้จัดการออกไปอย่างโกรธๆ
หลินฟานถามอย่างรําคาญ “ผู้หญิงบ้าคนนั้นเป็นผู้จัดการของพี่สาวเหรอครับ?”
“อืม”
” คนแบบนี้ไม่เหมาะกับงานบริการเลย ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าให้ที่เลือกให้เธอมาเป็นผู้จัดการ”
”น้องชายตัวเล็กกินไปก่อนนะ พี่สาวต้องไปทํางานก่อน”เฉินหลินยังกินไม่ทันอิ่ม เธอก็รีบออกไปทักทายลูกค้า
การทําการขายนั้นต้องพูดเก่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขายบ้าน บ้านหลังหนึ่งราคาหลายแสนซึ่งอาจจะต้องใช้เงินเก็บตลอดชีวิตของลูกค้าเพื่อซื้อสักหลังหากคุณไม่สามารถใช้วาทศิลป์ได้มันก็เป็นการยากที่จะหลอกให้ลูกค้าซื้อบ้านได้
หลังจากกินอิ่มเรียบร้อย หลินปู่ฟานก็ไปที่แผนกขายและเห็นเฉินหลินที่กําลังคุยกับชายวัยกลางคนอยู่
“ค่ะ อพาร์ทเม้นท์ของเรามีข้อดีมากมาย…”
” แล้วไฟฟ้าล่ะ” ลูกค้าถาม
“เรื่องไฟฟ้าของเรายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในตอนนี้แต่ฉันสามารถให้ส่วนลดกับคุณได้” เฉินหลินกล่าว
“ลืมไปเถอะ ถ้าไฟฟ้าไม่ดีฉันก็จะไม่ซื้อ”
เฉินหลินเป็นคนจริง ถ้าเป็นพนักงานขายคนอื่นอาจจะบอกว่าไฟฟ้าดี
เมื่อผู้จัดการได้ยินสิ่งที่เฉินหลินพูดกับลูกค้า ใบหน้าที่โกรธของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว
“เฉินหลินสมองของเธอเสียหรือยังไง? เธอกล้าเปิดเผยข้อ บกพร่องของอพาร์ทเม้นท์ของเราได้ยังไง?” ผู้จัดการพูดไม่ออก
“เธอ เธอออกไปซะ”
“ผู้จัดการคะฉันคิดผิดเอง ให้โอกาสฉันอีกครั้ง…”
“ฉันให้โอกาสเธอมามากมายแล้ว ตอนนี้เธอไปที่แผนกการเงินเพื่อรับเงินเดือนของเดือนนี้ได้แล้ว” ผู้จัดการต้องการที่จะไล่เฉินหลินออก
“ฉันจะทําให้ดีได้แน่นอนค่ะ ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ”
งานนี้ไม่เหมาะกับเธอจริงๆ ไปหางานเถอะ”
“ผู้จัดการให้โอกาสฉันอีกครั้ง” เฉินหลินขอร้อง
“ถ้าเธอทํางานที่นี่ไม่ได้ เธอก็ควรออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดสิ”
” พี่สาวเฉิน ผมอยากจะซื้อบ้านครับ!” เมื่อผู้จัดการกําลังจะขับไล่เฉินหลินออกไป หลินปู่ฟานก็ยกมือขึ้นและตะ โกน
“ดูขอทานตัวน้อยที่เธอพาเข้ามาสิ แต่ไม่เข้าเรื่อง”
”เขาไม่เกี่ยวนะคะ” เฉินหลินพูดอย่างเจ็บปวด
เมื่อเห็นเฉินหลินไม่เดินมาหา หลินฟานจึงเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ”ผมบอกว่าผมต้องการจะซื้อบ้านไม่ได้ยินเหรอค รับ?”
ผู้จัดการมองไปที่หลินฟานอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า ” หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว รปภ. รปภ. …..”
รปภ. สองคนวิ่งเข้ามา
“มีอะไรผู้จัดการ”
“โยนไอ้เด็กนี่ออกไป”
หลินฟานหัวเราะ ” ทุกคน ทุกคน ดูสิ่งที่ผู้จัดการคนนี้กําลังงจะทําสิ ผมบอกว่าผมต้องการจะซื้อบ้านแต่เธอบอกว่าจะโยนผมออกไป”
ลูกค้าในล็อบบี้มองมา
“ผู้จัดการคนนี้มีปัญหาที่สมองหรือยังไง?”
” ทําไมถ้าถึงจะขับไล่ลูกค้า?”
“เขาบอกว่าจะซื้อบ้าน แล้วทําไมผู้จัดการคนนี้ถึงได้ทําอย่างนั้น?”
– ผู้จัดการรีบพูดกับลูกค้าว่า ” ทุกคน เด็กคนนี้เป็นแค่ขอทานที่เข้ามาขอข้าวกินเท่านั้น เขาจะไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้านได้ และสาเหตุที่ฉันขับไล่เขาออกไปก็เพราะเขาจงใจจะสร้างปัญหา”
“เฮ้ ผมแค่บอกว่าผมต้องการซื้อบ้าน มันเป็นปัญหาตรงไหน? สมองคุณมีรูหรือไง?” หลินฟานพูดอย่างไม่พอใจ
“แกจ่ายไหวหรือไง? แกรู้ไหมว่าบ้านหลังหนึ่งราคาเท่าไหร่?” ผู้จัดการถามด้วยความโกรธ
5 พันหยวนไม่ใช่เหรอ?”
“ได้ ถ้าต้องการจะซื้อก็มา” ผู้จัดการพูดพร้อมกับจ้องตา
” ทําผมต้องซื้อกับคุณ? ผมต้องการจะซื้อกับพี่สาวเฉิน”หลินฟานดึงเฉินหลินออกไป ” พี่สาวเฉิน ผมต้องการบ้านที่ ใหญ่ที่สุดของที่นี่”
“น้องชายตัวเล็กหยุดสร้างปัญหาเถอะ” เฉินหลินดูเขินอาย
“ผมไม่ได้สร้างปัญหา ผมพูดเรื่องจริง ผมต้องการอพาร์ตเมนต์ที่ใหญ่ที่สุด”
เฉินหลินสับสน เธอชี้ไปที่แบบจําลองอพาร์ตเมนต์แล้วกล่าวว่า: “อพาร์ทเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเราคือบ้านขนาด 130 ตร.ม.ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้และหันหน้าไปทางทิศเหนือ มี 4 ห้อ งนั่งเล่น 2 ห้องน้ํา…”
“ไม่ต้องแนะนํามันเพิ่มแล้วครับ ผมต้องการจะซื้อมัน” หลินฟานพูดด้วยท่าทางใหญ่โต
ผู้จัดการหัวเราะเยาะอย่างดูถูก “เสแสร้งทําต่อไปเถอะ ถ้าแกสามารถซื้อห้องชุดนี้ได้ในวันนี้ ฉันจะยอมคุกเข่าลงและเรียกแกว่าพ่อ”
“ผมไม่ต้องการลูกสาวนิสัยเสีย” หลินฟานเย้ยหยัน
“เด็กน้อยหยุดดื้อดึง บ้านที่นี่ไม่สามารถผ่อนหรือจํานองได้เข้าใจไหม?” ผู้จัดการหัวเราะเยาะ “ให้ฉันดูหน่อยเถอะว่าเด็กน้อยแต่งตัวโทรมๆ จะซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างไร”
” พี่สาวเฉิน เอาอพาร์ตเมนต์ขนาด 130 ตร.ม. มาให้ผม10 หลัง” หลินฟานพูดออกมาเบาๆ
ด้วยคําพูดเดียวผู้คนรอบข้างต่างพากันปั่นป่วน
“เด็กคนนี้มาสร้างปัญหาจริงๆ อพาร์ตเมนต์ 10 หลังมีราคามากกว่า 6 ล้านเสียอีก”
“ให้ตายเถอะ กลับว่ากลายเป็นบ้าตั้งแต่อายุยังน้อย”
“โยนเขาออกไปเร็วๆ ”
ลูกค้ามองไปที่หลินฟานด้วยความดูถูก
ผู้จัดการทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอโบกมือให้รปภ. “โดยนได้เด็กบ้านออกไปได้แล้ว”
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนในชุดนักออกแบบก็เดินเข้ามาในล็อบบี้
“ที่นี่เอะอะเสียดังอะไรกัน?”
“คุณจาง… “ ผู้จัดการแสดงรอยยิ้มประจบทันทีเมื่อเห็นชายคนนั้น เธอวิ่งไปหาคุณจาง “ไม่มีอะไรหลอกค่ะแค่เราเจอคนบ้านิดหน่อย”
หลินปู่ฟานรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้มีตําแหน่งสูงกว่าผู้จัดการหญิง
“เฮ้ คนในชุดสูทคนนั้นน่ะ คุณเป็นผู้บริหารของบริษัทนี้เหรอ? คุณฝึกพนักงานของคุณยังไง? ฉันบอกว่าฉันต้องการซื้อบ้านแต่เธอกลับขอให้รปภ.ไล่ฉันออกไป คุณต้องการให้ฉันโทรหานักข่าวไหม?” หลินปู่ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หัวหน้าจางขมวดคิ้ว เขาจ้องไปที่ผู้จัดการหญิงด้วยความโกรธ ”สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
“หัวหน้าจางคะ เขาเป็นแค่คนบ้า เขาบอกว่าเขาต้องการซื้ออพาร์ทเมนต์ 10 หลัง หัวหน้าจางคิดว่าเขาสามารถซื้อได้ 10 ชุดจริงๆ เหรอคะ? เขาแค่กําลังสร้างปัญหาเท่านั้น” ผู้จัดการหญิงชี้ไปที่หลินปู่ฟานและพูดด้วยความรังเกียจ
หัวหน้าจางเหล่มองไปที่หลินปู่ฟาน หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขากล่าวว่า “คุณต้องการซื้อบ้าน 10 หลังเหรอครับ?”
“ใช่!”
“บ้านที่นี่ต้องจ่ายเงิบแบบเต็มจํานวนเท่านั้นนะครับ”
“ฉันรู้” หลินฟานหยิบบัตรทอง ICBC ออกจากกระเป๋าของเขาอย่างใจเย็น
บัตรทองแบบนี้สามารถซื้อได้ในราคาสิบล้านหยวน
ทันทีที่เห็น ดวงตาของหัวหน้าจางก็สว่างขึ้น
ลูกค้าที่รู้จักบัตรใบนี้อุทานออกมา “มันน่าทึ่งมาก นั้นคือบัตรทองสําหรับอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ หากไม่มี เงินฝากถึง10 สิบล้านก็ไม่สามารถทําได้”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นรุ่นสองที่ร่ํารวย” (“รุ่นสอง”เป็นคําที่ใช้เรียกลูกหลานหรือทายาทที่ร่ํารวย)
ผู้จัดการหญิงพูดไม่ออก
คอมเม้นต์