อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 23 ถ้าผมไม่เจ็บ คุณก็ไม่ตาย
ตอนที่ 23 ถ้าผมไม่เจ็บ คุณก็ไม่ตาย
หลังจากยืนยันได้ว่าหลิวไฉเฉว่โทรหาหวังมู่มู่และทั้งสองก็กำลังจะมาที่โรงแรมหลงซิงจริงๆ หลินปู้ฟานกับซูชิงจึงรีบเดินทางไปที่โรงแรมหลงซิงทันที เจ้าของโรงแรมหลงซิงกับจางอี้หนี่เป็นเพื่อนกันหลังจากคุยกับเจ้าของโรงแรมไม่กี่คำ ซูชิงก็หยิบบัตรห้องและขึ้นไปชั้นบน
นี่คือห้องดีลักซ์เตียงใหญ่ราคาค่าเข้าพักต่อวันอยู่ที่ 300 หยวนซึ่งเป็นราคาที่แพงมากในยุคนี้
หลังจากสำรวจห้องแล้วหลินปู้ฟานก็จ้องมองไปที่ลำโพง ลำโพงนั้นคือลำโพงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งจากพื้นจรดเพดานทำให้สามารถซ่อนกล้องไว้ในลำโพงตัวนี้ได้
ในยุดนี้มีกล้องถ่ายวิดีโอแบบใช้มือถือของ Sony มันมีขนาดเล็กกะทัดรัดและสามารถถ่ายติดต่อกันได้นานถึง 5 ชั่วโมง
หลังจากติดตั้งกล้องเสร็จแล้ว หลินปู้ฟานกับซูชิงก็ออกจากห้องไป
ทั้งสองไม่ได้กลับบ้าน ซูชิงขอให้คนขับรถไปจอดรออยู่ที่หน้าประตูของโรงแรมหลงซิง เพื่อคอยสังเกตุหลิวไฉเฉว่และหวังมู่มู่
หลังจาก 2 ทุ่ม หลิวไฉเฉว่ก็ปรากฏตัว
ในรถเบนซ์ซูชิงชี้ไปที่หลิวไฉเฉว่และพูดออกมา “หลิวไฉเฉว่มาแล้วแต่ฉันยังไม่เห็นหวังมู่มู่เลย เราควรทำยังไงต่อ?”
หลินปู้ฟานกล่าวอย่างใจเย็น “นี่เด็กน้อยเธอยังไม่เข้าใจ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดเผยได้ จะให้พวกเขามาพร้อมกันได้ยังไง? รอดูไปก่อน หวังมู่มู่น่าจะมาในไม่ช้า”
หลังจากหลิวไฉเฉว่เข้าไปในโรงแรมได้ไม่นานหวังมู่มู่ก็ปรากฏตัวตามมา เธอสวมหมวกฟางลูกไม้พร้อมกับกระโปรงยาวสีขาว เธอมองไปรอบๆ ด้วยความระวังและเดินเข้าไปหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครให้ความสนใจเธอ
“สำเร็จ!” หลินปู้ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปลาติดเบ็ดแล้ว”
วันต่อมา
หลินปู้ฟานถือกระเป๋านักเรียนเข้ามาในโรงเรียนตามปกติ
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีที่หลินปู้ฟานเข้ามาในห้องเรียน สายตาของนักเรียนมากมายมองตรงมาที่เขาราวกับมองขยะ
หลินปู้ฟานไม่สนใจ เขาวางกระเป๋านักเรียนและนั่งลงอย่างเงียบๆ
ในสายตาของหวังปิน ตอนนี้หลินปู้ฟานดูเหมือนหมาที่อยู่ในน้ำ
หวังปินผู้ไม่กลัวความตายจึงกระโดดออกมาอีกครั้ง
เขาชี้ไปที่หลินปู้ฟานและพูดเรื่องไร้สาระออกมา “ไอ้ลูกหมาขี้ขโมย มึงยังมีหน้ามาโรงเรียนอีกเหรอ? แล้วมึงเอาพ่อมึงมาด้วยหรือป่าว?”
เมื่อคืนหวังมู่มู่บอก”ข่าวดี”กับหวังปินว่าหลินปู้ฟานกำลังจะโดนไล่ออก หวังปินมีความสุขอย่างมากจนไม่ได้นอนทั้งคืน
หลินปู้ฟานวางหนังสือลงอย่างเงียบๆ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อเผยให้เห็นสายตาที่ดุร้าย “นี่แกลืมไปแล้วหรือไง? แกต้องการให้ฉันทวนความจำให้ไหม?”
“ฉะ… ฉันไม่กลัว” หวังปินติดอ่าง
“ถ้าแกไม่กลัวฉัน แล้วแกกลัวช๋งเฉินไหม?”
หวังปินเงียบไปทันที เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้
“หวังปิน คนอย่างแกคงต้องถูกกระทืบทุกวันจริงๆ ถึงจะดีขึ้น” หลินปู้ฟานพูดอย่างเย็นชา
หวังปินหุบปากทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็วิ่งออกจากห้องเรียนไปหาแม่ของเขา
ไม่นานหลังจากนั้นหวังมู่มู่ก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องเรียนด้วยความโกรธ
“หลินปู้ฟาน พ่อแม่ของแกอยู่ที่ไหน?” หวังมู่มู่เสียงดัง
“ไม่มา” หลินปู้ฟานตอบอย่างเรียบง่าย
“แกกล้าดีจริงๆ แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดไปได้เหรอ? ฉันจะบอกให้ทางโรงเรียนไล่แกออกโดยตรง”
“คุณทำแบบนั้นไม่ได้ ผมมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว” หลินปู้ฟานหยิบคอมแพคดิสก์ออกมาและจงใจให้นักเรียนทุกคนได้เห็น
“หลักฐานอะไร เอามาให้ฉัน” หวังมู่มู่ยื่นมือออกไป
“ผมอยากเปิดหลักฐานนี้ต่อหน้าผู้อำนวนการด้วย”
“ก็ดี!”
เธอพาหลินปู้ฟานไปที่สำนักงานของหลิวไฉเฉว่
เธอรู้ดีว่าโรงเรียนไม่ได้มีการเฝ้าระวังใดๆ เลย และถึงแม้ว่าจะมีแต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบันทึกบทการสนทนาระหว่างเธอกับหลินปู้ฟานที่หน้าห้องสารสนเทศไว้ได้
เมื่อหลิวไฉเฉว่เห็นหลินปู้ฟาน เขาก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะทำงาน “แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ? เธอไม่ได้บอกพ่อแม่ของเธอหรือไง? หรือว่าพ่อแม่เธอยังไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมที่เหลือ?”
“ผู้อำนวยการ ผมมีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าผมไม่ใช่คนผิดในเรื่องนี้”
“หลินปู้ฟาน แกคิดว่าแค่แกหยิบแผ่นดิสที่ไหนก็ไม่รู้มาแล้วบอกว่ามันเป็นหลักฐานแล้วแกจะรอดไปได้เหรอ? พวกเราดูโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?” หวังมู่มู่ดูเหยียดหยามและดูถูก
“คุณหวังสงบปากของคุณไว้หน่อย เดี๋ยวพอผู้อำนวยการเปิดข้อมูลในแผ่นดิสแล้วมันยังมีโอกาสให้คุณได้พูดอีกเยอะ” หลินปู้ฟานพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ได้! ฉันจะคอยดูว่ามันเป็นหลักฐานแบบไหน” เธอพูดด้วยความมั่นใจ เธอไม่เชื่อว่าหลินปู้ฟานจะมีหลักฐานอะไรทั้งนั้น
มีชุดทีวีและดีวีดีอยู่ในสำนักงานของผู้อำนวยการ หลินปู้ฟานใส่แผ่นดีวีดีลงในเครื่องเล่น
“หึ! แสร้งทำเป็นว่าตัวเองมีศีลธรรมแต่พฤติกรรมกลับน่ารังเกียจ อนาคตของแกคงจะไม่พ้นคุกพ้นตารางแน่นอน”
“คุณหวัง เดี๋ยวคุณก็รู้เองว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าน่ารังเกียจ” หลินปู้ฟานกดปุ่มเล่น
ไม่นานภาพที่เลวร้ายและไร้เหตุผลก็ปรากฏขึ้น
ในทันใดนั้นหลิวไฉเฉว่และหวังมู่มู่ก็ตกตะลึง ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อ
คนเลี้ยงแกะหวังรีบเข้าไปกดปิดทีวีอย่างรวดเร็ว “แก… แก… แกไปเอาวีดีโอพวกนี้มาจากไหน?”
หลินปู้ฟานนั่งลงช้าๆ บนโซฟา และพูดออกมาอย่างสงบ “คุณหวัง ผมจะเอาวีดีโอพวกนี้มาจากไหนมันสำคัญอะไร? ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าสามีคุณจะทำหน้ายังไงเมื่อได้เห็นวีดีโอนี้? ภรรยาของคุณก็เหมือนกันคุณผู้อำนวยการ”
หวังมู่มู่รีบหยิบแผ่นดีวีดีออกมาและกระทืบมันจนแหลกเป็นชิ้นๆ
หลินปู้ฟานมองไปที่คนเลี้ยงแกะหวังอย่างดูถูก “คุณนี่โง่ไม่สมกับการเป็นครูจริงๆ คุณคิดว่าผมจะมีหลักฐานนี้แค่แผ่นเดียวเหรอ? ผมจะบอกอะไรให้ ผมมีพวกมันมากพอที่จะแจกให้ทั้งสามีและภรรยาของพวกคุณรวมถึงคนทั้งทั้งโรงเรียนได้ดูด้วยซ้ำ ผมล่ะอยากให้พวกเขาได้เห็นกันจริงๆ เลยว่าพวกคุณรักกันมากขนาดไหน”
“แกกล้าเหรอ!” เมื่อมาถึงขั้นนี้คนเลี้ยงแกะหวังก็แสดงอำนาจของความเป็นครูออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หลินปู้ฟานหัวเราะ “ทำไมผมจะไม่กล้า? เพราะยังไงตอนนี้ผมก็ได้ชื่อว่าเป็นหัวขโมยอยู่แล้ว”
“หลินปู้ฟาน สิ่งที่แกทำมันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมันเป็นอาชญากรรม แกรู้ไหม?” หวังมู่มู่ตะโกน
หลินปู้ฟานยิ้ม “คุณคิดว่าผมเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ทำไมผมต้องกลัวด้วย? พวกคุณทั้งสองคนจะไล่ผมออกตอนนี้เลยก็ได้นะ แต่ผมรับประกันได้เลยว่าทุกๆ คนในหางโจวจะได้รู้จักพวกคุณอย่างแน่นอน โดนไล่ออกมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรสำหรับผมเท่าไหร่ เป็นพวกคุณต่างหากที่จะต้องสูญเสียทั้งครอบครัวทั้งงานและชื่อเสียง ผมคิดว่าเรื่องแค่นี้คุณน่าจะคิดได้นะ จริงไหม?”
หวังมู่มู่และหลิวไฉเฉว่เหงื่อท่วมตัว
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่านักเรียนคนหนึ่งจะมีวิธีการและความกล้าหาญมากขนาดนี้
“นักเรียนหลิน ฉันว่าเรื่องนี้เรายังพอคุยกันได้นะ เรื่องขโมยเงินอะไรนั่นมันก็เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น เธออย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ” หลิวไฉเฉว่พูดด้วยเสียงอ่อน
“อย่างน้อยผู้อำนวยการก็ฉลาดกว่าคนแถวนี้” หลินปู้ฟานพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม
“แล้วนักเรียนหลิน เธอยังมีหลักฐานอยู่อีกไหม?” หลิวไฉเฉว่กล่าว
“ผู้อำนวยการ คุณคิดว่าผมจะโง่พอที่จะไม่สำรองข้อมูลของพวกคุณไว้เลยหรือ? ผมต้องเก็บพวกมันไว้ใช้ป้องกันตัวผมในอนาคตอยู่แล้ว แต่คุณไม่ต้องห่วง ถ้าผมไม่เจ็บ คุณก็ไม่ตาย!”
คอมเม้นต์