อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 33 ฆ่าตัวตาย
ตอนที่ 33 ฆ่าตัวตาย
หลังจากกลับมาที่ห้องฝึก หลินปู้ฟานก็ขอให้ซงเซิ่นฮุยร้องเพลงทั้งหมดที่เขาแต่ง
เดิมทีเขาต้องการจะเลือกเอาออกมาสักเพลงและดัดแปลงมัน
แต่หลังจากฟังเพลงทั้งหมดของซงเซิ่นฮุยแล้ว หลินปู้ฟานก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
การเขียนเพลงและการแต่งเพลงก็เหมือนกับการเขียนบทความ การเขียนที่ดีนั้นจะฝังรากลึกลงไปในจิตใจคน
เพลงของซงเซิ่นฮุยเป็นบทความที่ไม่ดีเท่าไหร่และมีความคล้ายคลึงกันมากเกินไป ในส่วนของดนตรีนั้นก็ยิ่งธรรมดา ไม่มีเพลงไหนเลยที่จะสามารถทำให้หัวใจของผู้คนหวั่นไหวได้
หลินปู้ฟานเกาหัวไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ซงเซิ่นฮุยยังคงดูมีความคาดหวัง “อาจารย์หลิน อาจารย์คิดว่าเพลงไหนที่สามารถเล่นในการแข่งขันนี้ได้”
แต่ความคิดในหัวของหลินปู้ฟานคือไม่มีเพลงไหนเลย
“อืม… เพลงของพี่มันก็โอเคนะ แต่มันยังขาดความน่าตื่นตาตื่นใจ ทำไมถึงไม่เอาเพลง”Old Boy”ไปแข่งล่ะ?” หลินปู้ฟานถามด้วยความสับสน
“มีกฎระเบียบและข้อบังคับในการแข่งขันระบุให้เพลงที่นำไปร้องในการแข่งนั้นต้องเป็นเพลงที่แต่งเองและยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนเท่านั่นครับ”
“มีกฎระเบียบที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ด้วย?” หลินปู้ฟานแยกเขี้ยวยิงฟัน
“คุณหลินผู้ตัดสินหลักในการแข่งขันร้องเพลงระดับวิทยาลัยสิบอันดับแรกครั้งนี้คือหลงเถิง นักร้องนำวงเห๋ยเซี่ยซื่อ ข้อกำหนดของผู้ชายคนนั้นเข้มงวดมาก” หัวซานกล่าว
(เห๋ยเซี่ยซื่อ แปลว่าคนตาบอด)
ตั้งแต่ปี 1980 ถึงต้นทศวรรษ 1990 วงเห๋ยเซี่ยซื่อได้รับความนิยมไปทั่วประเทศและสร้างปาฏิหาริย์มากมายในโลกดนตรีในเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงเถิงนักร้องนำที่เป็นที่รู้จักในนาม”นักล่าหัวใจ”ชื่อดังกล่าวมาจากเพลงของเขาที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณและทำให้ผู้ฟังรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้
หลินปู้ฟานตบหน้าผากของเขาและถามว่า “ถ้าผมจำไม่มีผิด หลงเถิงที่ว่าคือหลงเถิงที่ตาบอดใช่ไหม?”
วงเห๋ยเซี่ยซื่อตั้งโดยหลงเถิงและหลงเถิงก็เป็นคนตาบอด
“แม้ว่าตาของเขาจะตาบอด แต่หูของเขากลับไม่ธรรมดา” ซงเซิ่นฮุยกล่าว
“หลงเถิงนั้นเก่งมาก เขาร่วมการแข่งขันแบบนี้หลายครั้งในฐานะกรรมการ” เฉินหว่านเอ๋อกล่าว
“กลับเป็นลิ้นพิษนี่เอง มันช่างบังเอิญจริงๆ” หลินปู้ฟานยิ้มและปรบมืออย่างถูกใจ “ทุกคนผมจะให้เพลงอื่นกับทุกคน แต่คราวนี้นักร้องนำจะต้องเป็นพี่สาวหว่านเอ๋อเท่านั้นนะ ทุกคนตกลงไหม?”
“ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ทุกๆ คนอยู่วงเดียวกันเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันใครจะร้องนำก็ไม่เป็นปัญหาอะไร”
“ถ้าคิดได้แบบนั้นผมก็โล่งใจ”
สองวันผ่านไปในพริบตา วันนี้เป็นวันแข่งขันร้องเพลงระดับวิทยาลัยของวิทยาลัยสิบอันดับแรก
“นี่กี่โมงแล้ว? ทำไมเฉินหว่านเอ๋อถึงยังไม่มา?” ซงเซิ่นฮุยเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย เขาถามหัวซาน “หัวซานนายไม่ได้บอกเฉินหว่านเอ๋อหรือไง? เธอไม่รู้หรือไงว่าวันนี้สำคัญขนาดไหน?”
หลินปู้ฟานก็อยู่ที่นั่นด้วย เขามองไปที่นาฬิกาและพูดว่า “พี่ซงไม่ต้องกังวลไป เรายังมีเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง”
“ไม่ต้องกังวล หว่านเอ๋อไม่ใช่คนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เธอต้องมาแน่นอน” หลัวเสี่ยวเสี่ยวพูดพร้อมกับหาว “มีเงินสด 2 พันหยวนเป็นรางวัลที่หนึ่งในครั้งนี้ใช่ไหม? ถ้าเราชนะนายต้องเลี้ยงอาหารดีๆ พวกเราทุกคนด้วยเข้าใจไหม!”
เมื่อคืนหลัวเสี่ยวเสี่ยวอยู่เป็นเพื่อนซงเซิ่นฮุย พวกเขาฝึกด้วยกันจนถึงเที่ยงคืน
“แน่นอน ถ้าชนะฉันจะไม่ลืมบุญคุณเธอเลย” ซงเซิ่นฮุยกล่าว
“พี่ฮุยเราจะต้องชนะแน่นอน” ซุนหยานให้กำลังใจ
“อืม ด้วยเพลงนี้คราวนี้เราจะทำต้องให้ทุกๆ คนสนใจได้แน่นอน” ซงเซิ่นฮุยกำหมัดแน่นและแสดงออกอย่างกล้าหาญ
“เสี่ยวฮุย” ประตูห้องรับรองเปิดออกชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาโดยมีผมนุ่มๆ ห้อยลงมาบังใบหน้าของเขาบางส่วนทำให้เขาดูมีเสน่ห์
“พี่ชายฉิน?” ซงเซิ่นฮุยหันศีรษะและมองอย่างตกตะลึง
“แปลกใจใช่ไหม?” พี่ชายฉินยืนกอดอกพิงประตูและพูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ฉันเองก็เข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย”
พี่ชายฉินมีชื่อจริงๆ ว่าฉินเฟิงหยุนซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มีความสามารถของวิทยาลัยดนตรีประจำจังหวัด เขาพาวงดนตรีไปแสดงในวิทยาลัยหลายแห่งในหางโจว และการแสดงทุกครั้งก็ประสบความสำเร็จ
ฉินเฟิงหยุนได้พบกับซงเซิ่นฮุยตอนที่เขาแสดงที่วิทยาลัยการแสดงหางโจว หลังจากจบการแสดงเขาก็ไปที่ห้องฝึกอบรมเพื่อให้คำแนะนำกับวงดนตรีของซงเซิ่นฮุย ในระหว่างการให้คำแนะนำซงเซิ่นฮุยและคนอื่นๆ ก็ได้ตระหนักถึงความเก่งกาจของฉินเฟิงหยุน เขามีความเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีและสามารถดัดแปลงดนตรีได้หลากหลาย ร้องเพลงก็เป็นเลิศและยังสามารถรวมองค์ประกอบของดนตรีต่างประเทศเข้ากับเพลงของเขาได้อย่างไม่เป็นสองรองใคร
ท้ายที่สุดวิทยาลัยดนตรีประจำจังหวัดก็เป็นสถาบันการดนตรีที่สูงที่สุด ส่วนวิทยาลัยการแสดงหางโจวก็เป็นเพียงเป็นวิทยาลัยระดับ 2 เท่านั้น ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับวิทยาลัยดนตรีประจำจังหวัด
ซงเซิ่นฮุยยิ่งรู้สึกแย่
“พี่ไม่อยู่ในรายชื่อเหรอ?” ซงเซิ่นฮุยเคยเห็นรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน
“เดิมทีวงของเราไม่คิดจะเข้าร่วมการแข่งเล็กๆ นี่อยู่แล้ว แม้ว่าจะได้รับรางวัลชนะเลิศ แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับพวกเรามากนัก แต่วงดนตรีของวิทยาลัยของเราถูกจับในข้อหาดื่มสุราและสร้างปัญหาเมื่อคืน วงของเราจำเป็นต้องกู้ชื่อเสียงของเรากลับคืนมา เสี่ยวฮุยฉันต้องขอโทษจริงๆ”
“ฮึ่ม ดูสิ่งที่คุณพูดเข้า คุณพูดเหมือนกับว่าคุณจะต้องชนะแน่นอนอยู่แล้วอย่างงั้นแหละ” ซุนหยานโค้งริมฝีปากของเธอและพูดด้วยความไม่พอใจ
ซงเซิ่นฮุยยมีเหงื่อออกที่หน้าผาก เขากำมือแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เสี่ยวฮุยนายก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของฉันดี ดังนั้นอย่าคิดถึงรางวัลที่หนึ่งเลย พยายามที่จะชนะรางวัลที่สองและรางวัลที่สามจะดีกว่า” ฉินเฟิงหยุนหมายความว่ารางวัลที่หนึ่งต้องเป็นของเขาแน่นอน
“ทำไมเราจะคิดถึงรางวัลที่หนึ่งไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการรางวัลอื่นๆ เราต้องการแค่รางวัลที่หนึ่งเท่านั้น”
ด้านหลังฉินเฟิงหยุนปรากฏผู้หญิงผมสีดำสวยงามคนหนึ่ง เป็นคนที่สวยแม้จะไม่ต้องแต่งหน้าก็ตาม เธอสวมชุดยาวสีขาวที่ช่วยเพิ่มรสชาติที่บริสุทธิ์
ฉินเฟิงหยุนหันศีรษะและมองไปที่หญิงสาวด้วยความสับสน “คุณเป็นใคร?”
“วะ… หว่านเอ๋อ?” ดวงตาของหลัวเสี่ยวเสี่ยวเฉียบคมและเธอจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันทีว่าเธอคือเฉินหว่านเอ๋อ
หลินปู้ฟานยิ้มอย่างรู้ทันและคิดในใจ: น่าจะแต่งตัวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
สเน่ห์ที่แท้จริงอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่การแต่งตัว
หลินปู้ฟานให้เฉินหว่านเอ๋อเป็นนักร้องนำ แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอเสียก่อน
“พระเจ้าให้ตายเถอะ เธอคือหว่านเอ๋อจริงๆเหรอ?” หัวซานอ้าปากค้าง
ซงเซิ่นฮุยและคนอื่นๆ ก็ตะลึงไปเช่นกัน
“ไอ้หมาเน่านี่ จะยืนเก็กไปถึงไหน? อย่ามาขวางทาง!” เฉินหว่านเอ๋อไม่ไว้หน้าฉินเฟิงหยุน
“ไม่ผิดแน่นอน เธอคือเฉินหว่านเอ๋อแน่นอน” ซงเซิ่นฮุยพูดด้วยรอยยิ้ม
“เธอเป็นใคร? เธอคิดว่าเธอจะชนะเพียงเพราะว่าเธอสวยหรือไง? อย่าลืมว่าฉันเป็นใคร” ฉินเฟิงหยุนพูดอย่างเหยียดหยาม
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นตัวอะไร วันนี้เราจะได้รับรางวัลชนะเลิศอย่างแน่นอน” เฉินหว่านเอ๋อพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“งั้นเรามาเดิมพันกันสักหน่อยไหม?” ฉินเฟิงหยุนกลายเป็นคนชั่วร้าย
“ฮึ มาสิ! คนอย่างฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว”
“ถ้าวันนี้พวกเธอไม่ได้รางวัลที่ 1 คืนนี้เธอต้องไปเที่ยวกับฉัน”
“ได้” เฉินหว่านเอ๋อตอบตกลงโดยไม่ขมวดคิ้ว “แล้วถ้าเราได้รางวัลที่ 1 ล่ะ?”
“ถ้าพวกเธอได้รางวัลที่ 1 ฉันจะยอมทำอะไรก็ได้ที่เธอสั่ง”
“ฉันต้องการให้คุณเลิกร้องเพลงและยุบวงของคุณไปซะ!”
“พี่หว่านเอ๋อพี่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ทำไมพี่ไม่ปล่อยให้เขาถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามเด็กเล่นสัก 3 รอบแทนล่ะ” หลินปู้ฟานช่วย
เฉินหว่านเอ๋อมองไปที่หลินปู้ฟาน “เอาตามที่เขาพูด ฉินเฟิงหยุนคุณกล้าไหม?”
“ทำไมจะไม่กล้า ฉันรู้ถึงความความสามารถของพวกเธอเป็นอย่างดี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะชนะรางวัลที่ 1 ได้ เธอเตรียมมอบความสวยของเธอให้ฉันในคืนนี้ได้เลย” ฉินเฟิงหยุนมองไปที่ทุกคนอย่างดูถูกและจากไป
“ไอ้เวรนี่” เฉินหว่านเอ๋อพูดด้วยสีหน้าโมโห
หลินปู้ฟานเดินไปหาเฉินหว่านเอ๋อ มองไปที่เธออย่างอย่างถูกใจ “ตอนนี้พี่คือความสวยงามอย่างแท้จริง พี่มั่นใจแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน เราจะต้องได้รับรางวัลชนะเลิศ”
“จำไว้ว่าเป้าหมายของเราครั้งนี้ไม่เพียงแค่ได้รับรางวัลชนะเลิศเท่านั้น แต่เราต้องเปลี่ยนมุมมองของพ่อพี่ที่มีต่อดนตรีและตัวพี่ด้วย” หลินปู้ฟานมองนาฬิกาของเขาและพูดต่อ” พ่อของพี่น่าจะมาถึงแล้ว ทำให้ดีที่สุดเพราะ ครั้งนี้มันเกี่ยวกับชีวิตแม่ของผมด้วย”
ดวงตาของเฉินหว่านเอ๋อมองตรงไปออกไป เธอพูดอย่างไม่หวั่นไหว “ความสำเร็จหรือความล้มเหลวขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ หากไม่สำเร็จฉันจะฆ่าตัวตาย”
“ฮ่าฮ่า ด้วยจิตใจแบบนี้ พี่จะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน”
คอมเม้นต์