อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 43 ค่าทำขวัญ
ตอนที่ 43 ค่าทำขวัญ
ในพริบตาวันจัดงานก็มาถึง
และก็มีบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้งานแต่งต้องสะดุดลง
หลังจากที่ลุงซูพิมพ์บัตรเชิญงานแต่งงาน เขาก็ไปส่งการ์ดเชิญแบบบ้านต่อบ้าน แต่หลายครอบครัวก็ปฏิเสธมันออกมาทันทีที่เขาเชิญ พวกเขาบอกว่าไม่ต้องการไปงานอัปมงคลนี้ เพราะกลัวว่าจะต้องซวยไปด้วยและยังบอกอีกว่าสามีของหนิงเทียนหนานสองคนก่อนหน้านี้ก็ต้องตายเพราะหนิงเทียนหนานทั้งคู่ คนแรกต้องตายเพราะอุบัติเหตุ
ส่วนสามีคนที่สองของหนิงเทียนหนานก็ตายอย่างอนาถในคูน้ำเน่า
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคนในหมู่บ้านกับหนิงเทียนหนานก็ไม่ดีนัก ทำให้มีเพียงไม่กี่บ้านเท่านั้นที่จะเต็มใจมาร่วมงาน
ลุงซูโกรธมาก เพราะเขาได้เชิญพ่อครัวในเมืองมาเตรียมโต๊ะจีนไว้กว่า 100 โต๊ะสำหรับงานนี้ เขาต้องใช้เวลาถึง 3 วันเพื่อช่วยรักษาเกียรติของหนิงเทียนหนาน แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครอยากมาร่วมงานเลย
หลินปู้ฟานยิ้มและแนะนำออกมา “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยากครับลุง ลุงแค่บอกพวกเขาไปว่าคนที่มางานแต่งงานไม่จำเป็นต้องเตรียมซองมา นอกจากนี้ตราบใดที่พวกเขามาร่วมงานไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่พวกเขาก็จะใด้เงิน 100 หยวน และอีกอย่างก็คือเมนูอาหาร ในพื้นที่ชนบทอย่างนี้โดยปกติแล้วลุงจะไม่สามารถหาหอยเป๋าฮื้อหรือหูฉลามกินได้ เราแค่ต้องเพิ่มเมนูหอยเป๋าฮื้อและหูฉลามเขาไปในโต๊ะแต่ละโต๊ะและแจกบุหรี่ให้กับแขกทุกๆ โต๊ะ แค่นี้ทุกคนในหมู่บ้านก็จะมาร่วมงานแต่งของลุงแล้วครับ”
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป
“ไม่ต้องเตรียมเงินไปจริงๆ เหรอ?”
“แค่ไปกินเหล้าก็ได้เงินจริงมั้ย?”
“มีหูฉลามกับเป๋าฮื้อให้กินจริงหรือ?”
ลุงซูตบหน้าอกและบอกว่าไปว่า เขาไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน จากนั้นเขาก็หยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งให้คนที่เขาไปเชิญได้เห็น
เวลานี้คนทั้งหมู่บ้านต่างต้องการมางานเลี้ยงของหนิงเทียนหนานกันทั้งสิ้น แต่เดิมที่เรียกว่า”งานผี”ตอนนี้กลับกลายเป็น”งานมงคล”ไปแล้ว
สิ่งนี้ทำให้น้องเขยสองคนของหนิงเทียนหนานไม่พอใจอย่างมาก
พวกเขารู้สึกไม่พอใจ พวกเขารู้สึกว่าพี่ชายของพวกเขาถูกฆ่าโดยหนิงเทียนหนาน แต่ตอนนี้เธอกลับมาจัดงานแต่งอย่างออกหน้าออกตาอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง
หลินปู้ฟานกังวลว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดในวันจัดงาน เขาจึงแอบทำบางอย่างเพื่อให้งานเลี้ยงเป็นไปอย่างราบรื่น
ในวันงาน ช่างแต่งหน้าช่วยประคองหนิงเทียนหนานออกจากห้อง ในแว๊บแรกที่ลุงซูได้เห็นเธอ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
หนิงเทียนหนานสวมมงกุฎรูปนกฟีนิกซ์บนศีรษะ ขนตาโค้งงอน ดวงตาสดใส ริมฝีปากสีแดงน่าหลงใหลและสร้อยข้อมือทองคำที่ลุงซูซื้อมาทำให้เธอดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
“เฒ่าซู นี่มันมากเกินไป” หนิงเทียนหนานกล่าวอย่างมีความสุข
“สวมมันให้ทุกคนในหมู่บ้านได้เห็นเถอะ ตอนนี้คุณสวยมาก” ลุงซูกล่าวชมความงดงาม
เสียงประทัด ฆ้องและกลองของงานเลี้ยงดังขึ้น
ลุงซูสร้างเกี้ยวมาให้หนิงเทียนหนานเพื่อให้เธอนั่งไปที่สถานที่จัดงาน
เสียงฆ้องเสียงกลองดังนำหน้าขบวนโดยมีกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวที่นำโดยจางอี้หนี่เดินตาม
ทีมเจ้าสาวเดินนำเกี้ยวไปที่ลานตากข้าวเปลือกที่ในเวลานี้ทั้งลานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และตอนนี้พ่อครัวของโรงแรมของจางอี้หนี่ก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร
หลินปู้ฟานและซูเฉิงหลงรับหน้าที่เป็นประธานของงาน
“แม่เลี้ยงของนายสวยมาก” หลินปู้ฟานพูดพร้อมกับยิ้ม
“แน่นอน”
“เดี๋ยวก่อนนะ นายไม่ได้มานี่เพื่อก่อปัญหาใช่ไหม?” หลินปู้ฟานถามยืนยันอีกครั้ง
“พี่หลิน พี่กำลังพูดถึงอะไร? ผมจะทำอย่างนั้นไปทำไม?”
“ดี เป็นผู้ชายต้องใจกว้างรู้ไหม?”
“ครับ ผมรู้”
หลินปู้ฟานยิ้มและคิดในใจ ดูเหมือนว่าซูเฉิงหลงจะพอใจหนิงเทียนหนานมากทีเดียว
แขกทุกคนที่มาร่วมงานนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พวกเขาทุกคนมองไปที่หนิงเทียนหนานอย่างตกตะลึง
มีชายหนุ่มหลายคนตบต้นขาของพวกเขาด้วยความเสียใจ “ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะสวยขนาดนี้ ฉันพลาดไปแล้วจริงๆ”
“โอ้ ตาฉันมีปัญหาหรือไง? ความงามขนาดนี้อยู่ในหมู่บ้านของเรา แต่ฉันกลับมองไม่เห็น”
ผู้หญิงหลายคนพูดอย่างเปรี้ยวปากว่า “ทองเส้นใหญ่ที่ข้อมือนั่น ของแท้หรือป่าว?”
“มันต้องเป็นของแท้แน่นอน สามีคนนี้ของเธอไม่ใช่ธรรมดาๆ”
“หนิงเทียนหนานไปหาสามีรวยๆแบบนี้มาจากที่ไหน? ฉันทั้งอิจฉาและเกลียดหล่อนจริงๆ”
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ได้ยินมาว่าชายคนนี้เขาทำธุรกิจใหญ่โตอยู่ในเมืองด้วย”
ลุงซูซื้อบ้านในกุ้ยซานด้วยตัวเอง แต่ซื้อในนามบริษัทของเขา ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วลุงซูเป็นเจ้าของบ้านกว่า 100 หลังในกุ้ยซานแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอวยพร จางอี้หนี่ก็ช่วยส่งหนิงเทียนหนานเข้าไปในห้องเพื่อให้เธอเปลี่ยนชุด หลังจากนั้นเธอก็เดินออกมาแจกบุหรี่ให้กับแขกที่มาร่วมงาน
จางอี้หนี่ติดตามลุงซูและหนิงเทียนหนานไปตลอดทาง
ผู้ชายหลายคนในหมู่บ้านใช้ประโยชน์จากตอนรับบุหรี่แอบถามลุงซูว่า ลุงซูทำงานอะไร? ยังต้องการคนเพิ่มไหม?
ลุงซูตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมต้องการคนเพิ่มเมื่อไหร่ ผมจะมาหาคุณแน่นอนครับ เพราะต่อจากนี้พวกเราทุกคนถือเป็นพี่น้องร่วมหมู่บ้านเดียวกันแล้ว”
“ดีดี!”
ลุงซูเพียงแค่ตอบไปอย่างนั้น เพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นานหมู่บ้านนี้จะหายไป
ในไม่ช้าหอยเป๋าฮื้อและหูฉลามก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ชาวบ้านบางคนที่ไม่เคยเห็นก็รีบยกตะเกียบขึ้นมันที
จากนั้นทุกคนก็เริ่มกินอาหารกัน
“ทำไมต้องเสียเงินมากมายขนาดนี้ด้วย?” หนิงเทียนหนานกระซิบ
“นี่เป็นงานแต่งงานของเราทั้งทีจะไม่ให้สมเกียรติเธอได้อย่างไร? ไปๆ เราไปดื่มกันเถอะ” ลุงซูกระตือรือร้นและอารมณ์ดี
การจัดเตรียมงานของจางอี้หนี่นั้นสมบูรณ์แบบ อาหารและเครื่องดื่มเพียงพอสำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมงาน
ในตอนนั้นเองกลุ่มคนในชุดสีขาวก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
2 คนแรกที่เดินนำมาสวมหมวกสีขาวพร้อมกับถือดอกไม้สีขาวไว้บนหน้าอก
ทั้งสองคือน้องเขยของหนิงเทียนหนาน พวกเขารู้สึกว่าพี่ชายของพวกเขาที่ตายไปแล้วนั้น ต้องไม่ต้องการให้หนิงเทียนหนานแต่งงานใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน
“ลูกชายที่น่าสงสารของฉันดูเมียของแกสิ หล่อนกำลังจะแต่งงานใหม่อีกครั้งแล้ว แกน่าจะเอาหล่อนไปอยู่ในดินกับแกด้วยตั้งแต่แรก” ด้านหน้าคือหญิงชราในวัย 60 ที่สูงไม่เกิน 150 เธอกำลังส่งเสียงดัง
มีชายวัยกลางคนตัวสูงยืนอยู่ข้างๆ หญิงชราพร้อมโปรยเงินกระดาษมาตลอดทาง “พี่ชายพี่มองดูผู้หญิงมากรักคนนี้สิ เธอไม่สามารถยับยั้งความอยากของตัวเองได้เลยและตอนนี้เธอก็มองหายชายคนใหม่อีกครั้งแล้ว เธอจะต้องถูกลงโทษให้ถูกฟ้าผ่าจนตาย”
ทุกๆ สายตาในงานแต่งได้จับจ้องมาที่กลุ่มคนชุดขาว
ร่างกายของหนิงเทียนหนานแข็งทื่อ คนพวกนี้คือครวบครัวของสามีคนก่อนๆ ของเธอ
คนแรกชื่อยายเทียนและคนที่สองชื่อยายกง
หลายคนที่เห็นอย่างนั้นก็พยายามออกมาเกลี้ยกล่อม “คุณยายเทียนวันนี้เป็นวันดีของหนิงเทียนหนาน ได้โปรดอย่าสร้างปัญหาเลย”
“ทำไมฉันจะสร้างปัญหาไม่ได้ ลูกชายของฉันถูกยัยผู้หญิงคนนี้ฆ่า แต่ดูเธอตอนนี้สิ ยังจะมีหน้ามาแต่งงานใหม่อีก!” ยายเทียนตะโกนอย่างไม่ไว้หน้าใคร
“หนิงเทียนหนานแกมันนังชั่วช้าสารเลว ชีวิตแกมันรู้จักแค่การเกาะผู้ชายกิน งานแต่งวันนี้ต้องไม่เกิดขึ้น” ยายเทียนรีบวิ่งไปที่งานเลี้ยงและล้มคว่ำโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ
“ยายเฒ่านี่เบื่อชีวิตของตัวเองมากแล้วใช่ไหม?”
ลูกน้องของลุงซูหลายสิบคนส่งเสียงดังและลุกยืนขึ้น
ลุงซูมองไปที่หลินปู้ฟาน แต่หลินปู้ฟานก็ส่ายหัวเพื่อส่งสัญญานว่าวันนี้ไม่สามารถนองเลือดได้
“แม่ยายฉันจะเชื่อฟังแม่ยายต่อจากนี้ หลังจากที่ฉันแต่งงานแล้วฉันจะไปรับใช้แม่ยายที่บ้านเอง” ใบหน้าของหนิงเทียนหนานแดงระเรื่อ
“ฉันยังมีลูกหลานคอยดูแล ในบ้านของฉันไม่ต้องการผู้หญิงอย่างแก” ยายเทียนยังมีลูกชายคนเล็กและลูกสาวคนโตอยู่
“แล้วแม่ยายต้องการให้หนูทำยังไง?” หนิงเทียนหนานกล่าวด้วยความโกรธ
“เอาเงินของลูกชายฉันมา” ยายเทียนพูด
ลูกชายคนโตของยายเทียนเป็นคนพิการก่อนที่จะตายไป เขาพิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนนั้นและผู้กระทำความผิดได้จ่ายเงินชดเชย 5 หมื่นหยวนให้กับหนิงเทียนหนาน แต่เงินทั้งหมดนั้นได้ถูกใช้ไปกับการรักษาพยาบาลในภายหลังของสามีคนนั้นของเธอทั้งหมด แต่ยายเทียนนั้นกลับบอกว่าเงินพวกนั้นเป็นเงินที่เธอควรได้และเรียกร้องให้หนิงเทียนหนานคืนเงินทั้งหมดนั้นมา
“บ้านที่เธอซุกหัวนอนอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นบ้านของลูกชายฉันเหมือนกัน แกไม่มีสิทธิ์เอามันไป” ยายกงก็แทรกออกมา
ลูกชายของยายกงมักเดินเที่ยวเตร่และเมาตลอดทั้งวัน จนในที่สุดเขาก็พลาดจมน้ำตายและทิ้งบ้านไว้หนึ่งหลัง นั่นก็คือบ้านที่หนิงเทียนหนานอาศัยอยู่
หลังจากลูกชายของยายกงเสียชีวิต ยายกงก็ฟ้องร้องกับหนิงเทียนหนานและในที่สุดศาลก็พิพากษาให้บ้านหลังนั้นเป็นสิทธิ์ของหนิงเทียนหนาน เพราะหนิงเทียนหนานเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่หลังจากนั้นเธอก็ยังต้องหาเงินมาใช้หนี้พนันให้กับสามีคนที่สองของเธอ จนราคาหนี้พวกนั้นเกินราคาบ้านหลังนั้นไปแล้ว
หนิงเทียนหนานกัดริมฝีปากของเธอและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดกลั้นความคับแค้นใจในใจ
“ทำไม? ยังจะแสร้งทำตัวน่าสมเพชอยู่อีกหรือ?” คุณยายเทียนดึงหนิงเทียนหนานอย่างแรง “ลูกชายของฉันต้องตายเพราะแก ถ้าเขาไม่แต่งงานกับแกเขาก็คงไม่ตาย แกต้องเป็นคนชดใช้!”
“ฉันเสียใจจริงๆ ที่ปล่อยให้ลูกชายของฉันแต่งงานกับคนอย่างเธอ จนทำให้เขาต้องตายอย่างอนาถในคูน้ำเน่า” ยายกงทำตามรูปแบบเดียวกัน เธอดึงเสื้อผ้าของหนิงเทียนหนาน
คนจากตระกูลเทียนและตระกูลกงหลายสิบคนล้อมหนิงเทียนหนานเอาไว้
ลุงซูหน้าแดงและยืนขึ้น พี่น้องหลายคนของเขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา
ซูเฉิงหลงเองก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและเดินไปยืนข้างๆ พ่อของเขา
ในขณะที่สถานะการณ์กำลังจะหลุดจากการควบคุม
ในตอนนั้นเองเสียงของหลินปู้ฟานก็ดังมาจากไมโครโฟน “ทุกๆ คนเงียบก่อน ผมมีบางอย่างจะพูดครับ”
ทุกคนมองไปที่หลินปู้ฟาน
หลินปู้ฟานยืนอยู่บนเวที “คุณนายเทียนลูกชายของคุณเป็นสามีคนแรกของหนิงเทียนหนานใช่ไหมครับ? ผมแปลกใจมากเลยนะครับ! เพราะเท่าที่ผมมาตอนที่หนิงเทียนหนานแต่งงานกับลูกชายของคุณยายกง คุณเองก็ไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงได้มาถามหาค่าชดเชยจากหนิงเทียนหนานล่ะครับ?”
ยายเทียนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
หลินปู้ฟานยิ้ม “ส่วนคุณนายกง ลูกชายของคุณเป็นสามีคนที่สองของหนิงเทียนหนานใช่ไหม? เท่าที่ผมรู้มาหลังจากที่ลูกชายของคุณเสียชีวิต คุณและหนิงเทียนหนานได้ต่อสู้คดีกันเพื่อบ้านหลังนั้นและในที่สุดศาลก็ตัดสินให้หนิงเทียนหนานชนะคดีไป เพราะเมื่อสามีเสียชีวิต เธอที่เป็นภรรยาย่อมได้รับมรดกไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ศาลได้ตัดสินอย่างยุติธรรมแล้วและเรื่องมันก็ควรจะจบไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ทำไมคุณถึงมาสร้างปัญหาที่นี่อีก?”
“ครอบครัวเราต่างเสียพี่ชายไป แต่มันก็จบไปแล้วจริงๆ แต่การที่เธอแต่งงานใหม่อีกครั้งนั้นมันคนละเรื่องกัน การกระทำแบบนี้มันไม่เท่ากับการโรยเกลือไปบนแผลของเราหรอกหรือ? ส่งมอบบ้านและจ่ายค่าชดเชยมา นอกจากนี้พวกเรายังต้องได้ค่าทำขวัญด้วย” ลูกชายคนเล็กของยายเทียนกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม
“ใช่ เราต้องได้รับการชดเชยทางจิตใจ”
“เราได้รับความเสียหายทางจิตใจอย่างมาก”
ตระกูลเทียนและตระกูลกงร้องตะโกน
หลินปู้ฟานยิ้มเยาะ “ที่พวกคุณพูดมาทั้งหมด เพียงเพราะต้องการเงินใช่ไหม?”
“ผายลม! เรากำลังเรียกร้องความยุติธรรม เด็กน้อยแกมาหาว่าเราเป็นคนอย่างนั้นได้อย่างไร” ยายเทียนกระทืบเท้า “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาปากดี”
“ความยุติธรรมนั้นอยู่ในหัวใจของผู้คน ส่วนจิตใจของคุณมันมืดมน เมื่อคุณรู้ว่าหนิงเทียนหนานกำลังจะแต่งกับสามีที่ร่ำรวย พวกคุณจึงต้องการใช้โอกาสนี้ในการฉีกหน้าเธอและเรียกร้องค่าเสียหายโง่ๆนั่น” หลินปู้ฟานพูดเบาๆ ใส่ไมโครโฟน
“แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” ลูกชายคนเล็กของยายเทียนชี้ไปที่หลินปู้ฟานและตะโกน
หลินปู้ฟานยิ้มและแสดงท่าทางให้จางอี้หนี่
จางอี้หนี่ใส่แผ่นดิสลงในเครื่องเล่นดีวีดี
ไม่นานเสียงของยายเทียนก็ดังออกมาจากเครื่องเสียง
“ครั้งนี้นังหนิงเทียนหนานได้แต่งกับเจ้านายที่ร่ำรวย เขาจัดโต๊ะจีนเป็นร้อยโต๊ะและยังแจกเงินให้กับคนที่ไปร่วมงานด้วย”
ยายกงพูดเสริม “ใช่ ฉันไม่พอใจและไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมนังหญิงม่ายฆ่าผัวนี่ถึงได้โชคดีขนาดนี้”
“แล้วทำไมเราไม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อทำลายพวกมันล่ะ?”
“ยังไง?”
“เราจะให้คนในครอบครัวเราทั้งสองไปรวมตัวกันที่งานแต่งนั่นเพื่อสร้างความยุ่งยากให้กับผัวใหม่ของหนิงเทียนหนาน เมื่อถึงตอนนั้นผัวใหม่ของมันจะต้องกลัวที่จะเสียหน้าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็เรียกร้องเงินจากเขา เขาก็จะยอมให้เงินกับเราง่ายๆ”
ลูกชายคนเล็กของยายเทียน “แม่ ผมว่าผมจะเพิ่มค่าทำขวัญและเรียกร้องค่าเสียหายอีกเล็กน้อย ยังไงเขาก็ร่ำรวยเขาต้องมีจ่ายอย่างแน่นอน”
ยายเทียน “ใช่แล้ว ฉันเคยได้ยินเรื่องการชดเชยทางจิตใจด้วย”
ยายกง “มันมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ? แล้วเราจะเรียกเงินได้เท่าไหร่?”
ลูกชายคนเล็กของยายเทียน “คนของครอบครัวเรารวมกันมีมากกว่า 10 คน เราต้องเรียกสัก 3 แสนหยวน ไม่สิต้องเรียกสัก 4 แสนถึงจะดี”
ยายกง “ดี เราจะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาเงินจากมันมา”
คนทั้งหมู่บ้านมองไปที่คนของตระกูลกงและตระกูลเทียน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ยายเทียนและยายกงหน้าซีดด้วยความตกใจ แข้งขาหมดแรงทรุดลงกับพื้น…
คอมเม้นต์