อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 60 การประลองคณิตศาสตร์

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 60 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 60 การประลองคณิตศาสตร์

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น อาจารย์ใหญ่เกาใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตอย่างเรียบร้อยและสวมกางเกงขายาวสีดำข้างใต้ ผมเผ้าถูกจัดทรงอย่างดี เขาถือกระเป๋าบุหรี่ไว้ในมือและพาหลินปู้ฟานไปที่โรงเรียนพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนก็ได้ยินเสียงอ่านที่พร้อมเพรียงแว่วออกมา

 

 

“กระถางธูปก่อให้เกิดควันสีม่วง มองไปที่น้ำตกและแม่น้ำด้านหน้า ตกลงมาสามพันจ้าง สงสัยว่าดาวบนฟ้าจะตกลงมาเป็นเวลาเก้าวัน” หนิงอี้เหยาหยิบหนังสือและนำให้นักเรียนอ่านออกเสียง

 

 

หลินปู้ฟานเห็นเด็กๆ มากกว่า 20 คนนั่งอยู่ในห้องเรียน บางคนอายุ 8 ถึง 9 ขวบ บางคนก็อายุ 12 ปีถึง 13 ปีหรือบางคนก็มากกว่านั้น เขาถามออกมาด้วยความสับสน “นักเรียนที่นี่ไม่ได้แยกชั้นเรียนกันเหรอครับ?”

 

 

“ชั้นในโรงเรียนนี้ไม่มีความแตกต่างกันเลย เด็กโตพวกนั้นไม่เคยได้ไปโรงเรียนมาก่อน พวกเขาจึงสามารถรวมตัวเรียนอยู่ห้องเดียวกันได้ ต้องลำบากครูหนิงแล้วจริงๆ ตอนนี้อยู่ในชั่วโมงเรียนภาษาจีน อีกสักพักก็จะเป็นชั้นเรียนคณิตศาสตร์ และยังมีชั้นเรียนดนตรีอีกด้วย”

 

 

“แล้วทำไมถึงไม่ขอให้ทางหมู่บ้านจ้างครูมาเพิ่มล่ะครับ?”

 

 

“ภูเขาที่น่าสงสารและแหล่งน้ำที่เลวร้ายอย่างนี้ หาครูที่เต็มใจที่จะมาสอนที่นี่เหมือนกับผู้หญิงใจดีอย่างที่ครูหนิงยากเหลือเกิน”

 

 

“….” หลินปู้ฟานมองไปที่เด็กที่ใส่เสื้อผ้ามอมแมมและนึกสงสารอยู่ในใจ

 

 

หมู่บ้านจิ่วเจี๋ยจะปลูกมะม่วงเวียดนามในปี 2003 และฟื้นฟูสภาพหมู่บ้านแห่งนี้อย่างช้าๆ

 

 

หลินปู้ฟานคิดว่า จะเป็นการดีกว่าที่จะแนะนำให้พวกเขาปลูกมะม่วงเวียดนาม เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของหมู่บ้านในอนาคต

 

 

หลังเลิกเรียน หนิงอี้เหยาเดินออกจากห้องเรียนและเมื่อเธอเห็นหลินปู้ฟาน เธอก็ถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “หลับสบายไหม?”

 

 

“ก็ดีครับ”

 

 

“ทำไมเธอไม่เข้ามาในห้องเรียนด้วยล่ะ?” หนิงอี้เหยากล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง และกระพริบตาอย่างขี้เล่น

 

 

“ผม?” หลินปู้ฟานแปลกใจ “ผมไม่ใช่ครู ผมจะเข้าไปในห้องเรียนได้อย่างไร?”

 

 

“เธอวาดภาพเป็นไม่ใช่เหรอ? เธอช่วยสอนเด็กๆ พวกนี้ได้ไหม?”

 

 

หลินปู้ฟานเกาหัว เขาเป็นวิทยากรเหรียญทองในชีวิตที่แล้ว เขามีประสบการณ์ด้านดนตรีและศิลปะมากมาย แต่มันก็นานมาแล้ว เขากลัวว่าเขาจะวาดอะไรแปลกๆ ออกมา

 

 

“อะไร? เธอโกหกครูเหรอ? หรือว่าเธอไม่ได้เรียนวาดภาพมา?” หนิงอี้เหยาถาม

 

 

“ก็ได้ครับ  คาบต่อไปผมจะเข้าไปสอนวิชาศิลปะให้เอง”

 

 

10 นาทีต่อมา หลินปู้ฟานก้าวเข้ามายืนที่หน้าห้อง

 

 

เด็กๆ มองไปที่หลินปู้ฟานด้วยสายตาแปลกๆ

 

 

หลินปู้ฟานไม่ได้โตไปกว่าพวกเขาเท่าไหร่เลย

 

 

“ฉันชื่อหลินปู้ฟาน ครูหนิงขอให้ฉันมาสอนพวกเธอวาดรูป” หลินปู้ฟานแนะนำตัวเอง

 

 

อาจารย์ใหญ่เกาและหนิงอี้เหยายืนอยู่ด้านหลังห้องเรียน

 

 

หนิงอี้เหยากล่าวว่า “นักเรียนทุกคนต้อนรับครูหลินกันหน่อย”

 

 

นักเรียนทุกคนปรบมือ

 

 

ในตอนนั้นเองก็มีสาวสวยผมสั้นเดินเข้ามา หญิงสาวสวมเสื้อคลุมพร้อมกับผูกโบว์สีน้ำเงินและกางเกงสีขาว เธอมาพร้อมกับนาฬิกาลองจินส์สุดหรู แค่ดูก็รู้แล้วว่าเธอคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา

 

 

ผู้หญิงคนนี้ชื่อจูเก๋อซิน เธอก็เหมือนกับหนิงอี้เหยาที่มาที่นี่เพื่อสนับสนุนการสอน ผู้หญิงคนนี้ก็คือครูสาวอีกคนที่หนิงอี้เหยาพูดถึงตอนที่อยู่โรงแรม

 

 

“เหยาเหยา หนุ่มหล่อตัวน้อยนี่มาจากไหน?” จูเก๋อซินยิ้มและถามหนิงอี้เหยา

 

 

“ในเมืองน่ะ เขาเคยเป็นนักเรียนของฉันมาก่อน เขามาที่หมู่บ้านเพื่อมาตามหาแรงบันดาลใจ ฉันจึงให้เขามาสอนศิลปะ”

 

 

“เขาหล่อดีนะ ฉันชอบแบบนี้”

 

 

“หยุดคิดไปเลย เขาพึ่งอายุ 18 เอง”

 

 

“เขาอายุ 18 ส่วนฉันก็แค่ 22 เอง ความรักของพี่สาวและน้องชายกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้”

 

 

หน้าห้อง หลินปู้ฟานมองไปรอบๆ และในที่สุดก็เจอชอล์กที่เหลืออยู่ไม่กี่อัน

 

 

“วันนี้ครูจะสอนการร่างภาพ” หลินปู้ฟานวาดด้วยชอล์ก

 

 

เริ่มจากโครงร่าง ตามด้วยลักษณะใบหน้าและพื้นหลัง

 

 

หลังจากแต่ละขั้นตอนเสร็จสิ้น เขาหันมาดูว่ามีนักเรียนคนไหนที่ไม่เข้าใจหรือไม่

 

 

นักเรียนทุกคนจริงจังกันมาก มือเล็กๆ เหล่านั้นจับดินสอและทำตามขั้นตอนที่หลินปู้ฟานสอนอย่างช้าๆ

 

 

“มีความรู้อยู่มากมายในภาพวาด ก่อนอื่นเธอต้องรู้วิธีสังเกตเสียก่อน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของผู้คนนั้นแตกต่างกันไป เราจะต้องเข้าใจในความพิเศษของแต่ละคน ประการที่สองเราต้องใส่ใจกับสัดส่วนของตัวละคร…” หลินปู้ฟานสอนออกมาอย่างช้าๆ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายๆ

 

 

คลาสเรียนนี้จริงๆ แล้วแค่ 40 นาที แต่เขาใช้เวลาสอนไปกว่า 2 ชั่วโมง

 

 

ใน 2 ชั่วโมงนี้ หลินปู้ฟานเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับการวาดภาพ และกระตุ้นให้นักเรียนออกไปมองโลก

 

 

“เมื่อพวกเธอโตขึ้น พวกเธอควรออกไปดูโลกภายนอกให้มากๆ โลกนี้มีสีสันแตกต่างกันมากมาย พวกเธอจงใช้พู่กันวาดภาพภูเขาและแม่น้ำเหล่านั้นทั้งหมด สิ่งนี้มีความหมายมากกว่าการถ่ายรูป เพราะว่าพวกเธอวาดภาพนั้นด้วยตัวของพวกเธอเอง”

 

 

ในตอนท้าย นักเรียนทุกคนยืนขึ้นและปรบมือ

 

 

หนิงอี้เหยา อาจารย์ใหญ่เกาและจูเก๋อซินก็ปรบมือให้เช่นกัน

 

 

“เหยาเหยา นักเรียนของเธอกำลังชอบเธออยู่งั้นเหรอ?” จูเก๋อซินถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

เหตุผลที่ถามเรื่องนี้ก็เพราะเป้าหมายในการร่างภาพของหลินปู้ฟานก็คือหนิงอี้เหยา

 

 

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”

 

 

“ภาพวาดของเขาดีจริงๆ ดีกว่าของนักเรียนจากสถาบันวิจิตรศิลป์เสียอีก มันน่าทึ่งจริงๆ” จูเก๋อซินกล่าวชื่นชม

 

 

หลังเลิกเรียน หนิงอี้เหยาแนะนำจูเก๋อซินให้รู้จักกับหลินปู้ฟาน

 

 

หลินปู้ฟานพยักหน้าโค้งตัวอย่างสุภาพ

 

 

“ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปทานอาหารเย็น” จูเก๋อซินพาหลินปู้ฟานไปที่หอพัก

 

 

เมื่อมาถึงหลินปู้ฟานก็ตกใจ เพราะว่าจูเก๋อซินพามาที่หอพักของเธอ “กินที่นี่เหรอ?”

 

 

“ใช่สิ ก็ที่นี่ไม่มีโรงอาหาร ฉันมีของดีอยู่ด้วยนะ” จูเก๋อซินหยิบเนื้อกระป๋องและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา

 

 

ในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาอย่างนี้ ของพวกนี้ถือว่าหายากมาก

 

 

ทั้งสองคุยกันได้ไม่กี่คำ หนิงอี้เหยาก็เดินเข้ามา “ออกมากันเร็วๆ ตอนนี้อาจารย์อาวุโสของมณฑลมาที่นี่แล้ว”

 

 

ในหมู่บ้านจิ่วเจี๋ยมีนักเรียนบางคนที่เคยเข้าไปเรียนม.ปลายในเมือง แต่ก็ต้องลาออกมาเพราะไม่มีเงิน หนิงอี้เหยาจึงอยากจะมาเป็นกำลังให้พวกเขา ให้พวกเขาได้เริ่มเรียนใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบเข้าวิทยาลัย

 

 

หนิงอี้เหยาเป็นนักศึกษาคลาสศิลปศาสตร์ เธอไม่มีปัญหาอะไรกับการติวให้นักเรียนม.ปลายเหล่านี้ในชั้นเรียนวัฒนธรรม แค่เด็กที่ออกกลางคันเหล่านี้บางคนเก่งด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สำหรับเธอวิชาวิทยาศาสตร์ถือเป็นวิชาที่ยากที่สุด หนิงอี้เหยาไม่สามารถสอนด้วยตัวเองได้ เธอจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานเพื่อการศึกษาของมณฑลมามากกว่า 10 ครั้ง และในที่สุด สำนักงานเพื่อการศึกษาก็ส่งครูอาวุโสที่เกษียณแล้วมาสอนที่นี่

 

 

ครูอาวุโสเป็นครูในยุค 60 ที่เกษียณแล้ว เขานั่งอยู่ในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่เกา

 

 

“คุณหลี่ ขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่มาโรงเรียนของเราเพื่อให้คำแนะนำนักเรียนเหล่านี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหมู่บ้านของเราไม่ค่อยมีเงิน ทำให้พวกเขาไม่สามารถไปเรียนต่อได้  แต่ยังไงเราทุกคนก็ต้องการให้พวกเขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เพื่อให้พวกเขาได้มีอนาคตที่ดีขึ้น เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาพัฒนาหมู่บ้านของเราให้ดีขึ้น” อาจารย์ใหญ่เกาบอกเล่าความหวังของหมู่บ้าน

 

 

ครูอาวุโสคนนี้มีชื่อว่าหลี่มู่ หลี่มู่กลอกตาของเขา เขาไม่เคยเห็นอาจารย์ใหญ่เกาอยู่ในสายตาของเขาเลย เขาเกษียณแล้วและที่เขามาที่นี่ไม่ใช่เพราะสำนักงานเพื่อการศึกษาขอมา แต่เป็นเพราะเขาต้องการจะหารายได้พิเศษ

 

 

“50 หยวน 1 บทเรียน” หลี่มู่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

 

 

“50 หยวน?” อาจารย์ใหญ่เกาอุทาน เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นี่โดยที่ไม่เรียกร้องรายได้ใดๆ ส่วนหนิงอี้เหยาและจูเก๋อซินขอรับเพียงแค่ 500 หยวนต่อเดือนเท่านั้น 50 หยวนต่อ 1 บทเรียนนี่มันโหดร้ายเกินไป

 

 

“คุณหลี่ พวกเราเป็นเพียงชาวเขาที่ยากจนเท่านั้น ราคานี้มันสูงเกินไปสำหรับพวกเรา และอีกอย่างที่เด็กต้องลาออกมาจากโรงเรียนก็เพราะพวกเขามีฐานะที่ยากจนอย่างมาก คุณจะช่วย…”

 

 

ก่อนที่จะจบคำ หลี่มู่ที่รู้สึกไม่พอใจก็ขัดขึ้นมา “คุณต้องการให้ฉันมาสอนให้ฟรีๆ อย่างงั้นเหรอ?”

 

 

หนิงอี้เหยาที่เพิ่งเดินมาถึงที่ประตูก็ได้ยินการสนทนา

 

 

“ชายคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากหมาป่า เขาต้องการมาหารายได้จากเด็กนักเรียนตาดำๆ ที่นี่จริงๆ เหรอ?” จูเก๋อซินพูดด้วยเสียงต่ำ

 

 

หนิงอี้เหยาขมวดคิ้วและเดินเข้าไปในห้อง โดยมีหลินปู้ฟานกับจูเก๋อซินเดินตามเข้าไป

 

 

“อาจารย์หลี่ คุณเป็นถึงอาจารย์ที่น่าเคารพ การที่คุณมาเรียกร้องเงินจากเด็กๆ แบบนี้มันไม่น่าเกลียดเกินไปหน่อยเหรอคะ?”” หนิงอี้เหยากล่าว

 

 

“การแลกเปลี่ยนสมควรจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งที่เท่าเทียมกัน เธอต้องการให้ฉันมาสอนให้ฟรีๆ หรือไง? ลืมมันไปได้เลย” หลี่มู่ยืนขึ้นอย่างไม่พอใจ

 

 

อาจารย์ใหญ่เการีบหยุดเขาไว้ก่อน “เดี๋ยวก่อนคุณหลี่ เราสามารถตกลงกันได้”

 

 

ในที่สุดหลี่มู่ก็นั่งลงอีกครั้ง

 

 

“คุณช่วยลดราคาลงหน่อยได้ไหม?” อาจารย์ใหญ่เกา พูดอย่างเขินอาย “50 หยวนต่อบทเรียนมันมากเกินไปจริงๆ”

 

 

“40! ห้ามน้อยไปกว่านี้” หลี่มู่ไร้ความเห็นใจใดๆ

 

 

“อาจารย์หลี่ คุณยังเป็นครูอยู่หรือเปล่า?” หนิงอี้เหยาเริ่มหน้าแดงจากความโกรธ

 

 

“ครูไม่ต้องกินหรือไง? ครูก็เป็นคนเหมือนกันนะ”

 

 

“ฉันรู้ว่าครูก็เป็นคนเหมือนกัน! แต่ครูก็ควรจะมีใจในการสอนสั่งผู้คนด้วย ดูเด็กๆ ที่น่าสงสารเหล่านี้สิ คุณกล้าเรียกร้องเงินจากพวกเขาได้อย่างไร? หากไม่มีเงินคุณจะหายใจไม่ออกเหรอ?” หนิงอี้เหยาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ห้องเรียน

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน เขาสามารถใช้เงินกับหลี่มู่เพื่อให้หลี่มู่มาสอนที่นี่ได้ แต่คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เขาจะสอนนักเรียนให้ดีได้อย่างไร?

 

 

ในยุคนี้ การที่เด็กบนภูเขาจะประสบความสำเร็จได้ มันขึ้นอยู่กับการเรียนการสอนเท่านั้น

 

 

การสอบเข้าวิทยาลัยเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าคุณไม่สามารถเข้าสู่จุดเริ่มต้นได้ ชีวิตของคุณก็จะล้มเหลวลงกลางคัน แล้วถ้าต้องให้คนแบบนี้มาเป็นแบบอย่างก็พอจะเดาอนาคตของเด็กเหล่านี้ได้ไม่ยากเลย

 

 

“เธอคิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมมากหรือไง? เธออยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? ฉันกล้าพูดได้เลยว่าอีกไม่ถึงปีเธอก็ทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว อย่ามาทำตัวเป็นคนดี เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าที่เธอมาที่นี่ก็เพราะต้องการจะชุบตัวเองก็แค่นั้น หรือเธอจะทนอยู่ที่นี่ไปตลอด? ตลกสิ้นดี!” หลี่มู่เสียดสีหนิงอี้เหยา (ผู้แปล::ชุบตัวมีความหมายสองแบบ 1.คือชุบตัวเพื่อหาความรู้แบบเพื่อนำไปทำอะไรบางอย่าง เช่นรายการทีวี 2.คือการไปทำการกุศลเล็กน้อยเพื่อเอาหน้าและสร้างประวัติที่ดีให้ตัวเอง)

 

 

เมื่อได้ยินคำกของหลี่มู่ หลินปู้ฟานก็ก้าวไปข้างหน้าและหยิบเงินสองปึกตบลงบนโต๊ะทันที

 

 

ทันทีที่หลี่มู่เห็นเงิน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

 

 

“คุณหลี่ นี่คือเงิน 2 หมื่นหยวน มันเพียงพอสำหรับค่าความรู้ของคุณไหม?” หลินปู้ฟานถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“พอแล้ว เท่านี้เพียงพอแล้ว” ดวงตาของหลี่มู่ไม่สามารถมองไปที่อื่นนอกจากเงินได้

 

 

หนิงอี้เหยาและจูเก๋อซินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหลินปู้ฟานหยุดไว้

 

 

“คุณหลี่ เงินไม่ใช่สิ่งที่ผมขาด ไม่ว่าจะ 1 แสนหรือ 2 แสนมันก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ผมขอเพียงอย่างเดียวคือ ครูที่จะมาสอนต้องมีระดับ มีความสามารถจริงๆ”

 

 

“ฉันเป็นครูอาวุโส”

 

 

“เกรดขั้นสูงและเกรดพิเศษสามารถปลอมแปรงกันได้ เรามาลองทดสอบกันหน่อยดีกว่า ถ้าคุณเก่งกว่าผม ผมจะให้คุณบทเรียนละ 500 หยวน คุณคิดว่าไง?”

 

 

เงิน 500 หยวนต่อบทเรียนในยุคนี้ไม่มีทางหาที่ไหนได้

 

 

หลี่มู่มองไปที่หลินปู้ฟาน “คุณเป็นครูสนับสนุนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”

 

 

“เปล่า ผมแค่มาวาดภาพที่นี่ อีกไม่กี่วันผมก็จะไปจากที่นี่แล้ว”

 

 

“ฉันไม่รู้วิธีวาดภาพ ฉันสอนคณิตศาสตร์” หลี่มู่กล่าว

 

 

“ผมก็ไม่ได้ขอให้แข่งเรื่องวาดภาพนิ หากคุณเก่งคณิตศาสตร์ งั้นเรามาออกแบบทดสอบแล้วแลกเปลี่ยนกันทำมัน แล้วมาดูกันว่าใครจะทำคะแนนได้สูงกว่ากัน” หลินปู้ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า… คุณคิดว่าคุณเก่งวิชาคณิตศาสตร์มากกว่าฉันเหรอ?” หลี่มู่หัวเราะ เขาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ที่ได้รับรางวัลในมณฑลนี้

 

 

“เสี่ยวหลิน เธอบ้าไปแล้วหรือไง?”

 

 

“อย่าทำแบบนี้เลย”

 

 

หนิงอี้เหยาและจูเก๋อซินต้องการจะเข้าไปขวาง

 

 

หลินปู้ฟานโบกมือของเขา “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากจะรู้ความสามารถของครูผู้อาวุโสสักหน่อย”

 

 

หลี่มู่เหล่ตามองไปที่หลินปู้ฟาน “ดูเหมือนว่าคุณจะค่อนข้างมั่นใจในตัวเองนะ เรามาเล่นให้มันใหญ่ขึ้นจะดีไหม?”

 

 

“คุณอยากเล่นยังไง?”

 

 

“ถ้าฉันชนะ ฉันได้ 2 หมื่นหยวน”

 

 

หลี่มู่โลภ เขาต้องการจะได้ 2 หมื่นหยวนที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

 

“ตกลง! ถ้าผมแพ้เงินบนโต๊ะนี้จะเป็นของคุณทั้งหมด แต่ถ้าผมชนะ คุณจะต้องคุกเข่าลงและขอโทษเธอ” หลินปู้ฟานชี้ไปที่หนิงอี้เหยา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด