อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 70
เมื่อชายชราพูดออกมาอย่างนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที
“ชายชราอย่าพูดเรื่องไร้สาระ! ภาพนี้มันจะเป็นของปลอมได้ยังไง” หัวหน้าจู้แตะที่ริดสีดวงทวารที่ปากของเขาและพูดด้วยความโกรธ “ฉันอยู่ในวงการภาพวาดโบราณมามากว่าสิบปี ไม่ต้องพูดถึงว่าภาพนี้ซื้อมาจากโรงประมูลและเป็นสมบัติที่ตกทอดกันมาของร้านค้าในเมือง และคํายืนยันจากนักประเมินระดับมืออาชีพก็ยังที่นี่ด้วย”
ด้วยคําพูดนี้ หัวหน้าจู้ตบจดหมายประเมินราคาสีแดงบนโต๊ะ
“ชายชราคุณรู้จักภาพวาดโบราณมากน้อยแค่ไหน? ฉันเป็นเจ้าของร้านเขียนพู่กันและภาพวาดที่ชั้นนี้ขอรับประกันว่าไม่มีปัญหากับภาพไผ่สุภาพบุรุษเจิ้งเป่าเฉียวนี้แน่นอน” เจ้าของร้านหัวโล้นกล่าว
“ฉันเองก็เป็นเจ้าของร้านบนชั้นนี้ด้วยด้วยเหมือนกัน ฉันขอรับรองได้เลยว่าภาพนี้เป็นของจริงแน่นอน” เจ้าของร้านอีกคนกระโดดออกมา
หลินปู้ฟานรู้สึกว่าสถานการณ์นี้ดูน่าสนใจมาก
ชายชราสวมเสื้อเชิ้ตลายที่ทําด้วยผ้าขนสัตว์ ผมสีเงินที่ทําให้ดูเป็นคนพิถีพิถัน แต่แววตาของเขามันกลับทําให้เขาดูแข็งกร้าวเล็กน้อย
“ในเมื่อคุณเป็นเจ้าของร้านค้าที่ชั้นนี้ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกวิธีดูภาพวาดโบราณให้ผมหน่อยจะได้ไหม?” ชายชราถามด้วยรอยยิ้ม
หัวหน้าจู้กล่าวอย่างเหยียดหยาม “จะทดสอบพวกเราเหรอ? ได้! มาเริ่มกันที่กุญแจสําคัญนั่นก็คือพู่กัน เส้นวาดแนวนอนพวกนี้แสดงให้เห็นถึงทักษะพู่กันที่ฝึกฝนมาหลายสิบปีและปีแห่งการฝึกฝนทักษะเหล่านี้จะแสดงเส้นวาดที่แตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักของการลงพู่กันหรือการใช้หมึก… และตราประทับส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างชื่อ จากรูปแบบพวกนี้เราสามารถระบุยุคที่พวกมันถูกวาดขึ้นมาได้ หากว่าภาพวาดนี้เป็นของปลอมมันจะไม่ละเอียดและสวยงามขนาดนี้”
หัวหน้าจู้พูดไม่รู้จบ จากนั้นก็ชี้ไปที่ภาพวาดและพูดต่ออีกมากมาย
ชายชราพยักหน้าบ่อยขณะที่เขาฟัง
หลังจากพูดจบ หัวหน้าจู้ก็พูดออกมาอย่างดูถูก “ชายชรา คุณเป็นมือใหม่อย่าแสร้งทําเป็นเข้าใจถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณไม่ได้สามารถมาทําให้ชื่อเสียงของร้านของฉันเสียหายได้ไป ไป ไป…”
บอสจู้ขับไล่ชายชราออกไป
ชายชราส่ายหัว เขายิ้มออกมาเบาๆ และพูดว่า ” คุณรู้จักภาพวาดสองชั้นหรือไม่?”
หลังจากพูดแล้วชายชราก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้แก่บ้านี่” บอสจู้ด่า
” ตาเฒ่าจู้ เดี๋ยวก่อนนะ” หัวหน้าหัวโล้นข้างๆ เขาเหล่มองไปที่ภาพวาดของเจิ้งเป่าเฉียว
ภาพวาดสองชั้นเป็นเรื่องปกติในภาพวาดหมึก ชั้นแรกหมึกจะหนา ชั้นที่สองจะเป็นหมึกสีอ่อน
แต่ทั้งหมดมาจากตัวศิลปินเอง
ในกรณีนี้ ไม่มีปัญหาอะไรกับภาพทั้งสองชั้น แต่บางครั้งตราประทับก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปถึงภาพวาดชั้นที่สองได้ สิ่งนี้ต้องมีการตรวจสอบภายหลัง
เนื่องจากมีการประทับตราซ้ำในภาพชั้นที่สอง ทําให้ภาพนี้อาจจะถูกระบุว่าเป็นของปลอมได้
หัวหน้าหัวโล้นหยิบแว่นขยายตาเดียวออกมาและติดไว้ที่ตาขวาของเขาเพื่อศึกษาภาพวาดอย่างละเอียด
” ตาเฒ่าเหว่ยไม่มีอะไรต้องดู ภาพวาดนี้เป็นของจริงอย่างแน่นอน” บอสจู้สัมผัสริดสีดวงทวารและกล่าวอย่างมั่นใจ
“เฒ่าจาง ชายชรานั้นเป็นเพียงแค่คนไม่ประสีประสา คุณยังต้องมองหาอะไรอีก?”
“ใช่ หัวหน้าจู้ซื้อภาพวาดนี้มาจากโรงประมูล มันจะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”
“แล้วถ้าโรงประมูลก็ถูกหลอกด้วยล่ะ?”
” จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีทาง”
” ด้วยเทคโนโลยีการประเมินขอโรงประมูลทําให้ไม่มีใครสามารถหลอกโรงประมูลได้”
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับภาพวาดสองชั้นคือมันสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้ การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์นั้นสามารถตรวจสอบได้แค่อายุของกระดาษและอายุของหมึกได้เท่านั้น
เนื่องจากเป็นภาพวาดทั้งสองถูกวาดพร้อมกันจึงทําให้กระดาษและหมึกบนกระดาษมีอายุเท่ากัน
” หยุดดูมันได้แล้ว ภาพวาดของฉันต้องเป็นของจริงอย่างแน่นอน ชายชรานั้นกล้าดียังไงมาบอกว่าภาพวาดของฉันเป็นของปลอม ดูท่าแล้วคงจะไม่อย่างมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว” หัวหน้าจู้เอื้อมมือไปหาภาพวาดด้วยความโกรธ
“รอก่อนตาเฒ่าจู้” หัวหน้าหัวโล้นจับข้อมือของหัวหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมอง เขาละแว่นขยายออกจากตาขวาของเขาแล้วพูดด้วยความตกใจ “ตราประทับนี้ดูเหมือนจะมีปัญหา”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
หัวหน้ารู้จับแว่นขยายแล้วส่องดูอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่เห็นปัญหาอะไร
“ตาเฒ่าจู้ คุณต้องดูที่ตราประทับนี้มันมีบางอย่างผิดปกติ คุณจําที่ชายชราพูดเกี่ยวกับการภาพวาดสองชั้นได้ไหม? และในอดีตมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ภาพวาดภาพนี้เป็นภาพชั้นที่สอง” หัวหน้าหัวโล้นพูดอย่างระมัดระวัง
ด้วยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นทําให้หัวหน้าของชั้นนี้เดินเข้ามา
หลังจากตรวจสอบภาพวาดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และบอกว่าตัวภาพวาดไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ตราประทับยังต้องตรวจสอบก่อน นั่นหมายความว่านี่เป็นภาพวาดปลอมจริงๆ และราคาของภาพวาดชั้นที่สองนั้นต่ำกว่าชั้นแรกมาก
คราวนี้หัวหน้าจู้กระวนกระวาย
“ฉันซื้อมันมาจากโรงประมูล”
“โรงประมูลใหญ่ๆ ไม่มีทางพลาดเรื่องพวกนี้แน่ๆ คุณซื้อมันมาจากโรงประมูลทั่วไปใช้ไหม?”
หัวหน้าจู้เหงื่อออกที่หน้าผาก เขาซื้อภาพวาดจากโรงประมูลเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในตอนนั้นเขามั่นใจกับมันมาก แต่สุดท้ายเขาก็พลาด
“ชายชราคนนั้นน่าทึ่งมาก!”
“นายเคยเห็นชายชราคนนั้นมาก่อนหรือเปล่า?”
“ไม่เคยเลย ฉันพึ่งเห็นเขาครั้งแรกก็วันนี้นี่แหละ”
“ชายชราคนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เขาสามารถดูภาพวาดสองชั้นแบบนี้ออกด้วย”
“เขาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่นอน”
หัวหน้าจู้รีบเก็บภาพวาดแล้ววิ่งออกไป
“เฒ่าจู้ คุณจะไปไหน?”
“ฉันจะเอาภาพนี้ไปคืน” บอสจู้รู้สึกกังวล
แต่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะเมื่อยืนยันรับสินค้าออกมาแล้ว โรงประมูลก็จะไม่รับผิดชอบใดๆ อีก
หลังจากดูฉากนี้ หลินฟานก็รู้สึกสะตกใจมาก: ลึกซึ้งจริงๆ
หลังจากนั้น หลินปู้ฟานก็เดินไปรอบๆ เพื่อทําความเข้าใจภาพวาดโบรารให้มากขึ้น
หลังจากสองชั่วโมงของการเดินดู หลินปู้ฟานก็กลายเป็นร้อนรน เขารีบเดินไปที่ห้องน้ำ ห้องน้ำเล็กมาก เขาที่เพิ่งเปิดประตูและเข้าไปก็ชนเข้ากับใครบาง
” ตก” ภาพวาดในอ้อมแขนของหลินปู้ฟานตกลงไปที่พื้น
“ขอโทษนะหนุ่มน้อย เธอเป็นอะไรมากไ… “ คนที่ชนกับหลินฟานหยิบม้วนภาพบนพื้นขึ้นมา
” ชายชรา… “ กลับเป็นว่าคนที่ชนกับหลินปู้ฟาน คือชายชราที่พูดถึงภาพวาดสองชั้น
“ภาพ… “ หลินปู้ฟานเอื้อมมือออกไป
แต่ในตอนนี้ชายชรากําลังมองไปที่ม้วนภาพวาดที่ยังไม่ได้เปิดออกด้วยความประหลาดใจ
” หนุ่มน้อย นี่เป็นภาพวาดโบราณใช่ไหม?” ชายชราเห็นแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นภาพวาดโบราณ
หลินปู้ฟานมองด้วยความสนใจ “ใช่ครับ! นั้นเป็นภาพวาดโบราณ”
“เธอช่วยเปิดให้ชายชราคนนี้ดูหน่อยได้ไหม?”
“ผมว่าในห้องน้ำนี่ดูจะไม่สดวกเท่าไหร่นะครับ”
ทั้งสองออกจากตลาดค้าของโบราณและเข้าไปในสวนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล
ชายชราเปิดม้วนภาพ หลังจากจ้องมองมันไม่กี่นาที ปากของเขาก็เริ่มสั่นด้วยความตกใจ: “นี่…นี่…นี่คือสุภาพบุรุษที่มีชื่อเสียงที่สุด ”สุภาพบุรุษภาคภูมิใจ” …”
เจิ้งเป่าเฉียววาดภาพชุดไผ่สุภาพบุรุษออกมาทั้งหมดสิบสองคู่ และอันที่มีชื่อเสียงและมีค่าที่สุดก็คือ สุภาพบุรุษภาคภูมิใจ
คอมเม้นต์