เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 116 ผู้หญิงไร้เหตุผล
หลินเช่อรีบพยายามควบคุมตัวเองให้เป็นปกติ “คุณจะทำอะไรคะ…”
กู้จิ้งเจ๋อยืนขึ้นแล้วสมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ “ทำไมล่ะ ก็แค่ออกไปกินข้าวข้างนอก ฉันรู้จักร้านที่มีเชฟจากฝรั่งเศสมาเปิด อาหารของเขาเป็นแบบต้นตำรับของแท้เลย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ เดี๋ยวฉันจะพาไปลองชิม”
“อ่า…เอ้อ โอเคค่ะ งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” หลินเช่อหน้าแดง เธอรีบเดินเข้าห้องไป
กู้จิ้งเจ๋อหันมองตามด้วยความประหลาดใจ ท่าทางหลินเช่อดูแปลกพิกล
เขามองตามท่าเดินลุกลี้ลุกลนของเธอไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
หลินเช่อลองเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายรอบ ในเมื่อมันเป็นภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส เธอก็ควรจะแต่งกายให้เหมาะสม แต่โชคร้ายที่ไม่ว่าจะหยิบตัวไหนมาลองก็รู้สึกว่าไม่เข้าท่าเอาเลยสักชุดเดียว ถ้าไม่ยาวไปก็สั้นไป หรือไม่ก็โป๊เกินไป ซึ่งปกติแล้วหลินเช่อไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาแต่งตัวเลย
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อนนั่นแหละ บางอย่างในหัวใจเธอเริ่มรู้สึกไม่เป็นปกติทุกทีที่นึกถึงกู้จิ้งเจ๋อ หน้าของเธอจะแดงก่ำอย่างควบคุมไม่ได้ แถมยังไม่กล้าสบตาเขาอีกต่างหาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลินเช่อก็ตัดสินใจเลือกสวมเสื้อผ้าเรียบๆ ธรรมดา เธอยังดูสวยสดใส เพียงแต่ไม่ได้มีอะไรที่ดูหรูหราแล้ว หญิงสาวหมุนตัวไปรอบๆ ก่อนบรรจงแต้มเครื่องสำอางเพียงบางเบา แล้วยิ้มให้ตัวเองอย่างพอใจ
เมื่อเดินออกมาจากห้อง กู้จิ้งเจ๋อยืนเอามือล้วงกระเป๋าไว้ เขาหันมามองเธอแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง
เมื่อแต่งกายแนวย้อนยุคแบบนี้ หลินเช่อดูเหมือนเจ้าหญิงจากยุคโบราณไม่มีผิด ดูสวยสง่า
เขาจ้องมองเธอนิ่งนาน ก่อนจะเดินเข้ามาหาและพูดว่า “ไปกันเถอะ”
หญิงสาวยิ้ม เขาเอ่ยถามอีกว่า “เธอต้องคล้องแขนฉันไม่ใช่เหรอ นี่เป็นธรรมเนียมตะวันตกนะ”
“หือ”
กู้จิ้งเจ๋องอแขน เธอมองก่อนจะสอดแขนเข้าคล้องกับแขนเขา
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ แต่ก่อนที่จะทันได้ก้าวขา เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังมาจากกระเป๋าเสื้อ
เขาตวัดสายตามองด้วยความหงุดหงิด เป็นสายจากโม่ฮุ่ยหลิงนั่นเอง
เขานิ่วหน้า เหลือบมองหลินเช่อที่อยู่ข้างตัวก่อนจะรับสาย
“มีอะไรหรือฮุ่ยหลิง”
เสียงโม่ฮุ่ยหลิงร่ำไห้ดังมา [บ้านฉันถูกปล้นน่ะค่ะ ฉันกลัวมากเลย]
“อะไรนะ ใครปล้น เป็นไปได้ยังไงกัน”
[บ้านหลังนี้ที่ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่น่ะค่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันไม่ได้มีคนคอยดูแลความปลอดภัยมากเท่าบ้านคุณน่ะ อีกอย่างฉันก็อยู่คนเดียวด้วย เพราะงั้น…] ขณะที่พูด เสียงของเธอก็เริ่มอ่อนลงราวกับว่ากำลังหวาดกลัวจับใจปนวิงวอนร้องขอ
กู้จิ้งเจ๋อสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่มีทางเลือกอื่น ชายหนุ่มหันมองหลินเช่อขณะพยายามจะปลอบประโลมโม่ฮุ่ยหลิงในสาย “อย่าร้องไห้ เดี๋ยวฉันไป”
เมื่อวางสาย หลินเช่อก็ปล่อยแขนเขาแล้วบอกว่า “อืม…คุณน่าจะไปดูหน่อยนะคะ
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หลินเช่อก็ยิ้มกว้างและพูดต่อไปว่า “เร็วเข้าเถอะค่ะ บ้านโดนปล้นนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะคะ”
เขาห่อปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ งั้นฉันจะไปดูเสียหน่อย ให้คนขับรถพาเธอไปที่ร้านก่อนเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวพอเสร็จธุระแล้วฉันจะตามไป”
“อืม โอเคค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อเหลียวมองเธออีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวและเดินออกจากบ้านไป
หลินเช่อบุ้ยปาก โม่ฮุ่ยหลิงนี่ก็ช่างหาเวลาได้เหมาะเหม็งเสียจริงนะ
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านของโม่ฮุ่ยหลิง
หญิงสาววางสายโทรศัพท์แล้วก็หมุนตัวลิ่วๆ ด้วยความยินดีปรีดา เธอหันมองห้องที่ถูกจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะจัดแจงรื้อทุกอย่างออกมาจากตู้ ยกขวดไวน์หว่านเทไปทั่วห้อง ดึงลิ้นชักทุกอันออกมา ข้าวของแบรนด์เนมทั้งหลายถูกโยนเกลื่อนกระจายทั่วห้อง อืม นี่ดูเหมือนห้องที่เพิ่งโดนคนบุกเข้ามาปล้นไม่เบาทีเดียว โม่ฮุ่ยหลิงยิ้มอย่างสมความคาดหมาย
เหอะ ยายหลินเช่อ กู้จิ้งเจ๋อน่ะเป็นของฉันย่ะ เขาอาจจะเป็นสามีของแก แต่ทุกครั้งที่ฉันเรียกหา เขาจะต้องมาหาฉันเสมอ!
กู้จิ้งเจ๋อมาถึงบ้านของโม่ฮุ่ยหลิงในเวลาอันรวดเร็ว
บ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับคฤหาสน์ตระกูลกู้อย่างมาก ใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีเท่านั้น
ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านมาและได้พบกับโม่ฮุ่ยหลิงที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก เธอโถมเข้ากอดเขาอย่างสุดตัว
เขาจำได้ดีถึงตอนที่สัมผัสโดนน้ำตาของเธอจนทำให้อาการป่วยต้องกำเริบขึ้นมาอย่างหนัก
เขาจึงรีบผลักเธอออก
ชายหนุ่มบอกกับเธอ “วันนี้ฉันไม่ได้กินยาน่ะ คงดีกว่าถ้าเธอไม่โดนตัวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะต้องลงเอยด้วยการรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนจนไม่ได้อยู่ช่วยเธอที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็รีบปาดน้ำตา มองหน้าเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ “โอเคค่ะ ฉันรู้ว่าฉันโดนตัวคุณไม่ได้…”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอ “เกิดอะไรขึ้น”
เธอชี้นิ้วไปรอบๆ ห้อง “เห็นมั้ยละคะ พอฉันกลับมา ก็เจอบ้านเป็นแบบนี้ ฉะ…ฉันกลัวจังค่ะ”
เขาพินิจดูห้องที่ถูกรื้อค้นจนกระจุยกระจาย สายตากวาดดูห้องทั้งห้องก่อนจะหันกลับมาจับจ้องที่ใบหน้าของเจ้าของบ้าน “เธอถูกปล้นงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ใช่” หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ “คงเป็นเพราะฉันเพิ่งย้ายมาอยู่แน่ๆ เลย พวกมันคงรู้ว่าฉันอยู่ลำพังคนเดียวน่ะ ก็เลย…”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “ฉันก็อยากจะถามว่าใครเป็นคนขอให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ อยู่บ้านเธอเองไม่สบายกว่าเหรอ มาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ดีสำหรับเธอเลย ไม่มีใครคอยดูแลเธอนะ”
โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มบิดมือไปมาขณะมองหน้าเขา “ฉันก็ยังมีคุณไงละคะ”
“แต่ฉันงานยุ่งมาก จะให้ฉันมาที่นี่เพื่อคอยดูแลเธอทุกวันน่ะเป็นไม่ได้หรอก”
“แต่ว่า ฉันก็แค่อยากมาอยู่ใกล้ๆ คุณเท่านั้นเองนะคะ… ฉันอยากเจอหน้าคุณบ่อยๆ น่ะค่ะ จริงๆ นะ”
“เพราะเหตุผลแค่นี้ เธอก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ…” กู้จิ้งเจ๋อว่า “เธอกำลังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่นะ”
“ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณนะคะ”
“แต่เธอจะมาโกหกเพื่อฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน” เขาจ้องหน้าเธอ
หญิงสาวตกตะลึง “ฉัน…ฉันไม่ได้โกหกสักหน่อย…”
ชายหนุ่มยังคงจ้องหน้าเธอไม่ลดละ ก่อนจะชี้นิ้วไปรอบๆ ห้องแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะมีอารมณ์ว่า
“ดูสิ สภาพแบบนี้น่ะเหมือนห้องที่ถูกปล้นตรงไหนเหรอ”
โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมารำไร เธอกวาดตามองไปรอบห้อง “ละ…แล้วมันไม่เหมือนตรงไหนเหรอคะ”
ร่างสูงๆ เดินเข้ามาในห้อง “สร้อยคอ ต่างหูราคาแพงทั้งหลาย ชิ้นหนึ่งราคาเป็นหมื่นๆ ขนาดนี้ พวกขโมยน่ะแค่รื้อออกมา แต่ไม่ได้เอาไปด้วยงั้นหรือ อีกอย่าง คนร้ายจะรื้อตู้เสื้อผ้าของเธอออกมาทำไมกัน ในเมื่อข้าวของมีค่าทั้งหลายน่ะอยู่ในตู้ล็อกกุญแจ ในขณะที่ตู้เสื้อผ้าของเธอก็มีแต่เสื้อผ้าทั้งนั้น อย่างนี้แล้วพวกเขาจะเสียเวลาขนเสื้อผ้าออกมาจากตู้ไปเพื่ออะไรกัน”
โม่ฮุ่ยหลิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เธอไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ เธอแค่อยากหาเหตุให้ชายหนุ่มต้องมาที่นี่เท่านั้น แต่เธอเองเป็นเพียงลูกคุณหนูที่ได้รับการดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี และชีวิตนี้ก็ไม่เคยต้องประสบกับเหตุปล้นจี้ใดๆ มาก่อน หญิงสาวจึงไม่ทันได้นึกถึงความสมเหตุสมผลทั้งหลายจนทำให้การจัดฉากที่ออกมาไม่สมจริงเช่นนี้
ใบหน้าของเธอร้อนแดงด้วยความอับอาย เธอเงยหน้ามองกู้จิ้งเจ๋อและรีบละล่ำละลักบอกว่า “ฉะ…ฉันขอโทษค่ะจิ้งเจ๋อ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ในใจเขาคิดไปถึงหลินเช่อที่กำลังนั่งรออยู่ที่ร้านอาหารแล้วก็หมุนตัวและเดินออกจากบ้านไป “พอกันที ในเมื่อไม่ได้มีอะไร งั้นฉันไปก่อนล่ะ ฉันมีเรื่องต้องไปทำ”
“จิ้งเจ๋อ!” เธอร้องเสียงดัง คว้าแขนเขาเอาไว้ “อย่าไปค่ะ ได้โปรดอย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ผิดมากจริงๆ ได้โปรดอย่าไปเลยนะคะ”
“ฮุ่ยหลิง ปล่อยฉัน!” ชายหนุ่มเริ่มโกรธมากขึ้นทุกขณะ
โม่ฮุ่ยหลิงชักจะทำตัวเกาะติดและไร้เหตุผลมากขึ้นทุกทีแล้ว
คอมเม้นต์