เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 301 นี่เธอจะไม่เช็ดเหงื่อที่เธอเป็นต้นเหตุให้หน่อยเหรอ
กู้จิ้งเจ๋อพูดขึ้น “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ฉันไม่กินเธอหรอกน่า” เมื่อเห็นว่าหลินเช่อยังคงยึกยักและไม่อยากจะเดินเข้ามาหาเขาอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง สายตาที่มองมาคมปลาบราวกับมีด
หลินเช่อยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาเขาก่อนจะสาวเท้าออกมาข้างหน้า
กู้จิ้งเจ๋อทนรอต่อไปอีกไม่ไหว เขาเอื้อมมือออกมารั้งร่างบอบบางให้ล้มลงบนเตียง
หลินเช่อล้มใส่เขา เขาคว้ามือเธอไว้แล้วยกมาวางทาบอก ก้มหน้ามองเธอ
สายตาของเขาร้อนเร่าราวกับคบเพลิงที่เผาผลาญเธอ
“ทำไม…นี่เธอกลัวฉันเพราะว่าเจ็บตัวเมื่อคราวก่อนงั้นเหรอ” เขาถาม
“เปล่าค่ะ…” เธอไม่ได้เจ็บอะไรมากมายนัก เพียงวันที่สองก็ดีขึ้นมากแล้ว แม้ว่าจะยังรู้สึกไม่ปกติอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจ็บอะไรอีกแล้ว
แผลไม่ได้ใหญ่อะไรเลย เขานั่นแหละที่วิตกเกินเหตุไป
กู้จิ้งเจ๋อยังจับมือเธอไม่ปล่อย “ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงหลบหน้าฉัน”
“เปล่าค่ะ…ฉันเปล่า…” หลินเช่องึมงำ
สายตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นเมื่อมองเธอ
เขาเห็นใบหน้าของหลินเช่อค่อยๆ แดงเรื่อขึ้น ความวิตกกังวลในสีหน้าของเธอทำให้หัวใจเขาเริ่มปวดร้าวขึ้นมา
เขาจูบเธอแผ่วเบา
ก่อนจะถามเสียงอ่อนโยนราวกับจะพะเน้าพะนอว่า
“เด็กดี ฉันจะนุ่มนวลกับเธอนะ”
กู้จิ้งเจ๋อค่อยๆ ดึงมือเธอออกไป ริมฝีปากของหลินเช่อขยับ กู้จิ้งเจ๋อยังคงกระซิบกระซาบใส่หู “จริงๆ นะ ฉันจะเบามือที่สุดจนมันไม่เจ็บเลยซักนิด คราวนี้เราจะค่อยๆ ทำกันช้าๆ …”
เขาเอื้อมมือออกมาก่อน ระมัดระวังเป็นอย่างดีราวกับว่านี่คือครั้งแรก
เมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีปฏิเสธ เขาก็ขยับตัวใกล้เข้ามาอีก
เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดทำเอาหลินเช่อนึกกังวล เธอรู้สึกว่ามันไม่น่าจะรองรับเธอกับเขาได้ไหว
กู้จิ้งเจ๋อบอกว่าเขาจะเบามือแล้วเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ แต่ในยามที่เขาดุดันรุนแรง มันก็น่าทึ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
คืนนี้ เมื่อเสียงอื้ออึงจบลง ชายหนุ่มก็ได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่เก็บกักเอาไว้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาออกไปจนหมดสิ้น
เขากอดหลินเช่อเอาไว้ รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งที่ครั้งนี้เขาไม่ทำให้เธอเจ็บ
แต่หลินเช่อกลับกระหน่ำทุบเขาอย่างไม่ปรานี “อีตาบ้า! คนเลว! หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
กู้จิ้งเจ๋อจุ๊บเธอที่ริมฝีปาก “นั่นเป็นคำชมสำหรับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ มันก็เหมือนการบอกผู้ชายว่าของเขาใหญ่น่ะ”
“เงียบไปเลยนะ ไม่ใช่เลยซักนิด อีตาอันธพาล!”
กู้จิ้งเจ๋อไม่สนใจความเขินอายของอีกฝ่าย และพูดต่อไปว่า “แต่ปัญหาของเราก็คือ ฉันน่ะใหญ่เกินไป ส่วนเธอก็เล็กเกินไป…เพราะฉะนั้นข้อดีของเราสองคนกลับกลายมาเป็นอุปสรรคซะอย่างงั้น ใช่มั้ยล่ะ”
“กู้จิ้งเจ๋อ!” หลินเช่อแหวใส่
“ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังลั่น
เจ้าตัวก็อดแปลกใจกับเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกันเท่าไหร่ แต่เขาก็อดขำไม่ได้
หลินเช่อนอนพักได้ครู่เดียว แม้ว่าจะยังเมื่อยขบไปทั้งตัว แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะลุกจากเตียงไปอาบน้ำ
ห้องน้ำที่นี่เล็กนิดเดียว คุณยายต้มน้ำเพื่ออาบเอง แต่นี่เป็นช่วงกลางดึกซึ่งคงไม่เหมาะนักที่จะต้มน้ำทีละมากๆ หลินเช่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจต้มน้ำจำนวนหนึ่ง
เธอผสมน้ำเย็นลงในน้ำร้อน ก่อนจะหันไปหากู้จิ้งเจ๋อและบอกว่า “ไม่มีทางเลือกค่ะ คุณทำได้แค่ล้างหน้าแล้วก็เช็ดตัวเท่านั้น”
ชายหนุ่มเดินเข้ามาและพยักหน้า เขาไม่บ่นอะไร และจัดการเช็ดตัวให้ตัวเอง
เมื่อเขาเอื้อมไม่ถึงด้านหลัง เขาก็ร้องเรียกหลินเช่อให้มาช่วย
หญิงสาวทำปากยื่นและถามว่า “ก็ถ้าเช็ดไม่ถึงก็ปล่อยไว้ไม่ได้เหรอคะ”
ชายหนุ่มหรี่ตาใส่เธอ “อะไรกัน เหงื่อพวกนี้ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุทั้งนั้น แล้วนี่จะไม่ช่วยฉันเช็ดหน่อยหรือ แบบนี้หมายความว่ายังไง”
“…” แล้วทำไมเขาถึงต้องเหงื่อออกเยอะขนาดนี้ด้วยล่ะ เธอไม่ได้ขอให้เขาออกแรงเยอะขนาดนั้นซักหน่อย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาใช้เวลานานนั่นแหละ ถึงได้ร้อนจนเหงื่อออกอย่างนี้
กู้จิ้งเจ๋อพยายามจะเอื้อมไปข้างหลังแต่ก็ทำไม่ได้
หลินเช่อได้แต่บ่ายเบี่ยง เธอไม่อยากเข้าไปช่วยเขาจริงๆ แต่เมื่อเห็นเขาพยายามอย่างหนัก เธอก็เดินเข้าไป คว้าผ้าเช็ดตัว จุ่มน้ำและเช็ดตัวให้เขา
ขณะที่กู้จิ้งเจ๋อนั่งนิ่งอยู่นั้น แผ่นหลังกว้างของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความมั่นคงปลอดภัย
หลินเช่อค่อยๆ บรรจงเช็ดตัวให้ในขณะที่ชายหนุ่มนั่งยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่าความรู้สึกเรียบง่ายเช่นนี้กลับทำให้หัวใจอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อ
ห้องห้องนี้เรียบง่ายและแทบจะไม่มีข้าวของอะไร แต่เมื่อเขาและหลินเช่อปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างช้าๆ ด้วยกันแบบนี้ มันกลับให้ความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์
เมื่อเขาเช็ดตัวเสร็จ หลินเช่อก็ต้มน้ำอีกครั้งเพื่อที่จะชำระล้างตัวเองบ้าง เมื่อได้อาบน้ำล้างตัว หญิงสาวก็รู้สึกสบายขึ้น
เมืองทางใต้แบบนี้ไม่หนาวเท่าเมืองทางเหนือ เมื่อทำความสะอาดร่างกายกันเรียบร้อย ทั้งเธอและเขาก็นอนลงบนเตียงด้วยกัน กู้จิ้งเจ๋ออดรู้สึกไม่ได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ช่างดีเหลือเกิน เขากอดหลินเช่อและกวาดตามองไปรอบห้องน้อยนั่น
ขนาดของห้องไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย
สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ข้างๆ ต่างหาก
ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่คุณชอบ ต่อให้อยู่ในปราสาทก็คงไม่อาจพึงพอใจได้อยู่ดี แต่ถ้าเป็นคนที่ใช่คนนั้นอยู่เคียงข้างกัน ต่อให้ต้องนอนตามถนน ชีวิตก็คงสมบูรณ์แบบ
หลินเช่อนอนหนุนแขนเขา “นี่ก็คืนนึงแล้ว พรุ่งนี้คุณจะกลับหรือเปล่าคะ”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว “นี่เธอไล่ฉันเหรอ”
ทำไมเขาถึงชอบแปลความหมายคำพูดของเธอผิดๆ อยู่เรื่อยเลยนะ “เปล่านะคะ ฉันแค่รู้สึกว่าคุณน่าจะยุ่งมาก แล้วที่นี่ก็อยู่ลำบาก มันไม่เหมาะกับคุณเลยซักนิดค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อถามกลับ “แล้วเธอจะกลับไปด้วยหรือเปล่าล่ะ”
หลินเช่อส่ายหน้า “ฉันเพิ่งมาถึงเองนะคะ แล้วก็ตั้งใจว่าจะอยู่อีกซักสองสามวัน ฉันลางานกองถ่ายมาแล้วด้วย ถ้าขืนรีบกลับ คุณยายคงจะผิดหวังมากแน่ๆ”
กู้จิ้งเจ๋อได้ยินเช่นนั้นก็ก้มลงมองเธอ “ถ้างั้นฉันก็จะอยู่ด้วยอีกสองสามวันเหมือนกัน”
“หือ” หลินเช่อสงสัย “แล้วงานคุณล่ะคะ”
“ฉันเป็นเจ้านายนะ แน่นอนว่าฉันอยากจะไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้ที่ฉันต้องการ”
อีตาคนดื้อด้าน
หลินเช่อถามอีก “แต่ที่นี่มันเลวร้ายมากเลยนะคะ ฉันกลัวว่าคุณจะรู้สึกอึดอัด…”
“ฉันเคยเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันเคยทำงานเป็นอาสาสมัคร ตอนนั้นมันโหดกว่านี้มาก และฉันก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะอาบน้ำด้วยซ้ำ ที่นั่นแห้งแล้งกันดารมาก พวกเขาไม่มีน้ำเพียงพอจะดื่มด้วยซ้ำ บางทีเราอาจจะไม่ได้แม้แต่จะเช็ดตัว เพราะจะหาน้ำล้างหน้ายังลำบากเลย”
“ว้าว นี่คุณไปที่สุดหฤโหดขนาดนั้นมาด้วยหรือคะนี่” เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาชื่นชม
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า “ปู่ของฉันเคยพูดว่า เราจำเป็นต้องสัมผัสประสบการณ์ของความเป็นคนจนเพื่อที่จะได้รู้คุณค่าของความมั่งคั่ง”
“ถ้าอย่างงั้น ทำไมตอนนี้คุณถึงได้กลายเป็นคนเจ้าระเบียบเรื่องมากเจ้าปัญหาได้ล่ะคะ” หลินเช่อถามด้วยความประหลาดใจ่
คอมเม้นต์