ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 3
พยัคฆ์ทองคำ 8 เนตร คำรามอย่างเกรี้ยวกราดเป็นครั้งสุดท้าย พลังปราณปฐพีอันทรงพลัง ถูกชักนำมาห่อหุ้มที่แขนขวาที่เหลือเพียงข้างเดียว ก่อนที่เฉินหูจะใช้พลังทั้งหมดชกลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
ตูมมม!!! ภูเขาลูกเล็กถล่มทะลายกลายเป็นเศษซากนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้คนที่ยืนล้อมรอบอยู่ใต้ภูเขา
“หลบเร็ว! อ๊ากก ช่วยด้วย!!”
เศษซากชิ้นส่วนภูเขา ผสมกับพลังปราณปฐพีอันแข็งแกร่ง ทำให้ความรุนแรงและความเร็วของมันยิ่งกว่าความเร็วแสง มันพุ่งกระแทกผู้คนนับหมื่นบาดเจ็บล้มตายนับไม่ท้วน เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังระงมขึ้นทั่วบริเวณ
แต่ส่วนมากจะเป็นแค่ผู้มีฐานบ่มเพาะระดับต่ำ ผู้บ่มเพาะระดับสูงต่างเรียกอาวุธวิเศษ หรือ เงาอวาตาร ของตนเองขึ้นมาป้องกันได้อย่างทันท้วงที น่าเสียดายที่เฉินหู สูญเสียแขนข้างซ้ายและพลังปราณไปเกือบหมดแล้ว ทำให้เขาใช้พลังเป็นครั้งสุดท้ายได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
มองร่างของเฉินหูล้มลงกับพื้น จิวโมไป๋หลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด พี่น้องสองคนของเขาเสียชีวิตไปแล้ว
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด!!!”จิวโมไป๋ร้องคำรามดังกระหึ่มจนแผนดินสั่นสะท้านราวแผ่นดินไหว เศษฝุ่นถูกพัดกระจายหายไปจนหมด รังสีเข่นฆ่าสังหารกระจายถาโถมกดดันจนผู้คนที่บาดเจ็บอยู่แล้วกระอักเลือดกองใหญ่
หน้าผากของจิวโมไป๋พลันปรากฏรอยสัก 5 อันเรียงกัน 5 มุมคล้ายดวงดาว 5 แฉก
ด้านหลังของเขาพลันปรากฏเงาอวาตาร 5 ตัว
ต้นหลิวหยกเขียวสูง 40 เมตร
สระน้ำสีเหลืองอำพัน กว้าง 40 เมตร
เตาหลอมโอสถสีทองมีลวดลายดวงตะวัน 6 ดวง ขนาด 40 เมตร
กระบี่สีดำยาว 40 เมตร
และสุดท้าย ดวงดาวสีเงินใสกระจ่างคุจดวงจันทร์ 5 ดวง แต่ละดวงมุนวนโคจรล้อมรอบกันไปมา แต่ดวงดาวละดวงมีขนาด 8 เมตร
เมื่อเห็นเงาอวาตารทั้ง 5 ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“ฮ่าๆ เจ้ามีจริงๆ วิธีสร้างตำหนักยุทธมากกว่า 1 หลัง”
จ้าวอี๋เทียน ไม่อาจปกปิดสีหน้าโลภโมโทสันของเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างกายสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น หน้าผากปรากฏรอยสักกระบี่สีทองทรงพลัง ใต้ฝาเท้าของเขามีกระบี่สีทองคำบริสุทธิ์ ยาว 50 เมตร ทำให้เขาสามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าได้
เมื่อมนุษย์ทุกคนอายุ 15 ปี จะปรากฏตำหนักยุทธ ขึ้นเพียง 1 หลัง เท่านั้นไม่มีทางมากกว่า 1 หลังอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นการฝ่าฝืนกฏแห่งสวรรค์
ตำหนักยุทธจะทำให้ผู้บ่มเพาะพลัง สร้างทะเลลมปราณ 1 แห่ง ถ้าเกิดว่ามีตำหนักยุทธเพิ่มเป็น 2 หลัง คน 1 คนจะมีทะเลปราณ 2 แห่ง มันหมายความว่า คนผู้นั้นจะมีปริมาณลมปราณมากกว่าคนที่อยู่ระดับเดียวกัน 2 เท่า!
นอกจากนั้นเมื่อใช้พลังของตำหนักยุทธ จะปรากฏเงาอวาตาร 2 ตน พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นไปอีก 1 ขั้น
ถ้าสามารถสร้างตำนักยุทธที่ 3 4 5 ได้ล่ะก็…
มันเป็นวิชาที่แหกกฏแห่งสวรรค์ เป็นเคล็ดวิชาที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
จ้าวอี๋หอบหายใจหนักหน่วง จ้องมองเงาอวาตารทั้ง 5 เขม่ง ในใจวาดฝันอนาคตอันรุ่งโรจของตน
ด้านข้างมีเจ้าสำนักทะเลคุณธรรม กำลังยืนอยู่บนกระจกทองแดง ด้านหลังมีเงาอวาตารเป็น เกรียวคลื่นทะเลยาวกว่า 50 เมตร หน้าผากของเขามีลอยสักเกรียวคลื่นสีฟ้าอ่อน
รอบข้างต่างมีคนนำของวิเศษที่ใช้บินหรือสัตว์อสูรที่บินได้ บินขึ้นล้อมรอบร่างของจิวโมไป๋ จนมืดฟ้ามัวดิน คนที่ยังไม่แสดงตัวตั้งแต่แรก ต่างก็รีบพุ่งเข้ามามีส่วนรวมทันที
“หืม…สระอำพัน เคล็ดบ่มเพาะสระอำพันตระกูลเซียว!”หนึ่งในกลุ่มคนที่ลอยตัวอยู่บนฟ้า กรีดร้องเสียงดังจนผู้คนสับสน
“เจ้าตกใจอะไรตาเฒ่า”สหายข้างกายร้องถามอย่างสงสัย
“เจ้าจำไม่ได้หรือว่าในวันที่ตระกูลเซียวแห่ง มิติร่องนภา มิติชั้นสูง ถูกสังหารล้างตระกูล หนึ่งในผู้ลงมือมีเคล็ดบ่มเพาะสระอำพันเช่นเดียวกับคนตระกูลเซียว”
“อ่า…ข้าจำได้แล้ว ในตอนนั้นมีผู้คนจำนวนมากมายต่างเข้าไปที่มิติร่องนภา เพื่อตรวจสอบหาผู้ลงมือ แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว เพราะผู้บ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะสระอำพัน ที่ไม่ได้เป็นคนของตระกูลเซียว ต่างก็มีพยานยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ลงมือก่อเหตุ ส่วนคนในตระกูลเซียวก็เสียชีวิตจนหมดสิ้น ทำให้ไม่มีใครหาผู้ลงมือได้
ถ้าข้าจำไม่ผิดในตอนนั้น จิวโมไป๋ก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเช่นกัน แต่เพราะในวันที่ตระกูลเซียวถูกสังหารล้างตระกูล ไม่มีผู้ใช้เคล็ดบ่มเพาะต้นหลิวหยก ที่เป็นตำหนักยุทธประจำตัวของจิวโมไป๋ ทำให้เขาพ้นผิดไปได้…”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของผู่บ่มเพาะพลังต่างก็ แสดงออกถึงความประหลาดใจ
“ทะ…ที่แท้เป็นเจ้านั้นเอง”ผู้บ่มเพาะพลัง จ้องมองสระอำพันที่ลอยอยู่ใต้เท้าจิวโมไป๋ด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดสังหารล้างตระกูลของมิติชั้นสูงได้
เหตุผลที่พวกเขาไม่คิดว่าจิวโมไป๋จะแข็งแกร่งมากนัก เป็นเพราะจิวโมไป๋มุ่งเน้นการฝึกฝนบ่มเพราะจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นการบ่มเพาะของปรมาจารย์ ซึ่งมันใช้เวลาในการบ่มเพาะมากกว่าบ่มเพาะพลังตำหนักยุทธหลายเท่า
ทำให้พวกเขาคิดว่าการบ่มเพาะพลังของจิวโมไป๋อ่อนแอ ไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
เมื่อนึกได้ว่าอีกฝ่ายสามารถเปลี่ยนสลับตำหนักยุทธของตัวเองได้ นั้นหมายถึงการปลอมตัว และลอบสังหาร โดยที่ไม่มีใครสามารถสืบหาหลักฐานได้
พวกเขาต่างก็ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ
“เตาหลอม 9 สุริยัน กระบี่เลือนเร้น“เมื่อสังเกตุเห็นอีกสองเงาอวาตาร ผู้คนก็ยิ่งแตกตื่นตกใจ เพราะตัวตนทั้งสองนั้น มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วมิติทั้งหลาย
เตาหลอม 9 สุริยัน ปรามาจารย์อันดับ 10 ของโลก ที่มักจะเดินทางไปทั่วมิติต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้คน
กระบี่เลือนเร้น นักฆ่าคุณธรรมผู้สังหารความชั่วร้าย เส้นทางสังหารของเขาเต็มไปด้วยโลหิตของผู้ชั่วช้านับหมื่น
แค่หนึ่งตัวคน ก็สามารถทำให้ผู้คนก้มกราบ ด้วยความเคารพนับถืออย่างสุดซึ้ง เพราะเป็นตัวตนที่ช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากมามากว่าหลายสิบปี
ในขณะที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกันอย่างอื้ออึงอยู่นั้นเอง โดยไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว
“หยุดพูดได้แล้ว ถ้าพวกเจ้าอยากได้วิชาของข้ามากนัก พวกเจ้าก็เข้ามา!!!”จิวโมไป๋ร้องท้าทายด้วยใบหน้าแข็งกร้าว อวาตารทั้ง 5 ที่ด้านหลังสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น พวกมันไม่เคยออกมาพร้อมกันมาก่อน ทำให้พวกมันต่างส่งเสียงร้องแปลกประหลาดราวกับร้องท้าทายเสียงดังลั้น
คอมเม้นต์