ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 30

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 30 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
วางข่ายอาคม

โรงงานร้างแห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมืองเทียนซู

จิวโมไป๋ในชุดเสื้อโค้ทสีดำศีรษะคุมด้วยฮู้ดปกปิดใบหน้า เขาแหวกหญ้าออกก่อนเดินผ่านเข้ามา ก็มองเห็นโรงงานร้าง ที่เรียกว่าโรงงานไม่ได้อีกแล้วเพราะ อาคารหลักมันถูกทำลายจนเปิดโล่ง เศษซากอาคารถูกนำไปทำลายเหลือเพียงตอเสาเหล็กๆเท่านั้น ด้านข้างมีอาคารเล็กๆไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังไม่ถูกทำลาย

ที่นี้เป็นสถานที่ต่อสู้ของ 2 กลุ่ม แก๊งที่มีอิทธิพลในเมืองเทียนซู ในตอนนี้ยังเป็นช่วงบ่าย กว่าที่พวกเขาจะมาก็ช่วงหัวค่ำ เขายังมีเวลาอีก 8 ชั่วโมง

ยืนนิ่งคิดครู่นึ่งก่อนที่จะล้วงหยิบแผ่นกระดาษออกมา บนแผ่นกระดาษเต็มไปด้วยลวดลายสลับซับซ้อน สีแดงปนเขียว

จิวโมไป๋เร่งพลัง บนแผ่นกระดาษลุกไหม้ด้วยไฟสีเหลืองก่อนที่จะกระจายหายเป็นขี้เถ้า เศษขี้เถ้าลอยกระจายคลุมร่างของเขาหนึ่งชั้น

ถ้ามองจากด้านบนผ่านกล้องดาวเทียม จะไม่สามารถมองเห็นร่างของเขาได้

ยันต์ม่านขี้เถ้า

ปกปิดการมองเห็นบนท้องฟ้า

หมายเหตุ ไม่สามารถปิดบังการมองเห็นของจากการมองเห็นปกติและจากกล้องวงจรปิดได้

มองเศษขี้เถ้าที่ลอยปกคลุม จิวโมไป๋ก็พยักหน้าพอใจ ยันต์ม่านขี้เถ้า เป็นเทคนิคหลบเลี่ยงการมองเห็นของกล้องดาวเทียม ที่ปรมาจารย์ได้ขึ้นค้นขึ้นในอีกสิบปีข้างหน้า

ทำให้Nuwa ที่คอยจับตามองผ่านดาวเทียวไม่สามารถจับภาพผู้ใช้ได้ ทำให้ ในช่วยเวลาหนึ่งเกิดคดีอาชญากรรมจำนวนมาก ก่อนที่ดาวเทียวจะพัฒนาขึ้นเพื่อให้มองผ่านม่านพลังของปรมาจารย์ได้

ขอเสียของยันต์ม่านขี้เถ้าคือ ไม่สามารถปกปิดร่องรอยระยะสั้นได้ เช่นกล้องวงจรปิด หรือบุคคลทั่วไป

เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจ ว่ายันต์ม่านขี้เถ้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย เขาเปิดกล่องสมุนไพร ภายในมีขวดแก้วสีแดงเลือดอยู่ 5 ใบ

จิวโมไป๋หยิบแก้วใบหนึ่งขึ้นและเปิดฝาออก กลิ่นเลือดผสมสมุนไพร ลอยเข้าจมูกจนต้องย่นหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของจิวโมไป๋พลันปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

เขาวาดฝามือของเหลวสีแดงเลือดก็ลอยออกมาหนึ่งหยด เขาแสดงสัญลักษณ์มือด้วยท่าทางแปลกประหลาด หยดเลือดพลันเปล่งแสงสีทองแดง ก่อนที่จะพุ่งลงบนพื้น จากนั้นของเหลวสีเลือดหยดที่ 2 ก็ตามมา…

ของเหลวสีแดงคือเลือดค้างคาวและเสือ ผสมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์หลอนประสาท

เขายังเป็นแค่ปรมาจารย์ระดับทองแดงต้น จึงต้องพึ่งของพวกนี้เพื่อสร้างข่ายอาคมปีศาจโหยหวน ถ้าเป็นปรมาจารย์ระดับเงินขึ้นไป ไม่ต้องใช้วัสดุตัวแทนสร้างข่ายอาคมอีก

ยกเว้นจะเป็นข่ายอาคมที่ทรงพลัง หรือเพิ่มประสิทธิภาพของข่ายอาคม

เดินวางข่ายอาคมได้หนึ่งในห้าของโรงงานร้าง พลังจิตวิญญาณของจิวโมไป๋ก็เหือดแห้งใกล้จะหมด เขาหยิบขวดแก้วที่มีของเหลวสีฟ้าอ่อนออกมา

โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณ

สรรพคุณ ฟื้นฟูจิตวิญญาณ

มันเป็นโอสถที่เขาตั้งชื่ออย่างง่ายๆ กลั่นจากสมุนไพรคุณภาพต่ำ เพราะโลกยังไม่เกิดการวิวัฒนาการอย่างรุนแรง ทำให้สมุนไพรบางตัวหาไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยคิดสูตรใหม่เป็นของตัวเอง

เขาก็ดื่มโอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณจนหมดขวดพลังจิตวิญญาณที่เหือดแห้งก็ฟื้นขึ้นมาจนเต็ม จากนั้นเขาก็ลงมือวางข่ายอาคม ไปเรื่อยๆ ถ้าหมดแรงก็หยิบโอสถฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณขึ้นมาดื่ม

เวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง ดวงอาทิตย์ เริ่มตกลงมาใกล้เส้นขอบฟ้า เขาก็ใช้ของเหลวสีแดงวาดข่ายอาคมทั้วทั้งพื้นที่โรงงานร้างจนเสร็จ

เมื่อข่ายอาคมเรียบร้อย เขาก็บีนขึ้นไปบนแท๊งน้ําที่ยังไม่ถูกทำลาย มันตั้งอยู่ทางมุมสุดเกือบติดกับกำแพงที่ถูกทำลายไปแล้ว เขาหามุมมืดนั่งหลบเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น ก่อนที่จะหยิบขวดแก้วสีฟ้าอ่อนขึ้นมาดื่ม จิตวิญญาณฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนเต็มอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็หยิบ ท้อนไม้ขนาด 50 เซนติเมตร และหยิบมีดสำหรับแกะสลักออกมา จากนั้นก็เพ่งสมาธิ ชักนำพลังจิตวิญญาณไหลไปตามใบมีดแกะสลัก จากนั้นก็บรรจง แกะสลักท้อนไม้อย่างตั้งใจ

เวลาผ่านไปพริบตาไม่นานท้องฟ้าก็มืดมิด จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัส 16 เมตร ของเขาทำให้สามารถมองเห็นภายในรัสมี ได้อย่างชัดเจนแม้ไม่มีแสงไฟก็ตาม

ท้อนไม้แกะสลักเริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าตามรอยมีดจะทิ้งเส้นแสงสีทองแดงเอาไว้จางๆ

ในตอนนั้นเอง แสงไฟหน้ารถก็ส่องสว่างขึ้นมาจากที่ไกลๆ ไม่นานก็มีรถยนต์ เกือบ 100 คัน ขับเข้ามาจอดล้อมรอบโรงงานร้างครึ่งหนึ่ง โดยที่พวกเขาไม่ปิดไฟรถ

ไม่นานก็มีคนพูดคุยจอแจอยู่ข้างล่างกว่า 500 คน

ไม่นานก็มีรถบัส 10 คันคับมาจอดเรียงแถวครึ่งวงกลมล้อมรอบโรงงานร้างซ้อนอีกชั้น เหมือนจะเป็นการสร้างลานต่อสู้ โดยมีพื้นที่ ที่เคยมีโรงงานร้างอยู่ตรงกลาง

คนกว่า 300 คนก็ค่อยๆทะยอยลงจากรถ คนพวกนี้แปลกกว่าพวกคนที่มากับรถยนต์ เพราะพวกเขาดูอิดออดไม่เต็มใจที่จะลงจากรถเท่าไหร่นัก

จิวโมไป๋กวาดสายตาสำรวจดูก็พบหวังเสี่ยวเปา เฉินหู และ อูเหวิน ทั้งสามเดินตามแถวมายืนเรียงกันรอบอาคาร สีหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

ขณะที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าเขาก็ไม่ลืมที่จะก้มลงแกะสลักท่อนไม้

“กงหนาน! ทำไมไอ้พวกสวะยังไม่มาอีก”ชายแต่งตัวดูดีท่าทางขี้โอ้เดินออกมาจากรถยนต์คันหรู จิวโมไป๋จำได้ว่ารถคันนี้ราคา 10 ล้านเครดิต เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่คนรวยชอบขับกันมากในช่วงเวลานี้

“เดียวพวกนั้นก็มาครับลูกพี่ ดื่มเบียร์เย็นๆแก้กระหายก่อนนะครับ”ชายผอมสูงกงหนานรินเบียร์ใส่แก้วแล้วส่งให้ลูกพี่ของตัวเอง ด้วยท่าทางยิ้มแย้มราวกับคนรับใช้

เย่จื่อหยวนชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็รับแก้วเบียร์มาดื่ม เขาถูกพวกสวะข้างถนน ส่งสารท้าทายมาหลายวัน แต่เพราะเขาติดธุระเลยไม่ได้รับคำท้า พวกมันเลยเอาไปพูดเยาะเย้ยไปทั่ว ว่าเขาป๊อดแหกไม่กล้ารับสารท้าสู้ของพวกมัน

วันนี้เขารับคำท้าแล้ว แต่ไม่เห็นใครโผล่หัวมาเลยสักคนเดียว ไม่แปลกที่เขาจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย กงหนานยืนยิ้มประจบอยู่ด้านข้าง คอยรินเบียร์ใส่แก้วเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ดวงจันทร์สีเหลืองนวล เริ่มลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

แสงไฟสว่างจ้าจากถนนดผล่ขึ้นมา ไม่นานขบวนรถยนต์จำนวนมาก ขับมาอย่างรวดเร็ว คนจากกลุ่มเลือดมังกร ต่างก็ยืนขึ้นมองรถยนต์ที่กำลังขับเข้ามา

เย่จื่อหยวนกระตุกยิ้มเย็นชา”มาซักทีเจ้าพวกสวะ วันนี้ฉันจะล้างบางพวกแกที่รกหูรกตาออกไปให้หมด จนไม่มีพวกแกคนไหนกล้ามาปากพล่อยได้อีก”

ขบวนรถต่างก็จอดต่อท้ายเป็นวงกลมล้อมรอบโรงงานร้าง

ชายหัวล้านร่างกายกำยำ เดินลงจากรถแฮมเมอร์สีแดงเพลิง ดวงตาอสรพิษเป็นประกายชั่วร้าย กลอกกลิ้ง

“ฮ่าๆ ขอโทษนายน้อยเย่ด้วย พวกเราไม่ได้มีเงินเหมือนคุณ เลยต้องเสียเวลาหารถพาพรรคพวกเข้ามาที่นี่อยู่นาน จุจุ รถใหม่ทั้งนั้นดูๆแล้วนายน้อยเย่คงเสียเงินไปไม่น้อย ”ชายหัวล้านหัวเราะเสียงดังกวาดตามองรถของฝังเลือดมังกร ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

“เหอะ! พวกชั้นต่ำ”เย่จื่อหยวนแค่นเสียงรังเกรียจ ก่อนที่จะโยนแก้วเบียร์ทิ้งด้านข้าง

ชายหัวล้านขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าๆ ถ้านายน้อยเย่รีบนักพวกเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ”

บรรยากาศรอบด้านพลันหนักอึ้งขึ้น ผู้คนจากทั้งสองฝ่ายต่างยืนเตรียมพร้อมจะลงมือทุกเมื่อ

กงหนานเดินยิ้มเข้ามา แล้วพูดเสียงดัง

“พี่กู๋เป่ย เรามาวางเดิมพันกันก่อนเถอะ”

“ตามที่เขียนในจดหมายท้า กลุ่มปีกสวรรค์ ลงพนันผับสนแดง ผับเชอร์รี่ ร้านอาหาร…”กู๋เป่ยพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน

“ฉันหนานกงเป็นตัวแทนกลุ่มเลือดมังกร ลงเดิมพัน โรงแรมแย้มสวรรค์ ผับเทพธิดา ….”

เมื่อได้ยินสิ่งของเดิมพัน คนที่มีฐานะอ่อนแอต่างก็สูดปากด้วยความหนาวเหน็บ ดวงตาสองข้างแดงก่ำเต็มไปด้วยความอิจฉา

ในตอนนี้ผู้คนที่ล้อมอยู่เปิดกำไลข้อมือ เพื่อบันทึกภาพเอาไว้

“กฏเดิม ส่งคนเข้าประลอง 5 คน ใครได้คะแนนมากกว่า จะได้รับของเดิมพัน”กล่าวจบหนานกงก็เดินถอยหลังไปยืนข้างเย่จื่อหยวน

กู๋เป่ยถอยกลับไปยืนด้านหลัง เขากวาดตามองรอบด้านก่อนที่จะเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย

“เริ่มประลองได้แล้ว…”

บนแท๊งน้ําจิวโมไป๋ลงมีดสลักท้อนไม้เป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาของเขาก็ทอประกายเจ้าเล่ห์

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด