ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 34
หอพักมหาวิทยาลัยเทียนซู
จิวโมไป๋เดินลัดเลาะตามมุมมืดหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด จนมาถึงหลังหอพัก เขาก็หยิบแผ่นจารึกออกมา 3 ใบก่อนที่จะเผาไหม้กลายเป็นขี้เถ้าปกคลุมทั่วร่าง เขาตั้งสมาธิเร่งพลังจิตวิญญาณ ขี้เถ้าที่ลอยล้อมรอบ เร่งความเร็วในการหมุนวนอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปที่ชั้น 3 ที่เป็นห้องของเขาและพลักหน้าต่างที่เขาเปิดเตรียมไว้เข้าไปอย่างรวดเร็ว
จากมุมมองของกล้องวงจรปิดจะเห็นแค่เพียงเงาวูบหนึ่งที่ไม่มีอะไรพิเศษเท่านั้น
ทันทีที่เข้าห้องเขาก็ถอดเสื้อโค้ทสีดำ ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำชำละร่างกายจนสะอาดเรียบร้อย เมื่อออกมาก็กวาดตาสำรวจห้องอย่างพอใจ เขาทำลายอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อย รวมถึงกล่องสมุนไพรต่างๆ ที่เขาเอาไปทิ้งในตอนเช้า และกล่องใส่อุปกรณ์วาดข่ายอาคม ที่เขาตีเนียนทิ้งไว้ที่บ้านใครก็ไม่รู้ ซึ่งเขาแน่ใจว่า คนที่บ้านนั้นต้องไม่พูดเรื่องกล่องใส่อุปกรณ์ข่ายอาคมออกมา เพราะมันไม่น่าจะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติได้เลย
และเพื่อความแน่ใจเขาจึงใส่ยาโอสถเอาไว้
ต้องรู้ก่อนว่ายาโอสถถูกสุด ราคาขั้นต่ำก็ 1,000 เครดิตแล้ว สำหรับครอบธรรมดาเงินจำนวนนี้ สามารถนำไปใช้ได้หลายวัน
คนที่บ้านนั้นอาจจะคิดจริงๆ ว่ามีคนมาตอบแทนบุญคุญ แม้คนในบ้านจะไม่มีใครเคยช่วยหญิงสาวก็ตาม พวกเขาก็คงไม่ตามหาคนที่ทิ้งของราคาแพงไว้ให้
ดังนั้นเขาแน่ใจว่าไม่มีใครสืบตามรอยมาได้แน่
น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถใช้พลังไฟได้ ไม่อย่างนั้นการทำลายหลักฐานมันจะง่ายกว่านี้ ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากวุ่นวาย
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว เขาก็ขยี้ชุดนอนตัวเองเล็กน้อย ให้ดูยับเหมือนคนนอนมานานแล้ว ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมเสียงพูดคุยเสียงดัง
“ทำไมพวกเราไม่เข้าไปสำรวจเหตุการณ์เหนือธรรมชาติละพี่ใหญ่”อูเหวินพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“พวกเราอยู่แค่ขั้นผิวหนัง เข้าไปก็เป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆเท่านั้น ข้างในมันต้องชุนมุนวุ่นวายแน่นอน พวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเขาไปเจ็บตัวหรอก”หวังเสี่ยวเปาพูดอย่างจริงจังก่อนที่เขาจะเปิดไฟห้อง
“อ่าวน้องเล็กมานอนที่นี่เหรอวันนี้”เฉินหูพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
จิวโมไป๋แกล้งทำเป็นพึ่งตื่น ยันตัวลุกขึ้นมาขยี่ตาเล็กน้อย ก่อนที่จะถาม
“พวกพี่ใหญ่กลับมากันแล้วเหรอ วันนี้ไม่ได้ไปอาคารบ่มเพาะ?”
“อ่า พวกเราไปทำธุระที่อื่นมา วันนี้เลยไม่ได้ไป”เฉินหูอ้อมแอ้มตอบเล็กน้อย ก่อนที่จะขอตัวไปอาบน้ำ
“น้องเล็ก นายนอนต่อเถอะ เดียวพวกฉันอาบน้ำก็เข้านอนแล้ว”อูเหวินพูดขึ้นก่อนที่ จะเดินไปทำอะไรกุกกักที่เตียงของตัวเอง
ส่วนหวังเสี่ยวเปาเดินหายเงียบไปที่ระเบียบ
เห็นการหลบหน้าเหมือนหนีความผิดของทั้ง 3 คนแล้ว จิวโมไป๋กระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอน
ในใจท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ แม้จะลำบากไปบ้างที่ไม่ได้นั่งบ่มเพาะ แต่ด้วยประสบการณ์และความเคยชิน ทำให้ไม่นานก็สามารถสงบจิตบ่มเพาะจิตวิญญาณได้
หลายชั่วโมงต่อมา
ภายในห้องนอกจากจิวโมไป๋ที่นอนหลับแล้ว คนอื่นต่างก็นั่งสมาธิบ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็ง
มันเป็นภาพที่คุ้นเคยอย่างมากในอดีต เขาไม่ใส่ใจในการณ์บ่มเพาะ ทำให้หลังจากศึกษาตำราเสร็จแล้วเขาก็จะล้มตัวนอน ส่วนทั้งสามคน ก็จะนั่งสมาธิบ่มเพาะพลังอยู่บนเตียง
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้งงง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสติจากคนในห้องให้มองหน้ากันด้วยความงุงงง ดึกขนาดนี้แล้วใครยังจะมาหาพวกเขาอีก
หวังเสี่ยวเปา เป็นพี่ใหญ่จึงเป็นคนลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู
เมื่อเปิดประตู หวังเสี่ยวก็ต้องแปลกใจ เพราะเบื้องหน้าของเขา เป็นหญิงสาวในชุดโค๊ทยาวสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้างดงามราวรูปสลัก รูปร่างสูงโปร่ง ขาเรียวยาวชวนมอง แค่มองแวบเดียว เขาบอกได้เลยว่าหญิงสาวเบื้องหน้า สามารถเทียบได้กับเทพธิดาหลานซูเมิ่ง สาวงามอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเทียนซู
ติดที่ใบหน้าของหญิงสาวนั้น เย็นชาราวกับจะแช่แข็งผู้คน ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
หืม…เดียวก่อนนะ ที่นี่มันหอพักชายไม่ใช่เหรอ!
เมื่อได้สติหวังเสี่ยวเปาก็เอ่ยปากถามขึ้น“คุณเป็นใคร ที่นี่มันหอพักชายนะ!”
หญิงสาวเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง เธอพลักร่างอ้วนใหญ่ของหวังเสี่ยวเปาออกด้านข้างอย่างง่ายดาย ทั้งที่น้ำหนักตัวของหวังเสี่ยวเปานั้น 150 กิโลกรัม เธอก้าวยาวๆ เข้ามาด้านในห้อง ก่อนที่จะกวาดตามองสำรวจรอบห้อง โดยไม่สนใจเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย
เฉินหูและอูเหวินผุดลุกจากเตียง เดินไปทางหวังเสี่ยวเปาแล้วถามเสียงเบา
“เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังใง?”
“ฉันก็ไม่รู้”หวังเสี่ยวเปาส่ายหัวเบาๆ
“เราเรียกยามมาดีไหม”เฉินหูเสนอขึ้น สายตาจับจ้องร่างงดงามอย่างเหม่อลอย พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่
จิวโมไป๋แกล้งทำเป็นพึ่งตื่น เมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวยืนอยู่เขาแกล้งตกใจ กระโดดลงจากเตียงก่อนที่จะไปยืนอยู่กับคนอื่น
“พี่ใหญ่สาวงามนี่เป็นใครกัน?”
หวังเสี่ยวเปาส่ายหัวเบาๆ สีหน้าของเขาตอนนี้ว่างเปล่าสุดๆ
จิวโมไป๋ลอบสำรวจหญิงสาว ที่กำลังเดินวนรอบห้องของเขา เมื่อเห็นกำไลข้อมือสีดำทองมีลวดลายมังกรลี้ลับ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะคลายออกอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวสำรวจห้องอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตวัดสายตาคมกริบ สำรวจร่างของพวกเขา ก่อนที่จะถอนสายตาออกไปมองทางอื่น โดยที่ไม่ยอมเปิดปากพูดอธิบายอะไรออกมาซักครึ่งคำ
“น่ากลัวชะมัด”อูเหวินตัวสั่นระริก เมื่อหญิงสาวมองสำรวจร่างของเขาเมื่อครู่ มันเหมือนกับว่าเขาถูกมองลึกเข้าไปในจิตใจ
“มิสจ้าว ยื่นยันแล้วครับ ทั้งสามคนอยู่ที่ห้องนี้จริงๆ”เสียงดังขึ้นจากหน้าประตูเรียกสายตาของคนในห้องหันไปดู เป็นชายหนุ่มอายุ 23-24 ใบหน้าหล่อเหลา ในชุดตำรวจสีน้ำเงินเข้ม ด้านหลังของเขามี ตำรวจอีก 4 คน กำลังเดินตามเข้ามาในห้อง
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ค้นห้องแล้วพาทั้งสามคนไปที่สถานนี”
“ครับ”จบคำตำรวจทั้ง 4 คน ก็เริ่มค้นห้องอย่างรวดเร็ว
“เฮ้พวกคุณกำลังทำอะไรน่ะ”เฉินหูที่ใจร้อนที่สุด ร้องขึ้นเสียงดังก่อนที่จะเดินเข้าไปทำท่าจะห้าม ไม่ให้พวกเขาค้นห้อง
“หยุด!”ตำรวจหนุ่มยกมือพลักร่างของเฉินหูอย่างแรง ไม่มีการออมแรงแม้แต่น้อย ร่างของเฉินหูก ระเด็นล้มลงไปกองกับฟื้นเสียงดัง
“น้องรอง!/พี่รอง!”พวกเขาร้องอย่างตกใจ ก่อนที่จะเข้าไปปะคองร่างของเฉินหูขึ้นมา ตอนนี้ใบหน้าของเฉินหูแสดงความเจ็บปวดอย่างมาก
“คุณกำลังทำอะไร! ทำไมต้องลงมือทำร้ายพวกเราด้วย”หวังเสี่ยวเปา ยืนตัวขึ้นขวางใบหน้าของเขาเคร่งเครียด
“หึ เขาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ผมแค่ตักเตือนเท่านั้น”ตำรวจหนุ่มยักไหล่ หัวเราะเสียงเย็น
หวังเสี่ยวเปากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เขารู้สึกสมเพชตัวเองที่อ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องน้องร่วมสาบานของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ หรือตอนที่โดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามแก๊ง เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จิวโมไป๋ที่กำลังตรวจอาการเฉินหูอยู่ เขาลอบจดจำใบหน้าของตำรวจหนุ่ม ด้วยแววตาเย็นชา
“พอได้แล้ว”หญิงสาวกล่าวขัดขึ้นเสียงเย็น เธอตวัดตามองตำรวจหนุ่มด้วยดวงตาคมกริบ
ตำรวจหนุ่มรีบหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะหันมาพูดอธิบายเสียงเรียบ
“หวังเสี่ยวเปา เฉินหู อูเหวิน พวกเธอทั้งสาม ถูกเรียกตัวไปสอบสวนที่สถานนี้ตำรวจ เพราะได้มีส่วนร่วมกับ การเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่โรงงานร้างนอกเมือง ไม่ต้องห่วงพวกเราแค่จะสอบถามอะไรบางอย่างเท่านั้น”
ทั้งสามแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ขัดขืน ยอมตามพวกเขาไปแต่โดยดี เฉินหูประคองร่างลุกขึ้นแม้จะเจ็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
ตำรวจทั้งสี่ค้นทั้งห้องก็ไม่เจออะไร ก่อนที่จะกลับมายื่นอยู่ด้านหลังตำรวจหนุ่ม
ตำรวจหนุ่มมองไปทางหญิงสาว เมื่อเธอไม่พูดอะไร เขาก็พยักหน้าเบาๆ
“ไปกันเถอะ”
“เดียวก่อน ผมขอไปด้วย”จิวโมไป๋พูดขึ้น
ตำรวจหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจ
“น้องเล็ก ไม่ต้องตามมาหรอก ถ้ามีอะไรเดียวฉันจะติดต่อไปหา”หวังเสี่ยวเปาพูดขึ้น เขาไม่อยากให้ตำรวจบ้านี่ ลงมือทำร้ายน้องเล็กที่ร่างกายอ่อนแอ
จิวโมไป๋พยักหน้าแผ่วเบา
เมื่อคนทั้งหมดออกจากห้องแล้วจิวโมไป๋ก็ถอนหายใจยาว
“ลงมือกันรวดเร็วจริงๆ สมแล้วที่เป็นองค์กรลับของประเทศ”
จิวโมไป๋เดินมานั่งบนเตียงแล้วเปิดดูฟอรั่มข่าว
ทันทีที่เปิดก็เจอข่าวเกี่ยวกับการหายไปของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอย่างลึกลับ
ในหน้าข่าวมีภาพของผู้บ่มเพาะจำนวนมาก อยู่ในสภาพอ่อนแรงใบหน้าซีดขาว ท่่าทางหวาดกลัวราวกระต่าย พวกเขาต่างก็นั่งหรือนอนบนพื้นดินของโรงงานร้างที่ว่างเปล่า
โดยที่รอบด้านไม่มีม่านหมอกสีเทาเหลืออยู่เลย
คอมเม้นต์