ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 42
สองพี่น้องพากันเดินมาถึงส่วนด้านในสุดของงานเทคโนโลยีโลกอนาคต มันถูกแบ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของอาคาร ตรงกลางด้านในสุดมีเวทีขนาดใหญ่มีการฉายภาพโฮโลแกรมจอยักษ์ ในตอนนี้ด้านบนเวทีมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและหญิงสาวหน้าตางดงาม กำลังทำหน้าที่เป็นพิธีกรบรรยายเปิดงานทดสอบโลกเสมือนครั้งจริงครั้งที่ 5
ด้านหน้าเวทีถูกจัดไว้เป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นที่นั่งยกสูงถูกจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่นั่งส่วนนี้มีไว้สำหรับผู้มีอิทธิพล นักวิชาการ นักลงทุนรายใหญ่ หรือเจ้าของบริษัทโลกเสมือนชั้นนำของประเทศ
ส่วนที่สองจะอยู่รอบเวที สำหรับผู้เข้าชม ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากกำลังยืนชมอย่างตั้งใจ
“ขอตอนรับทุกท่านเข้าสู่งานทดสอบโลกเสมือนครั้งจริงครั้งที่ 5 ในตอนนี้เทคโนโลยีโลกเสมือนได้มีการพัฒนามาถึงครั้งสำคัญ…”
พิธีกรสาวบนเวทีกล่าวเปิดงานด้วยน้ำเสียงไพเราะ ภาพโฮโลแกรมบนเวทีก็ฉายภาพโลกเสมือนจริงที่ดูเหมือนโลกจริงอย่างมาก ธรรมชาติที่งดงาม อาคารบ้านเรือนในยุคสมัยต่างๆ การดำเนิดชีวิตของผู้คน… ภาพไฮไลท์ผ่านไปอย่างช้าๆพร้อมเสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้ภาพในโฮโลแกรมดูมีชีวิตชีวาน่าสนใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง พิธีกรชายก็พูดถึงการพัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือน ตั้งแต่ยุคแรกที่ยังเป็นแค่ภาพ VR ที่ต้องใช้เมาส์และคีย์บอร์ดควบคุมการเคลื่อนไหวสิ่งต่างๆ และการพัฒนาของโลกเสมือนตามแต่ละยุคสมัย
จนถึงปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีสั่งการคลื่นสมองได้ประสบความสําเร็จ มันเป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการใช้ความคิดในการสั่งงาน โดนจะมีอุปกรณ์ขนาดเล็ก ติดอยู่บนศีษระเพื่อเป็นตัวช่วยในการตรวจจับความคิด และใช้มันส่งคำสั่งจากคลื่นสมอง
เทคโนโลยีสั่งการคลื่นสมอง ในตอนนี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะในการใช้งาน แต่ในอนาคตมันจะพัฒนาให้มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็เป็นได้
แม้จะเป็นเพียงความสำเร็จก้าวเล็กๆ แต่มันก็ส่งผลให้เทคโนโลยีโลกเสมือนได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยเทคโนโลยีสั่งการคลื่นสมองทำให้เมื่อเชื่อมต่อกับโลกเสมือน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรสั่งการเคลื่อนไหวอีกต่อไป เพียงแค่ใช้ความคิด ก็สามารถเคลื่อนไหวในโลกเสมือนที่สร้างได้อย่างอิสระ
ทำให้เหมือนเข้าไปอยู่ในอีกโลกอย่างแท้จริง
แต่ข้อเสียของมันคือ สมองจะได้รับภาระหนัก ทำให้ใช้งานโลกเสมือนได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง สมองจะเริ่มเกิดความเมื่อยล้า ต้องพักสมองอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงถึงจะใช้งานโลกเสมือนได้อีกครั้ง
“ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีสังการคลื่นสมอง พัฒนาจนถึงขั้นที่นอนหลับก็สามารถใช้ความคิดในการสั่งงานได้ โลกเสมือนจริง จะกลายเป็นโลกที่ 2 ของมนุษย์อย่างแท้จริง เพราะเราสามารถเข้าไปใช้ชีวิตในโลกเสมือน ในขณที่ร่างกายได้พักผ่อน เวลาของเราจะเพิ่มขึ้นอีกหลายชั่วโมง…”
จิวโมไป๋ยืนฟังพิธีกรพูดถึงการพัฒนาโลกเสมือนในอนาคต ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
ทำไมเขาลืมไปได้นะ
อีก 10 ปีข้างหน้าโลกเสมือนที่แท้จริงจะถูกสร้างขึ้น และใช้เวลาอีก 10 ปีต่อมาโลกเสมือนจริงจะกลายเป็นโลกที่ 2 ของมนุษย์ เป็นสถานที่ที่มนุษย์ทุกคนขาดไม่ได้
มีคนกล่าวว่าเจ้าของโลกเสมือนคือพระเจ้าของโลกอีกใบ ซึ่งมันเป็นความจริง เพราะทุกคนบนโลก ต่างก็ใช้โลกเสมือนจริงกันทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือคนชรา ก็ต้องการเข้ามาอาศัยอยู่ในโลกเสมือนที่สะดวกสบาย แม้จะเป็นช่วงนอนหลับไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
โลกเสมือนจริงถูกสร้างขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ นอกจากโลกเสมือนหลักที่ให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อน พบปะผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกและทำกิจกรรมต่างๆแล้ว มันยังมีโหมดโลกเสมือนต่างๆอีกมากมาย ให้ผู้ใช้บริการได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโหมดสถานที่ท่องเที่ยว ตลาดการค้าที่รวบรวมสินค้าทั้งหมดบนโลกและต่างมิติ โหมดสนามรบและโหมดต่อสู้ที่ให้ผู้บ่มเพาะพลังสามารถใช้ในการฝึกฝน หรือเกมส์เสมือนจริง…
พูดได้ว่าภายในโลกเสมือนจริงมีทุกอย่างให้เราได้ทำตามสิ่งที่ต้องการ ไม่เหมือนโลกภายนอกที่เราต้องยึดติดกับความเป็นจริง
ในอนาคตจะมีโลกเสมือนจริงเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่มีเพียงโลกเสมือนจริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าโลกที่ 2
โลกเสมือน DAIA
เป็นโลกเสมือนจริงที่มีความเหมือนจริงถึง 98% แทบไม่มีความแตกต่างจากโลกจริง หยาดน้ำค้างบนใบหญ้า อากาศ สายลม แสงแดด เงา เศษฝุ่นละออง… ทุกอย่างล้วนเหมือนจริงไม่มีความแตกต่างจากโลกจริงๆ
สำหรับ 1% ที่ขาดคือส่วนที่ต้องออกมาทำกิจกรรมในโลกภายนอก
อีก 1% ที่เหลือก็คือ โลกยังถูกควบคุมจากภายนอกโดย ผู้สร้าง ทำให้ผู้คนยังมีความคิดส่วนเล็กๆ ที่ทำใจเชื่อไม่ได้ว่าโลกเสมือนคือโลกจริง มันจึงไม่สามารถเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบ 100%
เมื่อพิธีกรอธิบายประวัติความและอนาคตของเทคโนโลยีโลกเสมือนจบ พิธีกรก็เชิญบริษัทโลกเสมือนชั้นนำ ขึ้นมาบนเวทีเพื่อแสดงผลงาน ผ่านหน้าจอโฮโลแกรมขนาดยักษ์ ซึ่งแต่ละบริษัทต่างก็แสดงภาพโลกเสมือนที่ดูเหมือนจริงอย่างมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าโลกที่ 2 ที่แท้จริง บริษัทอื่นๆต่างก็พลัดกันขึ้นมาบนเวที ทุกๆคนก็แสดงโลกเสมือนที่คล้ายๆกัน เป็นโลกเสมือนที่ดูสมจริงเพียงเท่านั้น…
มันเหมือนโลกที่เขียนขึ้นด้วยโปรแกรมให้ดูสมจริง ไม่มีจิตวิญญาณที่แท้จริง ทำให้มันยังไม่ได้เป็นโลกเสมือนที่แท้จริง
จนการแสดงผลงานจบลง ก็มีการเชิญชวนให้ผู้เข้าชม ได้ไปทดลองใช้งานโลกเสมือนจริง ผ่านหมวกเฮดเกียร์ ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีสั่งการคลื่นสมองและเทคโนโลยีโลกเสมือน รูปร่างของมันคล้ายหมวก VR ในยุคก่อน
ทันทีที่พิธีกรพูดจบ ผู้คนก็มุ่งตรงไปที่โซนของบริษัทโลกเสมือนชั้นนำ ในเวลาไม่นานต่างก็มีผู้คนเข้าไปกันอย่างหนาแน่น
จิวเสวี่ยเหม่ย สนใจที่จะเข้าไปเล่นภายในโลกเสมือน ตั้งแต่ดูการแสดงผลงานแล้ว เธอดึงแขนให้จิวโมไป๋เบาๆเพื่อให้เขาเข้าไปในงาน
“พี่ชายเร็วเข้า เดี๋ยวไปเล่นไม่ทัน”
เขาเดินตามแรงดึงของเด็กสาว อย่างเหม่อลอยเล็กน้อย เมื่อเห็นงานแสดงโลกเสมือนจริงแล้ว ความรู้สึกในอดีตที่ขาดหายไปค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่ไม่นานเขาก็ลบมันออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีเวลาที่จะทำตามความฝันในอดีตอีกแล้ว
จิวโมไป๋แสดงสีหน้าจริงจังขึ้น แม้เขาจะไม่อาจทำความฝันได้ด้วยตัวเอง เขาก็ยังสามารถเป็นเจ้าของมันได้ ถ้าเขาสามารถดึง ผู้สร้าง มาเป็นคนของเขาได้ล่ะก็…
เขาจำได้ว่าในตอนนี้ ผู้สร้าง ยังเป็นแค่ พนักงานเทคนิคธรรมดาเท่านั้น แต่เขาจำไม่ได้ว่าผู้สร้างทำงานที่บริษัทโลกเสมือนอะไร
ความทรงจะดูเหมือนจะเลือนลาง เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะถอนหายใจแผ่วเบา น่าเสียดายที่ในอดีต เขาไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไรเลยเพราะปัญหาของครอบครัว เมื่อขึ้นปี 2 หลังจากฟื้นฟูตำหนักยุทธ เขาก็ย้ายไปเรียนสาขาบ่มเพาะพลัง ทิ้งความสนใจทั้งหมดในโลกเสมือนและแทบจะไม่สนใจมันอีก
จนกระทั้งในวันที่โลกเสมือนที่แท้จริงถูกสร้าง เขาก็เป็นแค่ 1 ใน ผู้ใช้บริการเท่านั้น ไม่ได้สนใจที่จะศึกษามันเลยแม้แต่น้อย
จิวเสวี่ยเหม่ยพาเขา มาถึงโซนของบริษัทโลกเสมือนชั้นนำแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมุ่ยหน้าไม่พอใจเพราะแถวรอคิวยาวเหยียด เธอจึงพาเขาเดินไปที่โซนอื่นๆ
ในระหว่างที่เดินไปรอบๆ จิวโมไป๋ก็นึกชื่อและใบหน้าของผู้สร้างได้ แต่ใบหน้าที่เขาจำได้เป็นผู้สร้างในวัยกลางคนแล้ว มันเกือบจะไร้ประโยชน์ การตามหาบุคคลที่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อเสียง และเป็นเพียงพนักงานธรรมดา ที่แม้แต่คนในบริษัทเดียวกันก็อาจจะจดจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ มันก็เหมือนกับการหาก้อนหินเล็กๆในบ่อทราย ที่รู้ว่ามีแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มหายังไง จะให้ไล่ถามไปทีละคนก็ไม่ได้
ภายในงานทดสอบโลกเสมือนครั้งที่ 5 นอกจากโซนของบริษัทชั้นนำแล้ว รอบนอกยังมีแบ่งโซนขนาดกลางและเล็กอีกจำนวนมาก เพื่อให้บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือนได้แสดงผลงาน เพื่อหานักลงทุน สนับสนุนในการพัฒนาโลกเสมือนของตัวเอง
แม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นเหมือนบริษัทชั้นนำ ที่พัฒนาเทคโนโลยีโลกเสมือนไปไกลแล้ว แต่พวกเขาก็เป็นหนุ่มสาวที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีนักลุงทุนไม่น้อยที่อยากจะลองเสี่ยงลงทุน แม้ในอนาคต จะไม่สามารถเป็นบริษัทโลกเสมือนชั้นนำ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่า บริษัทที่จะเปิดใหม่ในปีต่อๆไป
แม้โซนรอบนอกจะไม่คึกคักเท่าโซนด้านใน แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินดูอยู่รอบๆ
การตามหาคนแค่ 1 คนในนี้ มันยากเกินไปจริงๆ ในตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจ ถ้าเขาติดตามข่าวสารบ้างมันคงจะหาง่ายกว่านี้ ได้แต่พึ่งโชคชะตาเท่านั้น ถ้าหาผู้สร้างไม่ได้จริงๆ เขาก็คงต้องหาผู้มีความสามารถคนอื่น มาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับโลกเสมือนที่เขารู้ทั้งหมดให้อีกฝ่าย เพื่อสร้างโลกเสมือนของตัวเองขึ้นมา
แต่ติดตรงที่ความรู้เกี่ยวกับโลกเสมือนของเขาไม่เจาะลึกนัก ถ้าเขาลงมือสร้างโลกเสมือนจริงๆ มันต้องใช้เวลาในการทดสอบและเงินจำนวนมากในการสร้าง…
“พวกเราไปเดินดูโซนรอบนอกกันดีกว่า”จิวโมไป๋ก้มลงกระซิบบอกเด็กสาวก่อนที่จะพากันเดินดู โซนรอบนอก
จิวเสวี่ยเหม่ยยอมเดินตามแต่โดยดี เธอมองไปด้านหลังด้วยตาละห้อยเล็กน้อย
เวลาผ่านไปช้าๆสองพี่น้องก็เดินวนไปหนึ่งรอบ จิวเสวี่ยเหม่ยในตอนนี้เหนื่อยเล็กน้อย ทำให้ความกระตือรือร้นลดลงอย่างมาก จิวโมไป๋จึงพาเด็กสาวมานั่งพักที่นั่งที่ถูกจัดไว้ให้
“โอ๊ยย ปวดขาไปหมดแล้ว”เด็กสาวทิ้งตัวลงนั่งแกว่งขาไปมา พลางบ่นอุบอิบไม่พอใจ เธอเขม่งมองพี่ชายที่ทำตัวแปลกๆ จิวโมไป๋ได้แต่ยิ้มขอโทษ ออกไปหาซื้อน้ำมาให้เด็กสาว
ในใจรู้สึกอับจนเล็กน้อยดูถ้าโชคของเขาจะหมดจริงๆ ที่ไม่สามารถหาผู้สร้างได้ สุดท้ายเขาคงต้องสร้างโลกเสมือนด้วยตัวเองจริงๆ แต่จะหาผู้ช่วยที่มีความสามารถได้จากที่ไหน?
เขาอยากได้คนที่มีความสามารถและเป็นเจ้าของวิธีการสร้างโลกเสมือนที่แท้จริงอย่าง ผู้สร้าง มากกว่า เพราะเขาไม่ต้องสอนอะไรมากนัก ผู้สร้างก็สามารถพัฒนาโลกเสมือนที่แท้จริง ไปตามทางที่มันควรจะเป็น…
จิวโมไป๋ซื้อน้ำผลไม้ที่เด็กสาวชอบก่อนที่จะเดินกลับ
พอเดินมาถึงที่นั่งพัก เขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะตอนนี้ จิวเสวี่ยเหม่ยกำลังพูดคุยกับหญิงสาวอายุรุ่นเดียวกับเขาอยู่ด้วยท่าทางสดใสร่าเริง เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเขาก็จำได้ทันที
ถังซื่อเหยา หลานสาวของผู้นำตระกูลถังที่เขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้โดยบังเอิญ…
—–
ใครที่เบื่อคำอธิบายยาวเหยียดจนปวดหัวจากไม่กี่ตอนที่ผ่านมาและการเดินเรื่องที่ดูจะช้ามาก
หลังจากตอนนี้ ผู้อ่านสามารถอ่านนิยายเรื่องนี้ได้อย่างสะบายใจ เพราะการเดินเรื่องจะเร็วมากขึ้น เพราะผมเขียนปูเนื้อเรื่องไว้เกือบหมดแล้ว ทำให้ไม่ต้องเขียนใส่ข้อมูลทีละมากๆให้ปวดหัวอีก
ขอบคุณที่ติดตามครับ^^
คอมเม้นต์