ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 51
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้า ฟึ่บ โคมไฟโบราณบนเสาอาคารพลันถูกจุดขึ้น ทำให้เกิดแสงสว่างทั่วทั้งสวน บรรยากาศมืดมิดกลายเป็นอบอุ่นขึ้น ภายในศาลากลางน้ำ หนึ่งชายชราหนึ่งชายหนุ่ม กำลังเดินหมากอย่างช้าๆ ระหว่างนี้ปากของชายชราก็พูดอธิบายการเดินหมากไม่หยุด
จิวโมไป๋ยิ้มสุภาพราวกับนักเรียนดีเด่น เขาเดินหมากตามจุดที่ชายชราสั่งสอน โดยไม่ขาดตกบกพร่อง เวลาค่อยๆไหลผ่าน ไม่ทันตั้งตัวดวงจันทร์สีเหลืองนวลก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ยิ่งเวลาผ่านไปชายชราก็ยิ่งขมวดคิ้วขึ้น ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา
นอกศาลาถังเจิ้งเฟย จ้องการเดินหมากของทั้งคู่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ถังซื่อเหยาเดินประคองถาดใส่แก้วน้ำชา จากตัวอาคารโบราณ มาถึงศาสากลางน้ำ เธอก็ค่อยๆวางแก้วน้ำชา ให้กับถังเทียนเหวินกับจิวโมไป๋อย่างเบามือ ก่อนที่เธอจะเดินมาอยู่ข้างถังเจิ้งเฟย และมองกระดานอย่างเงียบงัน ทุกครั้งที่จิวโมไป๋วางหมาก เธอจะจับสังเกตสีหน้าและท่าทางของเขาไม่คาดสายตา
หมากบนกระดานค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเต็มกระดาน ชายชราก็หยุดลง เขามองกระดานหมากด้วยแววตาครุ่นคิดยากที่จะบรรยาย
“เจิ้งเฟย ซื่อเหยา หลานทั้งสองออกไปก่อน ปู่มีเรื่องจะพูดกับพ่อหนุ่มคนนี้ซักครู่”ถังเทียนเหวินกล่าวแผ่วเบา แต่ก็สามารถทำให้ทั้งสองได้ยิน ก่อนที่พวกเขาจะก้มหัวและออกจากสวนแห่งนี้ไป
ถังเทียนเหวินมองสบตาจิวโมไป๋นิ่ง เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ แก้วน้ำชาที่ไม่มีใครแตะต้อง ค่อยๆเย็นลงเล็กน้อย
“ท่านผู้อาวุโสอยากจะถามอะไรก็ถามมาเถอะ ถ้าผมตอบได้ผมจะตอบ”จิวโมไป๋พูดขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบงัน เขารู้ตัวเองดีว่าไม่อาจปกปิดอะไรชายชราเบื้องหน้าได้ ท่าทางของเขาในตอนนี้ดูเหมือนจะมีพลังงานบางอย่างห่อหุ่ม ทำให้เขาดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ถังเทียนเหวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าแผ่วเบา
“ฉันต้องขอโทษ พ่อหนุ่มด้วย ที่ฉันสืบประวัติของเธอ และขอโทษที่หลานชายตัวดีของฉันที่สร้างความยุ่งยากให้กับเธอ เมื่อสองวันก่อนและเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้”ถังเทียนเหวินเอ่ยขอโทษที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ก่อนที่ชายชราจะเริ่มเข้าเรื่อง
“เมื่อวันที่เธอช่วยรักษาฉัน เธอคงรู้แล้วสินะว่าฉัน…”
“ผู้อาวุโสแกล้งทำเป็นถูกวางยาพิษสินะครับ”จิวโมไป๋พูดขึ้นแทน ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ รสขมหวานทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง เป็นชาที่อัดแน่นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ เพียงแค่ดื่มเพียงเล็กน้อย ตำหนักยุทธของเขาก็ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง เขาพยักหน้าพอใจ
“ฮ่าๆ ฉันชื่นชมเธอจริงๆ ในตอนนั้นฉันไม่คิดว่าเธอจะแก้พิษได้ง่ายๆเพียงไม่กี่อึดใจ จนฉันเองก็เผลอตกใจอยู่เหมือนกัน”ถังเทียนเหวินหัวเราะเสียงดัง เขาไม่โกรธเคือง ท่าทางของชายหนุ่มแม้แต่น้อย เมื่อได้หัวเราะใบหน้าของชายชราดูมีสีสันขึ้น บรรยากาศโดยรอบดูเป็นกันเองขึ้นหลายส่วน
ใบหน้าของจิวโมไป๋ประดับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ท่าทางสงบนิ่งไม่ร้อนใจ แต่ในใจลอบกังวล โชคดีที่เขารู้ถึงอีกตัวตนของชายชรา ทำให้เขาไม่กลัวว่าจะถูกทำร้ายอย่างไร้เหตุผล
เขาพลันนึกถึง ในขณะที่เขากำลังใช้พลังจิตวิญญาณทะลวงโลหิตอุดตันของอีกฝ่าย เขาพบว่าระดับการบ่มเพาะของชายชราสูงส่งอย่างมาก ไม่มีทางที่จะถูกยาพิษธรรมดาเพียงแค่นี้ทำให้เสียชีวิตได้
เขาถึงได้รู้ตัวว่า เขาได้ไปยุ่งเรื่องไม่ควรยุ่งเข้าเสียแล้ว แม้ว่าเขาจะพยายามหลบออกมา แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะทำให้เขา ต้องมาเกี่ยวข้องกับคนตระกูลถังอยู่เสมอ
เมื่อถังเทียนเหวินไม่ถามว่า เขาสามารถรักษาตนเองได้ยังไง เขาก็เบาใจนั่งเงียบๆอย่างสงบ
“พ่อหนุ่มคิดว่าตระกูลถังในเวลานี้เป็นยังไง”ถังเทียนเหวินถามขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป ท่าทางของชายชราดูนิ่งสงบ เหมือนไม่ได้ถามถึงตระกูลของเขาเอง
“ผู้อาวุโส ผมขอโทษที่ต้องบอกว่า ผมไม่รู้อะไรเกีี่ยวกับตระกูลถังเลยแม้แต่น้อย”จิวโมไปก้มหัวเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตา
“อ่อ…”ชายชราลากเสียงยาว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นใหม่”ฉันคงถามผิดไป เธอคิดว่าโลกในยุคสมัยนี้เป็นยังไง”
จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะมองออกไปนอกศาลา เห็นแสงไฟจากตึกสูงที่อยู่ไกลออกไป
“คำถามของผู้อาวุโส ดูเหมือนจะยากเกินกว่าที่ผมจะพูดออกมาได้ทั้งหมด ผมขอตอบสั่นๆตามที่เข้าใจ หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่โกรธเคือง”จิวโมไป๋หันมาสบตาชายชราก่อนที่จะกล่าว
“รากของปัญหาค่อยๆก่อตัวรอวันที่จะถล่มทลายจนพินาศหมดสิ้น”
ชายชรานิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก เขายกนิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ จิตวิญญาณโลดแล่นไปในที่สถานที่ไกลแสนไกล
“พ่อหนุ่ม สนใจจะเข้าร่วมสำนักของฉันไหม”จู่ๆถังเทียนเหวินก็พูดขึ้น
“ขอโทษผู้อาวุโสด้วย ผมไม่คิดที่จะเข้าสำหนักไหนทั้งนั้น”จิวโมไป๋กล่าวปฏิเสธ ไม่มีอ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ…น่าเสียดาย”ถังเทียนเหวินส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะปล่อยให้ความเงียบค่อยๆปกคลุม
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง สองพี่น้องฝาแฝดก็กลับมา
“จิ้นเฟยพาพ่อหนุ่มคนนี้กลับดีๆ อย่าให้เกิดอันตรายกับเขาเด็ดขาด”ถังเทียนเหวินสั่งหลานชายตัวเองจบ เขาก็นั่งหลับตาลง
ถังเจิ้งเฟย หันมายิ้มให้จิวโมไป๋ ท่าทางของเขาดูเป็นมิตรกว่าเดิมอย่างมาก
“เชิญ”
จิวโมไป๋หันไปก้มหัว บอกลาชายชราก่อนที่จะเดินตามถังจิ้นเฟยไป
ทิ้งให้ปู่และหลานสาวอยู่ด้วยกันสองคน
“หลานคิดว่าเขาเป็นคนยังไง”ถังเทียนเหวินถามขึ้น
“เป็นผู้ชายที่คิดและทำเป็นระเบียบถี่ถ้วน แต่…ดูเหมือนว่าเขาจะระวังตัวจนมากเกินไป”ถังซื่อเหยาคิดไม่นานก็ตอบออกมา
“ฮ่าๆ เป็นชายหนุ่มที่ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ ท่าทาง การวางตัว แม้พรสวรรค์การบ่มเพาะพลังจะไม่มากนัก แต่เขาก็สามารถเป็น ศิษย์ในของสำนักได้ น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าร่วมสำนักของเรา”
ถังซื่อเหยาเงียบไม่พูดอะไร
ถังเทียนเหวินคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มคนนี้ จะบังเอิญได้รับโชคดีบางอย่างหรือได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ที่มีความสามารถ ทำให้เขาสามารถฟื้นฟูตำหนักยุทธได้ และได้รับวิชาที่แปลกประหลาด เมื่อคนเราผ่านคราวเคราะห์ ได้สำเร็จจะเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะจิตใจจนกล้าแกร่ง
เมื่อครู่ปู่ทดสอบเขาแล้ว ถึงเขาจะพยายามทำเหมือนกับว่าตัวเอง ไม่สามารถสัมผัสถึงค่ายกลได้เลย แต่การแสดงของเขานั้น…มองออกง่ายจนเกินไป ปู่ดูแล้วพรสวรรค์ค่ายกลของเขา น่าจะอยู่ในระดับยอดเยี่ยม น่าเสียดายจริงๆ”ถังเทียนเหวินพูดน่าเสียดายติดๆกันอีกครั้ง บ่งบอกว่าเขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
ถังซื่อเหยาเพียงยิ้มบางเบาไม่พูดอะไร
‘รากของปัญหาค่อยๆก่อตัวรอวันที่จะถล่มทลายจนพินาศหมดสิ้น’
ชายชรานึกถึงคำตอบที่ได้จากชายหนุ่ม เขาเข้าใจความหมายของมันได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดใคร่ครวญ เพราะมันเหมือนกับที่เขาคิดไม่มีผิด…
“นอกจากหลานแล้ว คนอื่นๆล้วนไม่ได้เรื่อง ถังหมิงหยุนนิสัยก้าวราวไม่มีหัวคิด ถังเจิ้งเฟยถึงจะเป็นคนที่ฉลาดรู้จักวางตัว แต่จิดใจคับแคบ ไม่หนักแน่น คนอื่นๆก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง มีแต่ลูกหลานล้างผลาญทั้งนั้น… แค่สมัครเป็นศิษย์นอกของสำนักผีเสื้อดารา ก็ยังไม่มีสิทธิ์เสียด้วยซ้ำ
ส่วนเจ้าเด็กคนนั้น… พรสวรรค์ นิสัย และจิตใจ ล้วนแล้วแต่ดีเยียม เหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลถังมากที่สุด หรือถ้าได้เข้าสำนักก็อาจได้เป็นศิษย์หลัก เหมือนกับหลาน แต่น่าเสียดายที่เขาเห็นว่าพวกเราทำผิดกับครอบครัวของเขา เห็นพวกเราเป็นศัตรู” ถังเทียนเหวินกล่าวอย่างเหม่อลอย แววตาฉายให้เห็นร่องรอยของความโศกเศร้า
ถังซื่อเหยายืนเงียบไม่พูดอะไร เธอถอนหายใจแผ่วเบา เธอและคุณปู่เป็นเพียงสองคนเท่านั้น ที่มองตระกูลถังอยู่จากวงนอก ทำให้เห็นถึงความเน่าเสียของตระกูลตัวเองอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะคนรุ่นเดียวกับเธอ…
คอมเม้นต์