ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 64

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 64 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ออกเดินทาง

หลังจากถ่ายทอดเคล็ดบ่มเพาะพลังให้กับทั้งสามคนแล้ว จิวโมไป๋ก็นั่งสมาธิบ่มเพาะจิตวิญญาณอยู่ด้านข้าง รอให้ทั้งสามสร้างตำหนักยุทธจนเสร็จ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หวังเสี่ยวเปาเป็นคนแรกที่ลืมตาขึ้น

“สุดยอด! แค่สร้างตำหนักยุทธขึ้นใหม่ ยังไม่ได้รวบรวมหยดปราณ แต่ร่างกายกับแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้”ไม่ทันได้พูดจบหวังเสี่ยวเปาก็ลองขยับร่างกายไปมา เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปด้วยพลัง

คนต่อมาที่สร้างตำหนักยุทธสำเร็จเป็นอูเหวิน ผิดจากที่จิวโมไป๋คาดเอาไว้ เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอีกฝ่าย ดูแล้วการที่เขาให้เคล็็ดบ่มเพาะอาภรณ์สายลมแก่อูเหวิน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างแท้จริง

คนสุดท้ายเป็นเฉินหู ทันทีที่ลืมตาขึ้นเขาก็ผุดลุกขึ้น ก่อนที่จะชกหมัดไปมา ทุกครั้งที่ออกหมัดจะทิ้งเสียงแหวกอากาศดังไปทั้ว เป็นหมัดที่รุนแรงและทรงพลังจนน่ากลัว

ทั้งสามคนหัวเราะตื่นเต้น ก่อนที่จะสงบอารมณ์ได้และหันมาพูดขอบคุณจิวโมไป๋

“ขอบใจนายมากน้องเล็ก ฉันสามารถรู้ได้เลยว่า ตอนนี้ร่างกายของฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่ได้ทำลายตำหนักยุทธเสียอีก”เฉินหูชกหมัดไปมาไม่เลิก เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของเขาได้

“คิดถูกจริงๆที่เชื่อน้องเล็ก แค่เปลี่ยนการบ่มเพาะใหม่ ฉันรู้ได้เลยว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังที่ฝึก เหมาะกับฉันมากกว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังเดิมหลายเท่า”อูเหวินพูดช้าๆ สายตาจับจ้อง การขยับมือของตัวเองอย่างไม่คาดสายตา เหมือนกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่าง ที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้

เห็นท่าทางของอูเหวิน จิวโมไป๋ก็ตกใจ เขาใช้จิตสัมผัสไปที่มือของอูเหวิน เขามองเห็นการสั่นไหวของอากาศเบาๆตรงปลายนิ้วได้

อัจฉริยะระดับตำนาน!!! แค่สร้างตำหนักยุทธขึ้นใหม่ อูเหวินก็สามารถสัมผัสกฏแห่งลมได้แล้ว

จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขารู้อยู่แล้วว่าความเข้าใจกฏแห่งลมของอูเหวินนั้นน่ากลัวอย่างมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถสัมผัสกฏแห่งลมได้ทันที ที่สร้างตำหนักยุทธอาภรณ์สายลมขึ้นมา!

กฏแห่งธาตุ เป็นสิ่งที่ล้ำลึกยากที่คนจะเข้าใจ มันเป็นเส้นแบ่งระหว่างผู้บ่มเพาะพลังธรรมดากับผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริง

ความยากในการเข้าใจกฏแห่งธาตุนั้นไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ในระดับปราณกำเนิด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจกฏแห่งธาตุ พวกเขาเหล่านี้ถูกเรียกว่าผู้มีความสามารถ

ในการที่จะเลื่อนระดับปราณกำเนิดไปเป็นปราณปฐพี อย่างน้อยต้องเข้าใจกฏแห่งธาตุ 1 ชนิด ถ้าไม่สามารถเข้าใจกฏแห่งธาตุได้ จะต้องติดอยู่ที่ขึ้นปราณก่อกำเนิดตลอดไป

ในอีกร้อยปีข้างหน้า มีผู้บ่มเพาะในระดับปราณกำเนิดหลายหมื่นล้านคน แต่มีผู้บ่มเพาะปราณปฐพีแค่หลักแสนคนเท่่านั้น

ถ้ามีคนที่สามารถเข้าใจกฏแห่งธาตุ ในขณะที่อยู่ในขั้นสร้างฐาน พวกเขาคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ!

สำหรับจิวโมไป๋ เขามีสายเลือดมังกรพายุอัสนี เขาสามารถเข้าใจกฏแห่งลมและสายฟ้าได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ

แต่เขาเลือกที่จะฝึกเคล็ดบ่มเพาะเตาหลอม 9 สุริยัน ที่สนับสนุนธาตุไฟและไม้ และตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น ที่สนับสนุนธาตุความมืดและแสงสว่าง

เพราะความหลากหลายของพลังธาตุที่เขาสามารถใช้ได้ ทำให้เขายังไม่สามารถสัมผัสกฏแห่งธาตุได้

เขาสามารถสร้างตำหนักยุทธได้หลายหลัง ทำให้เขาสามารถเลือกที่ทำความเข้าใจกฏแห่งธาตุได้โดยไม่มีขีดจำกัด แต่…เขาจะสามารถเข้าใจกฏแห่งธาตุหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความพยายามของเขาเอง

แต่อูเหวินสามารถสัมผัสกฏแห่งธาติลม ได้ทันทีที่สร้างตำหนักยุทธ มันเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัว เหนือล้ำยิ่งกว่าอัจฉรินะเสียอีก…

รอทั้งสามคนปรับตัวให้เขากับเคล็ดบ่มเพาะและลดความตื่นเต้นลงแล้ว จิวโมไป๋ก็พูดถึงเรื่องวิชาหลอมร่างกายให้ทั้งสามฟัง

“ในระดับสร้างฐาน การเสริมสร้างร่างกายเพื่อทำให้รากฐานการบ่มเพาะมั่นคง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด…”

พูดอธิบายยาวหลายนาที ทั้งสามคนก็เข้าใจ แววตาของพวกเขาฉายแววชื่นชมโดยไม่ต้องปกปิด

“เหลือเชื่อจริงๆ”อูเหวินพึมพำเสียงเบา

“ฮ่าๆ ฉันบอกแล้วการฝึกร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น พวกนายก็เอาแต่นั่งบ่มเพาะอย่างเดียว ใช้ไม่ได้จริงๆ”เฉินหู หัวเราะเสียงดังอย่างห้าวหาญ

หวังเสี่ยวเปานิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาลูบไขมันบนร่างกายด้วยท่าทางเจ็บปวด

“เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างที่อาจารย์ของน้องเล็กบอกจริงๆ ฉันจะพยายามออกกำลังกาย เสียดายไขมันที่อุส่าสะสมมาหลายปี…”

จิวโมไป๋หัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะถ่ายวิชาหลอมร่างกายให้ทั้งสาม

ในอดีตเขาไม่สนใจวิชาหลอมกายามากนัก เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ฝึก ถ้าไม่มีคนของตระกูลหลง มาขอให้เขาช่วยสร้างวิชาหลอมร่างกาย เขาคงไม่คิิดจะศึกษาพวกมัน ทำให้ในความทรงจำของเขามีเพียงไม่กี่วิชาหลอมร่างกายเท่านั้น

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาพยายามสร้างวิชาหลอมร่างกายให้เหมาะกับพวกพี่ใหญ่ โดยคำนึงถึงสถาพร่างกายและความเข้ากันได้ของเคล็ดบ่มเพาะที่เขาถ่ายทอดให้ทั้งสาม จนเขาได้วิชาหลอมร่างกายที่สามารถใช้ได้

แม้มันจะไม่อาจเปรียบเทียบกับ วิชาหลอมกายามังกรเทวะ แต่มันก็มีประสิทธิภาพเหนือกว่า วิชาหลอมกายาอรหันทองคำ ของสำนักเส้าหลินหลายขั้น…

….

สามวันต่อมา

ภายในเวลาสามวัน เขาสอนการบ่มเพาะพลังและความรู้ต่างๆ ให้แก่ทั้งสามคนอย่างเข้มงวด เพียงแต่สามวัน ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็กลับมาเท่าเดิม ก่อนที่พวกเขาจะทำลายตำหนักยุทธ มันทำให้ทั้งสามตื่นเต้นอย่างยิ่ง

โอสถทั้ง 12 ชนิด มีส่วนช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูทะเลปราณได้รวดเร็ว

ระหว่างที่เขาสอนทั้งสามคน เขาก็แวะเวียนไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับหนิงหานเป่ย และมีบางครั้งเขาก็บังเอิญ พบหยินลั่วปิงและลูกสาวเตี๋ยเสวี่ยเจียว ที่มักจะมาช่วยงานที่ร้าน

ความทรงจำของหยินลั่วปิงค่อยๆ กลับมาอย่างช้าๆ ในตอนนี้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่เธอไม่มีทีท่าว่าจะจากไป เธอมักจะช่วยงานที่ร้านและไปเที่ยวกับแม่ของเขา ตามประสาแม่บ้านที่มีลูกแล้ว

และที่น่าเศร้าคือ น้องสาวของเขาจิวเสวี่ยเหม่ยและเตี๋ยเสวี่ยเจียว พวกเธอสาบานกันเป็นพี่น้อง

ทั้งสองตัวติดกันจนแทบจะไม่แยกออกจากกัน นอกจากเวลาที่จิวเสวี่ยเหม่ยไปโรงเรียน พวกเธอทั้งสองมักจะเล่น กินอาหารและนอนด้วยกัน โดยไม่สนใจเขาที่มาหาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินไปในทันที…

จิวโมไป๋จัดการปัญหาทั้งหลายจนหมด ในช่วงนี้ไม่มีใครมาทำอันตรายครอบครัวของเขา มันเงียบจนน่าแปลก แต่เขาก็พยายามที่จะไม่คิดมาก เพราะเขารู้ถึงเป้าหมายของเซียวหนานจิ้นดี

จิวโมไป๋จองตั๋วรถไฟฟ้าและขึ้นรถไฟฟ้าออกจากเมืองในช่วงเที่ยงของวันที่สี่ โดยที่เขาบอกคนรู้จักว่าเขาออกเดินทางหาประสบการณ์

นั่งรถไฟฟ้าไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงเมืองเล็กๆ ทางทิศตะวันตกของเมืองเทียนซู เรียกว่าเมืองใบไม้ม่วง จิวโมไป๋ออกจากสถานีรถไฟฟ้า เช่ารถโดยสารออกนอกเมืองไปที่หมู่บ้านเล็กๆชื่อหมู่บ้านใบไม้ร่วง

หมู่บ้านใบไม้ร่วง อยู่ติดกับทางเข้าป่าสวรรค์โบราณฝั่งตะวันตก

ทันทีที่จิวโมไป๋ลงจากรถ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานธรรมชาติที่หนาแน่นกว่าในเมือง จนเขาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในหมู่บ้าน

สภาพภายในหมู่บ้านมันไม่ได้เป็นหมู่บ้านที่เก่าและยากจน เหมือนหมู่บ้านอื่นๆในชนบท แต่มีอาคารที่สร้างอย่างดีดูทันสมัย และมีอาคารสูง 7-8 ชั้นหลายสิบหลัง

เมื่อเดินลึกเข้าไปเขาก็พบผู้คนจำนวนมากเดินกันขวักไขว่คึกคัก จิวโมไป๋กวาดตามองรอบเดียวก็สามารถแยก ประเภทของผู้คนได้เป็นสองหลุ่ม คือชาวบ้าน และ คนภายนอก

ชาวบ้านจะใส่เสื้อผ้าธรรมดาไม่เป็นทางการ พวกเขาใช้ชีวิตตามวีถีชีวิตของพวกเขา

คนภายนอกจะแต่งตัวหลากหลายแตกต่างกันไป บ่งบอกถึงอาชีพที่หลากหลาย คนภายนอกที่มีจำนวนมากที่สุดเป็นกลุ่มคนที่มีท่าทางคล้ายนักวิชาการและนักศึกษา

จิวโมไป๋มองกลุ่มคนเดินผ่านไปอย่างเฉยชา เขาไม่แปลกใจอะไรที่จะมีคนมาที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เป็นจำนวนมาก เพราะเขตป่าสวรรค์โบราณทางทิศตะวันตก จะเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยหินและแร่ที่แข็งแกร่ง จนยากที่จะมีป่าไม้เกิดขึ้นได้ ทำให้ป่าสวรรค์เขตนี้มีป่าไม้และสัตว์ป่าน้อยมาก

ภูเขาเหล่านี้มีแร่ธาตุแปลกประหลาดหายากมากมาย แร่บางชนิดอาจมีคุณค่ามหาศาล ที่สามารถทำให้ผู้ค้นพบ กลายเป็นคนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน

ในป่าสวรรค์โบราณเขตนี้ไม่มีสัตว์ป่าอันตราย ทำให้คนธรรมดาสามารถเข้ามาสำรวจได้ โดยไม่เกิดอันตราย

ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาที่หมู่บ้านใบไม้ร่วงเพื่อแสวงโชค โดยเฉพาะคนในหน่วยงานของรัฐที่ต้องการศึกษาหินแร่ต่างๆ พวกเขาได้ส่งคนมาพัฒนาหมู่บ้านให้กลายเป็นเมือง

เพื่อก่อตั้งตั้งศูนย์วิจัยธรณีวิทยา

ในเวลานี้จึงเริ่มมีการพัฒนาหมู่บ้านขึ้นเรื่อยๆ

จิวโมไป๋หาเช่าห้องพักในโรมแรมแถวกลางหมู่บ้าน หาอยู่นานก็ไม่ได้สามารถหาได้ เพราะมีคนจำนวนมากเดินทางมาที่นี่

จิวโมไป๋เข้าไปถามคนข้างทาง เขาก็ได้คำตอบว่าทำไมมีคนเดินทางมาที่นี่มากกว่าปกติ

“มีคนค้นพบเหมืองแร่ประหลาดที่สามารถสร้างแสงไฟได้ เห็นว่ามีแร่พวกนี้จำนวนมาก ผู้คนเลยมาที่นี่เพื่อเข้าไปหาโชค…”

จิวโมไป๋พนักหน้าขอบคุณ ก่อนที่จะเดินออกมา เขาจำได้ลางๆว่ามีคนค้นพบเหมืองแร่ประกายแสงแห่งแรกที่นี่

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ จิวโมไป๋ก็ขมวดคิ้วใช้ความคิด ดูเหมือนว่าเขาจะลืมอะไรบ้างอย่างที่สำคัญมาก

จนกระทั้งเขาสามารถหาห้องเช่าที่โรงแรมเล็กๆในซอยมืดได้ เขาเดินออกจากโรงแรมหลังจากเช่าห้องเพื่อหาอาหาร เขาก็บังเอิญพบกลุ่มคนจำนวนมากกว่า 50 ชีวิต กำลังเดินออกจากอาคารแห่งหนึ่ง เขามองป้ายอาคารก็เลิกคิ้วขึ้น

สำนักงานศูนย์วิจัยธรณีวิทยา (ชั่วคราว)

จิวโมไป๋รีบหันกลับไปมอง กลุ่มคนที่กำลังเดินไปทางออกของหมู่บ้านเพื่อเข้าป่าสวรรค์โบราณอย่างรวดเร็ว เขาก็พบใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนอยู่ในกลุ่ม

ความทรงจำทั้งหมดค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

“นี่มัน…กลุ่มนักวิจัยของศูนย์วิจัยธรณีวิทยา ที่ถูกสังหารอย่างลึกลับ ในระหว่างตรวจสอบแร่ประกายแสงไม่ใช่เหรอ?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด