ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 68
“ผมมีธุระที่ต้องทำ ตอนนี้คงช่วยคุณไม่ได้”จิวโมไป๋ส่ายหน้าบอกปฏิเสธ
ดวงตาเป็นประกายของเนี่ยฟูหานพลันมืดลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
เห็นท่าทางห่อเหี่ยวของอีกฝ่าย จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะให้คำแนะนำอย่างรู้สึกผิด”แต่ถ้าคุณจะไปพนันหยกอีก ภายใน 2-3 วันนี้ คุณไม่ควรพนันผ่าหยก คุณควรจะเล่นพนันทายหยก ว่าภายในก้อนหินมีหยกคุณภาพต่ำลงมาเท่านั้น คุณจะมีโอกาสชนะพนันมากขึ้น”
เนี่ยฟูหานตอนแรกจะพูดถาม แต่พอได้ยินคำแนะนำของจิวโมไป๋ เขาก็เหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง
“บัดซบ! แสดงว่าก้อนหินที่พนันกันทั้งหมด มีแต่หยกคุณภาพต่ำสินะ”เนี่ยฟูหานรู้สึกเหมือนถูกหลอก อารมณ์เดือดดาลที่สงบลงไปแล้วลุกโชนขึ้นอีกครั้ง เขาคิดไปถึงขั้นที่ว่า พวกร้านพนันหยกใช้เครื่องแสกน ตรวจสอบก้อนหินทั้งหมดมาก่อนแล้ว จากนั้นพวกเขาก็เอาแต่ก้อนหินที่มีหยกคุณภาพต่ำมาหลอกพนัน
จิวโมไป๋เงียบไม่พูดอะไรต่อ เนียฟูหานบ่นพึมพำอย่างอารมณ์เสียอยู่ครู่หนึ่ง ก็ใจเย็นลง จากนั้นเขาก็พูดชวนให้จิวโมไป๋กินอาหาร
การกินอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนมากแล้วเนี่ยฟูหานจะเป็นคนชวนคุย เขาซักถามวิธีตรวจสอบหินหยกหลายเรื่อง จิวโมไป๋ก็พูดตอบไม่ปิดบังไปตามที่เขารู้ เพราะเนี่ยฟูหานไม่มีท่าทางรังเกียจหรือทำตัวเย่อหยิ่ง เมื่อพูดคุยกับคนธรรมดา เขาพูดคุยอย่างเป็นกันเองไม่ถือตัว
ทำให้จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะพูดคุยโต้ตอบกับอีกฝ่าย จากเรื่องพนันหินกลายเป็นเรื่องทั่วๆไป ไม่นานก็กลายเป็นพูดคุยกันอย่างถูกคอ…
เวลาผ่านไปถึงบ่ายจิวโมไป๋ก็พูดขอตัวออกไปทำธุระ
“น้องชาย ถ้ามาที่หมู่บ้านนี้อีก ก็ติดต่อมาหาฉันได้เลยนะ ฉันอยู่ที่นี่อีกหลายวัน”เนี่ยฟูหานเดินมาส่งหน้าร้านอาหาร พร้อมพูดกับจิวโมไป๋ด้วยท่าทางสนิทสนม
“ไว้กลับมาที่นี่ฉันจะติดต่อไปหา ขอตัวก่อน”จิวโมไป๋โบกมือลา ก่อนจะเดินไปที่สำหนักงานซื้อขายที่ดินที่อยู่ไม่ไกลนัก
เขาเดินขึ้นไปที่ฝ่ายก่อสร้างและออกแบบ และจ้างช่างก่อสร้าง ช่างซ่อมบํารุง และช่างติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยหลายคน ตามเขาไปที่เกาะโดดเดี่ยว เกาะที่เขาซื้อเมื่อวาน เพื่อปรับปรุงพัฒนาเกาะให้พร้อมที่จะอยู่อาศัย
เมื่อทำสัญญาจ้างงานเสร็จแล้ว เขาก็พาทีมงานพัฒนาเกาะกว่า 100 คน ไปที่จุดรับส่งสินค้าและขึ้นรถบรรทุกขนส่งที่มีของต่างๆที่เขาซื้อ ออกจากหมู่บ้านใบไม้ร่วงไปพร้อมกัน
ระยะทางจากหมู่บ้านใบไม้ร่วงไปถึงเกาะโดดเดี่ยว ประมาณ 200 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่แบกสิ่งของเป็นร้อยๆตัน ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงเกาะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่
จิวโมไป๋มองทางเข้าเกาะ ที่มีเพียงสะพานเส้นเดียวยาวไปถึงตัวเกาะที่มีปราการหินผาสูงใหญ่รอบเกาะ สะพานมีความกว้าง 15 เมตร ยาวกว่า 1 กิโลเมตร สะพานสร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็กคุณภาพสูง ด้านใต้สะพานมีก้อนหินแข็งแกร่งปูไว้อีกชั้น ทำให้โครงสร้างสะพานแข็งแรงทนทาน สามารถทนการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวระดับ 7 ริกเตอร์ได้โดยไม่เกิดรอยร้าว
เมื่อ 3 ปีก่อน เกาะโดดเดี่ยวถูกผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลชั้นสูง ซื้อไปเพื่อสร้างสำนักยุทธของตนเอง เพราะทำเลที่ตั้งของเกาะ เหมาะแก่การสร้างสำหนักที่ต้องแยกตัวโดดเดี่ยว รอบเกาะมีหน้าผาสูง 30-40 เมตร มีทางเข้าเพียงทางเดียว ทำให้เกาะเป็นเหมือนป้อมปราการธรรมชาติ ที่แข็งแกร่งและง่ายที่จะตรวจสอบผู้ที่เข้าออก นอกจากนั้นพลังงานธรรมชาติบนเกาะมีความหนาแน่นกว่าโลกภายนอกถึง 2 เท่า และจุดที่ตั้งของเกาะเป็นจุดรวมพลังโชคลาภมงคล ถ้าสร้างสำนักที่นี่จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
โดยที่พวกเขาไม่สนใจว่าเกาะแห่งนี้จะมีปัญหา เพราะพวกเขาคิดว่าจะหาทางแก้ไขได้ เมื่อทำการก่อสร้างอาคารและสิ่งอำนายความสะดวกต่างๆบนเกาะจนสมบูรณ์ พวกเขาก็ตั้งสำนักยุทธของตัวเองขึ้นและเปิดรับศิษย์
แต่ในเวลาไม่นานผู้ที่อยู่บนเกาะ ร่างกายของพวกเขาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ เพียงไม่ถึงครึ่งปีร่างกายก็ทรุดโทรม บางคนที่ฝืนอยู่ต่อก็เสียชีวิต ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งนอกจากร่างกายจะอ่อนแอแล้วระดับการบ่มเพาะพลังไม่เพิ่มขึ้น
พวกเขาไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าทำไมร่างกายของมนุษย์ สัตว์ พืช ต้นไม้ บนเกาะถึงค่อยๆอ่อนแอลง เหมือนพลังชีวิตถูกดูดออกไป สุดท้ายพวกเขาก็ต้องขายเกาะคืน และย้ายออกไปโดยที่อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดยังคงอยู่ดีครบถ้วนสมบูรณ์
บนเกาะมีอาคารหลายร้อยหลัง ที่ถูกสร้างเพื่อให้ศิษย์ในสำนักได้เข้าพักอาศัย และมีตำหนักสำคัญต่างๆ เพื่อให้ชนชั้นสูงได้อยู่อาศัยและใช้เพื่อทำสิ่งต่างๆ เช่น อาคารฝึกสอน หอตำรา ตำหนักกลั่นโอสถ ตำหนักสมบัติ… และมีตำหนักกลางเป็นอาคารที่สำคัญที่สุดในสำนัก ตัวอาคารมีความสูงกว่า 9 ชั้น สร้างจากไม้โบราณอายุหลายหมื่นปี ถูกนำมาจากป่าสวรรค์โบราณ ทำให้ตัวตำหนักมีกลิ่นอายโบราณที่แข็งแกร่ง อาคารหลังอื่นๆ แม้จะไม่ได้ถูกสร้างด้วยวัสดุที่ดีเท่าตำหนักหลัก แต่ก็เป็นวัสดุคุณภาพเยี่ยมไม่ต่างกันมากนัก
บ่งบอกถึงจำนวนเงินมหาศาล ที่ตระกูลชั้นสูงลงแรงจ่ายออกไปเพื่อสร้างสำนักยุทธแห่งนี้ขึ้นมา แต่โชคร้าย ที่พวกเขาหาสาเหตุของเหตุการณ์ประหลาดบนเกาะไม่ได้ ทำให้พวกเขาต้องย้ายออกไป
รถบรรทุกค่อยๆขับข้ามสะพาน จนถึงหน้าทางเข้าที่เป็นอุโมงค์ทางเชื่อมลอดใต้หน้าผาเข้าไปด้านใน
หน้าอุโมงค์มีบานประตูขนาดใหญ่กว่า20เมตร สร้างจากไม้เนื้อหนาสีน้ำตาลเข้ม ขอบประตูทำจากเหล็กกล้า ทำให้ประตูมีความแข็งแรงทนทานไม่ถูกทำลายง่ายๆ
จิวโมไป๋หันมาบอกให้คนอื่นรอก่อน จากนั้นเขาก็เดินลงจากรถไปหยุดหน้าประตูและเอามือไปทาบบนแผ่นสีดำด้าน ที่อยู่ตรงขอบประตู
แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นสแกนฝ่ามือของจิวโมไป๋ กำไลข้อมือส่งเสียงร้องเบาๆหนึ่งครั้ง
คลึกๆ เสียงสั่นสะท้านดังขึ้น บานประตูค่อยๆแง้มเปิดอย่างช้าๆ เมื่อมองผ่านเข้าไปเป็นเส้นทางมืดยาวรอดอุโมงค์ประมาณ 50 เมตร ก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่ไม่ไกล
เพราะจิวโมไป๋ทำสัญญาซื้อขายเกาะ จากหน่วยงานซื้อขายที่ดินเรียบร้อยแล้ว ระบบทุกอย่างถูกโอนมาที่เขาทั้งหมด เมื่อเขาทำการยืนยันข้อมูลอีกครั้งที่ประตูทางเข้า หลังจากนี้เขาจะสามารถใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของทั้งหมดบนเกาะโดดเดี่ยวได้แล้ว
จิวโมไป๋กดไปบนแผ่นหน้าจอสีดำด้านอีกไม่กี่ครั้ง ไฟบนเพดานอุโมงค์ก็สว่างขึ้น เขาลอบพยักหน้าเบาๆระบบไฟฟ้ายังใช้ได้อยู่ จากนั้นเขาก็เดินกลับมาขึ้นรถบรรทุก และบอกให้ขับเข้าไปด้านใน เมื่อผ่านอุโมงค์ ก็เห็นพื้นดินราบโล่งสุดสายตา มองไกลๆ เห็นภูเขาแห้งแล้งสูง 1,000 เมตร ยอดเขาสูงถึงก้อนเมฆ
จิวโมไป๋กวาดตาสำรวจโดยรอบก็ไม่พูดอะไร เพราะสภาพของเกาะดูหม่นหมอง ต้นไม้มีขนาดเล็กกว่าปกติ บางต้นล้มตายอยู่บนพื้น พื้นดินแห้งกรอบเหมือนขาดน้ำ ต้นหญ้ามีสีเหลืองคล้ายจะตายลงทุกเมื่อ มีน้ำตกสายเล็กๆจากภูเขาไหลลงมาเป็นทางน้ำเส้นเล็กๆ ดูเหมือนใกล้จะแห้งขอดลงทุกเมื่อ เขามองเห็นสัตว์ป่าตัวเล็กๆ กระต่าย กระรอก หนู… ไม่กี่ตัว พวกมันอยู่ในสภาพอ่อนแอ ตัวผอมแห้ง ดวงตาไร้ประกายชีวิต ราวกับจะตายลงได้ทุกเมื่อ
รถบรรทุกขับตามถนนจนถึงตีนเขาก็เห็นประตูสำนัก ที่สร้างจากไม้สีน้ำตาลเข้มสูงใหญ่ ป้ายชื่อสำนักถูกถอดออกไปแล้ว
สภาพของภูเขาไม่ต่างจากที่ดินโดยรอบ พวกมันดูไร้ชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉาแคระแกร็น ไม่น่าอยู่อาศัยเลยแม้แต่น้อย มองขึ้นไปเห็นอาคารหลายหลังถูกสร้างตามทางไล่ระดับขึ้นไปบนภูเขา
เพราะไม่ค่อยมีต้นไม้หรือหญ้ามากนัก เมื่อเงยหน้าก็สามารถมองเห็นตัวอาคารหลายหลัง ที่มีเศษใบไม้เศษฝุ่นเกาะไปทั่วอาคาร ดูสกปรกเพราะไม่มีคนอยู่อาศัยมาหลายปี
แต่ตัวอาคารไม่มีรอยร้าวหรือแตกพังเลยซักนิดเดียว บ่งบอกว่าอาคารถูกสร้างอย่างดีด้วยวัสดุคุณภาพสูง และการวางผังอาคารถูกแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน การออกแบบเป็นรูปแบบโบราณผสมสมัยใหม่ มีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ทันสมัยอย่างครบถ้วน
“พวกคุณวางของไว้ตรงนี้ก่อน จากนั้นก็เริ่มทำการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด”
จิวโมไปหันไปบอกให้คนขนส่งของวางสิ่งของทั้งหมดไว้ที่ข้างประตูสำนัก และสั่งงานช่างก่อสร้างที่เขาจ้างงานมาให้พวกเขาสำรวจพื้นที่โดยรอบ เพื่อดูว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง
กินเวลากว่าครึ่งวัน ท้องฟ้าก็เริ่มมืด
จิวโมไป๋ก็ให้พวกช่างก่อสร้างใช้ห้องพักของศิษย์ในสำนัก เป็นที่อยู่ในช่วงที่ต้องทำการปรับปรุงเกาะ
ส่วนตัวเขาเองก็เดินแยกตัว ขึ้นเขามาถึงตำหนักด้านบนสุด เขาเดินไปที่ห้องพักเล็กๆแห่งหนึ่ง น่าจะเป็นห้องของคนใช้ เขาไม่สนใจมากนักเพราะ ข้าวของต่างๆถูกนำออกไปเหลือเพียงห้องว่างเปล่า ห้องอื่นๆก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
เขาเริ่มบ่มเพาะพลังตรงกลางห้อง ทันทีที่เริ่มบ่มเพาะพลังความรู้สึกอึดอัดค่อยๆก่อตัวขึ้น พลังธรรมชาติที่ปกติจะต้องถูกดูดซับเข้าไปในทะเลสติ ดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆที่ในเกาะแห่งนี้มีพลังธรรมชาติหนาแน่นกว่าภายนอก 2 เท่า
“ตอนนี้ยังเริ่มลงมือไม่ได้”
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ก่อนที่จะหยิบแผ่นยันต์ออกมา เขาใช้จิตวิญญาณกระตุ้นจนแผ่นยันต์เกิดประกายไฟสีเขียวและถูกเผาไหม้จนหายไป ความรู้สึกอึดอัดหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็สามารถบ่มเพาะพลังได้ตามปกติ
บนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาไร้ชีวิต ไม่ใกล้จากห้องพักมากนัก มีดวงตาสีเขียวมรกตราวสัตว์ป่าคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองไปที่ร่างของจิวโมไป๋ไม่คลาดสายตา…
เช้าวันต่อมาจิวโมไป๋เดินไปหาพวกช่างก่อสร้าง และทำการพูดคุยรายละเอียดในการปรับปรุงพัฒนาเกาะ
ตัวตำหนักใหญ่และอาคารอื่นๆ จิวโมไป๋ให้พวกเขาแก้ไขทั้งหมดเพราะอาคารพวกนี้ดูหรูหราฟุ่มเฟือยเกินไป เขาออกแบบใหม่ให้ตัวอาคารดูสงบแต่งดงาม หลอมรวมเขากับสภาพแวดล้อมอย่างลงตัว น่าอยู่อาศัย
การปรับปรุงส่วนนี้ จิวโมไป๋ต้องสั่งซื้อต้นไม้จำนวนมาก จากที่อื่นเข้ามาปลูก
อีกทีมเป็นฝ่ายซ่อมบํารุงอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ ก็แยกไปสำรวจเครื่องผลิตไฟฟ้าและเครื่องผลิตน้ำ เครื่องกำจัดขยะ… ไฟฟ้า ทางเดินน้ำ หลอดไฟตามอาคารต่างๆ พวกมันไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องแก้ไขมากนัก เพราะแต่เดิมพวกมันก็เป็นของรุ่นใหม่คุณภาพดี แม้จะถูกทิ้งไม่ใช้งานกว่า 2 ปี พวกมันก็สามารถทำงานได้ตามปกติ เปลี่ยนอะไหล่ไม่กี่ชิ้นก็สามารถใช้ได้แล้ว
และทีมสุดท้ายเป็นฝ่ายติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย พวกเขาปีนขึ้นไปบนหน้าผา และติดตั้งกล้องวงจรปิดความละเอียดสูง ราคาแพง ไว้กว่า 1,000 จุด รอบเกาะ ทำให้เขาสามารถมั่นใจได้ว่าไม่มีใครกล้า แอบเข้ามาที่เกาะโดยใช้เส้นทางอื่นที่ไม่ให้ทางเข้าด้านหน้า
ส่วนพื้นดินโล่งรอบภูเขา เขาก็ปลูกต้นไม้และหวานเมล็ดพืชชนิดต่างๆ ทางเดินแม่น้ำเขาขุดทำทางน้ำแยกเป็นหลายสายทั้วเกาะ แม้ตอนนี้จะไม่มีน้ำเลยก็ตาม…
การปรับสภาพเกาะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึง 7 วันทุกอย่างก็ได้รับการแก้ไขจนเสร็จ บนเกาะก็มีต้นไม้นานาชนิดถูกปลูกขึ้นจนหนาแน่น ดูร่มรื่นมากขึ้น แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่ดูเหมือน ว่ามันจะดูดซับพลังของต้นไม้ออกไปทีละนิด ไม่นานต้นไม้ทั้งหมดก็จะล้มตายลงอีกอย่างแน่นอน
ในระหว่างนี้จิวโมไป๋ก็บ่มเพาะพลังและทำอะไรบางอย่าง อยู่ในอาคารไม่หยุดพัก ตำหนักยุทธทั้งสองหลัง ก็ทะลวงผ่านเข้าถึงขั้นผิวหนังปลาย จิตวิญญาณอยู่ในจุดสูงสุดของปรมาจารย์ทองแดง
จิวโมไป๋จ่ายเงินค่าสัญญาจนหมด ช่างก่อสร้างทุกคนก็ออกจากเกาะ เขาก็สั่งปิดประตูเกาะไม่ให้ใครเข้ามาอีก
“เหลือขั้นสุดท้าย”จิวโมไป๋มองสภาพทั้งหมดของเกาะด้วยรอยยิ้ม เขาไม่สนใจพลังงานประหลาดที่คอยดูดพลังชีวิตสิ่งต่างๆบนเกาะเลยสักนิด
เขาเก็บแร่และของต่างๆ ที่วางเอาไว้หน้าประตูสำนักเข้าไปในแหวนมิติเก็บของ จากนั้นจิวโมไป๋ก็ปีนขึ้นบนหน้าผา กวาดตามองสำรวจกล้องวงจรปิดความละเอียดสูงโดยรอบที่ถูกติดตามขอบหน้าผา และหยิบหยกคุณภาพสูงที่ได้จากพนันหินออกมา
ในช่วงระยะเวลา 7 วันที่กำลังปรับสภาพของเกาะ จิวโมไป๋ก็ผ่าก้อนหินจนหมด และนำหยกคุณภาพสูงทั้งหมดมาแกะสลักหยกด้วยจิตวิญญาณ ทั้งหมด 324 ก้อน บนตัวหยกมีลวดลายอักขระแปลกประหลาดไม่ช้ำกัน ถูกแกะสลักจนแทบไม่มีช่องว่าง
จิวโมไป๋เลือกหยกอย่างรอบคอบและก็เริ่มลงมือฝั่งหยกตามจุดต่างๆ บนขอบหน้าผารอบเกาะ ในระหว่างนั้นเขาก็หว่านเมล็ดพันธุ์พืชหลายชนิดไว้รอบๆจุดที่ฝังหยก เขาใช้เวลา 7 วัน เขาก็ฝังหยกทั้งหมดจนเสร็จ
จากนั้นจิวโมไป๋ก็นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนขอบหน้าผาไปถึง 2 วัน เมื่อลืมตาขึ้นมา ภายในทะเลสติ ท้องฟ้่าจิตวิญญาณสีทองแดง ก็มีประกายสีเงินขนาดเล็กลอยอยู่จนแทบมองไม่เห็น จิตสัมผัสของเขาก็ขยายจนถึง 35 เมตร
“เหนื่อยจริงๆ ไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนี้”จิวโมไป๋ยันตัวลุกขึ้นพลางกุมหัว เขาฝังหยกไม่พักมา 7 วัน แต่ล่ะวันนอนไม่ถึง 2 ชั่วโมง ไม่แปลกเลยที่เขาจะนอนหลับยาวขนาดนี้
เมื่อตั้งสติได้ จิวโมไป๋ก็เอาอุปกรณ์ทำอาหารออกจากแหวนมิติ และเริ่มลงมือทำอาหาร กลิ่นหอมของเนื้อไก่ผัดซอส 3 รส ค่อยๆลอยฟุ้งไปบนอากาศ ท้องของเขาร้องขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เพราะไม่ได้ทานอะไรมา 2 วัน
วูบบบ
โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เงาสีดำพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋อย่างรวดเร็ว จิวโมไป๋ที่กำลังทำอาหารอยู่สะดุ้งตกใจ ระยะทาง 35 เมตร ใช้เวลาแค่ 2 วินาที เงาสีดำก็เข้าประชิดตัวของเขาแล้ว
คอมเม้นต์