ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 76
ท่ามกลางคืนที่มืดมิดไร้แสงสว่าง เงาร่างลึกลับ 8 ร่างปีนข้ามหน้าผาหลายสิบเมตรได้สำเร็จ พวกเขาก็หันมาส่งสัญญาณมือ ก่อนจะแยกย้ายหายไปตามทางขอบหน้าผา และมี 2 ร่างที่ไต่ลงไปสำรวจด้านล่าง
เพียงครู่เดียวที่เงาร่างสีดำลึกลับได้หายไป ก็มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มยืนมองลงไปที่พื้นที่เกาะด้วยความสนใจ ร่างกายของเขาตอบสนองกับความหนาแน่นของพลังธรรมชาติที่หนาแน่นกว่าด้านนอกเกือบ 10 เท่า
ดวงตาคมกริบดุจกระบี่เป็นกระกายวูบหนึ่งด้วยความแปลกใจ ที่ดินที่มีพลังธรรมชาติหนาแน่นแบบนี้หายากมาก ในประเทศมังกรมีไม่ถึง 100 แห่งเท่านั้น นอกจากนั้นราคาที่ดินยังสูงมาก ทำให้แม้แต่ตะกูลชั้นสูงหรือตระกูลโบราณที่อ่อนแองยังไม่สามารถหาซื้อได้ ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นเจ้าของที่นี้
ครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากหน้าผา และหายตัวไปทางจุดกึ่งกลางของเกาะที่มีภูเขาโดดเดียวตั้งอยู่…
เวลาผ่านไป 4 วัน บรรยากาศยามค่ำคืนภายในเกาะโดดเดียวยังคงเงียบสงบเหมือนทุกวัน
ในห้องเล็กๆที่ตั้งอยู่ในสำนัก
“หัวหน้า พวกเราค้นหาทั่วเกาะแล้ว ยังไม่พบคนที่นายน้อยสั่งให้ตามหาเลย พวกเราจะทำยังไงกันดี”ชายในชุดดำเอ่ยถามเสียงเบาราวกับยุง เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่ต้องเฝ้าติดตามขยะพิการ มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
ชายในชุดดำที่ยืนอยู่หน้าสุดนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามลูกน้อง ก่อนจะจะหายตัวไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด
“นายน้อยสั่งลงมา ให้พวกเราทำลายสิ่งก่อสร้างบนเกาะนี้ให้หมด อย่างทิ้งหลักฐานอะไรไว้ให้คนติดตามพวกเราได้ เริ่มจากตำหนักที่สูงที่สุดก่อน พวกเราไป!”
จบคำร่างสีดำทั้ง 8 ก็ พุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล
ทันที่ที่มาถึงตำหนักบนยอดเขาสูงสุดพวกเขาก็หยิบอาวุธประจำตัวออกมา แล้วเร่งพลังกดดันออกมา ลูกน้องทั้ง 7 มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ที่ขั้นที่ 3 เส้นเอ็น ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าอยู่ในขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน
“ทำลาย!”หัวหน้าชุดดำออกคำสั่งทันที
ทั้ง 7 คนไม่รอช้าพุ่งเขาไปทำลายตำหนักเบื้องหน้าอย่างไม่รอช้า สีหน้าท่าทางไม่ปกปิดความกระตือรือล้นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
แต่ในตอนนั้นเองก็เงาร่างสีดำเรียวยาว พุ่งเข้าใส่ชายชุดดำหน้าสุดอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง! เงาสำดำกระแทกร่างที่พุ่งเข้ามากระเด็นกลับไปด้านหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ชายชุดดำที่โชคร้ายสลบลงไปทันทีโดยไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปได้ยังไง
ร่างสีดำอีก 6 ร่างชะงักร่างลง ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ
“บุกรุกที่ดินของคนอื่นไม่พอ ยังจะทำลายบ้านอีก นายน้อยของพวกนายคิดได้แต่เรื่องพวกนี้สินะ”จิวโมไป๋เอาพลองผ่านฟ้าพาดไหล่ กวาดตามองกลุ่มคนชุดดำเบื้องหน้าด้วยแววตาเย็นชา นัยน์ตาทอประกายสีแดงจางๆ
ทันทีที่เห็นกลุ่มคนตรงหน้าเขาก็จำได้โดยไม่ต้องใช้สมองขบคิดใดๆเลย เพราะคนพวกนี้เป็นกลุ่มคนที่คอยก่อกวนทำลายร้านของเขา ในอดีตก่อนที่เขาจะเกิดใหม่
แม้เซียวหนานจิ้นจะเป็นคนออกคำสั่ง แต่คนพวกนี้เป็นคนลงมือทั้งหมด พวกมันหาเรื่องก่อกวนครอบครัวเขาทุกครั้งที่โอกาส แม้พ่อแม่ของเขาจะขอร้องจนต้องหัวก้มคุกเข่าให้พวกมัน พวกมันก็ไม่สนใจยังคงก่อกวนทุกวิถีทาง เจ้าพวกสารเลวพวกนี้ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจใดๆ พวกมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ
จิวโมไป๋ยกยิ้มเย็นชา เลือดในร่างกายพลันเดือดพล่านกระหายเลือด เขาไม่ปกปิดความอาฆาตแค้นอันบ้าคลั่งในแววตาเลยแม้แต่น้อย
“ไหนๆก็มาแล้ว ทำไมไม่อยู่ที่นี่ไปตลอดเลยล่ะ”
กลุ่มคนชุดดำถูกความกระหายเลือดของเด็กหนุ่มตรงหน้า สะกดข่มจนร่างกายสั่นสะท้าน พวกเขาตกใจอย่างมากที่อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีเท่านั้น ทำไมถึงมีรังสีอำมหิตที่รุนแรงขนาดนี้ได้
“ตั้งสติไว้!!!”หัวหน้าชายชุดดำตวาดเสียงดังลั้น ลูกน้องทั้ง 6 สะดุ้งตกใจเหมือนตื่นจากฝัน ใบหน้าที่ซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าคลุมหน้า แดงฉานด้วยความอับอาย ที่ถูกเด็กหนุ่มข่มขวัญ ในใจพวกมันถูกกระตุ้นให้รีบลงมือเพื่อรักษาใบหน้า ไม่ต้องส่งสัญญาณใดๆ พวกมันพุ่งเขาหาเด็กหนุ่มทันที
จิวโมไป๋รอไว้อยู่แล้ว เขาหมุนควงพลองก่อนจะพุ่งเข้าใส่อย่างมุทะลุ ไม่คิดวางแผนใดๆเลยทั้งสิ้น เหลือเพียงสัญชาตญาณอันบ้าคลั่งที่ครอบงำสติ แตกต่างจากปกติที่เขาจะต้องตั้งสมาธิเพื่อสงบจิดใจก่อนต่อสู้โดยสิ้นเชิง
ตูม! พลองผ่านฟ้าพวดฟาดร่างที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างรุนแรง ดาบบอบบางของอีกฝ่ายที่ยกขึ้นมาป้องกัน แตกหักลงอย่างง่ายดายราวกระจก พร้อมกับปลายพลองทุบลงที่ข้างศีษระจนแตกกระจายเหมือนลูกแตงโมที่ถูกทุบ
“บัดซบ!”พวกชายชุดดำใบหน้าถอดสีทันทีที่เห็นความโหดร้ายป่าเถือนของอีกฝ่าย แต่จะถอยหลังหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว
จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาเหลือบมองร่างที่ตนพึ่งสั่งหารเลยสักนิด เขากระโดดข้ามร่างที่ล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนที่จะ ยกพลองผ่านฟ้ากระแทกร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้า กระเด็นกลับไปด้านหลังชนกับคนที่ตามมาด้านหลังจนชมไปกองกับพื้น
ก่อนจะสลับท่าเท้าหายไปโผล่อีกด้านก่อนจะทุบชายชุดดำที่ถือ กระบี่เรียวยาวจนกระดูกทั่วร่างแตกหักเป็นชิ้นๆ ร่างนั้นไหลลงกองกับพื้นเหมือนของเหลว นอนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว จิวโมไป๋ยันพลองลงพื้นดีดตัวลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะยกพลองขึ้นเหนือหัว และทุบลงใส่ ชายชุดดำที่อยู่หลังสุดอย่างรุนแรง จนศีษระแตกเป็นชิ้นๆ ตายทันทีโดยไม่มีความทรมานใดๆ
พริบตาเดียวจิวโมไป๋ ก็จัดการลูกน้องชุดดำไปทั้งหมด 4 คนเหลือ 2 คนที่คนยืนหนึ่งบื้อราววิญญาณหลุดออกจากร่าง ส่วนคนที่ถูกเพื่อนกระแทกล้มก็พลักร่างที่ทับตัวเองออก เมื่อเห็นว่าบนหน้าอกของอีกฝ่าย ถูกพลองทุบทำลายจนเป็นหลุมลึก ใบหน้าของเขาพลันขาวซีด
หัวหน้าชายชุดดำที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ตกใจเหมือนกัน เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มอายุ 18 ปี จะแข็งแกร่งขนาดนี้ พลางสบถเสียงดัง เขาคิดว่ารายงานที่เขาได้รับมาต้องผิดพลาดแน่ๆ ขยะไร้ค่าบ้าบออะไร นี่มันอัจฉริยะชัดๆ อีกฝ่ายอาจจะแข็งแกร่งกว่านายน้อยของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋เหมือนเทพแห่งความตาย เขาไม่เสียเวลาใดๆเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้าสังหารชายชุดดำทั้ง 2 ที่ยืนนิ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินเข้าหาหัวหน้าชายชุดดำอย่างช้าๆ
ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้คนที่จ้องมองต้องตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“จะเข้ามาเอง หรือจะให้ฉันเข้าไป?”จิวโมไป๋พูดออกมา พร้อมพลังกดดันอันหน้ากลัว ที่กดทับร่างของหัวหน้าชายชุดดำ จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“บัดซบ! ฉันไม่เชื่อว่าเด็กอย่างแก จะแข็งแกร่งกว่าฉันที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 4 อวัยวะภายในกลางได้”หัวหน้าชายชุดดำคำรามลั้นเร่งพลังกดดันของตัวเองอย่างไม่ออมรั้ง พลักดันพลังกดดันของเด็กหนุ่มออกไป ก่อนจะชักกระบี่ออกมา
“ตาย!”จบคำหัวหน้าชายชุดดำก็ทะยานร่างเขาหาจิ้วโมไป๋อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็อยู่เบื้องหน้าจิวโมไป๋ไม่ถึง 3 เมตร คมกระบี่พุ่งแทงกระหน้ำ 7 กระบี่ ครอบงำจุดเคลื่อนไหวทั่วร่างของอีกฝ่าย
จิวโมไป๋ไม่สนใจคมกระบี่ที่แทงเข้ามา เขาหวดพลองผ่านฟ้าเขาใส่อีกฝ่ายราวกับจะเอาชีวิตเข้าแลก กลิ่นอายป่าเถือนบ้าคลั่งถาโถมเข้าใส่ ทำให้หัวหน้าชายชุดดำสถบอย่างหัวเสียก่อนจะถอยหลังหลบผลายพลองไปได้ในเสี้ยววินาที
เจ้าเด็กบ้านี่ไม่ห่วงชีวิตเลยรึไง!
เมื่อเห็นโอหาศจิวโมไป๋ก็พุ่งเงื้อพลองเหนือหัวทุบลงอย่างแรง แต่หัวหน้าชายชุดดำก็หลบได้ด้วยท่าเท้าที่รวดเร็ว ก่อนจะแทงกระบี่เข้าใส่ แต่จิวโมไป๋ก็ฟาดพลองตอบโต้ทันที จนหัวหน้าชายชุดดำต้องถอยเท้าหลบออกไปอีก จิวโมไป๋ก็พุ่งควงพลองตามไปติดๆ ไม่ให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ
“บัดซบ!”หัวหน้าชายชุดดำร้องคำรามเสียงดังก่อนจะแทงกระบี่ตอบโต้
ทั้งสองต่อสู้ปะทะกันผ่านไปเกือบ 20 ครั้ง ทุกครั้งจิวโมไป๋จะโหมกระหน่ำควงพลองเขาโจมตีหัวหน้าชายชุดดำโดยไม่สนใจอะไรเลย แต่หลังจากครั่งที่ 30 ความบ้าคลั่งก็ค่อยๆลดลงอย่างช้าๆ
เลือดมังกรพายุอัสนีที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด ค่อยๆหลอมรวมเข้ากับร่างกาย ยิ่งต่อสู้นานเท่าไหร่ เลือดมังกรก็ซึมซับเข้าไปในอวัยวะต่างๆได้เร็วขึ้น จนในที่สุดก็สามารถหลอมเลือดเข้ากับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
ความบ้าคลั่งในแววตาของจิวโมไป๋ก็หายไปในทันที พลองผ่านฟ้าลดความเกรี้ยวกราดลง บรรยากาศที่ออกมาจากร่างกายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หัวหน้าชายชุดดำแปลกใจเล็กน้อย ที่อยู่ๆอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน
แต่ในตอนนั้นเอง พลองผ่านฟ้าหวดออกมาอย่างลี้ลับ กระแทกหน้าอกของเขาอย่างแรงจนกระดูกร้าว ก่อนที่พลองนับไม่ถ้วยหวดฟาดจากทุกทิศทาง จนกระดูกทั่วร่างหักสะบั้น หัวหน้าชายชุดดำตายลงด้วยความงุนงง ว่าทำไมอยู่ๆอีกฝ่ายถึงอยู่ๆก็แข็งแกร่งขึ้นได้
มองร่างที่นอนลงไปกองกับพื้น จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา พลางส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเลือดมังกรในร่างจะตอบสนองกับความแค้นแบบนี้ มันเกือบทำให้เขาสูญเสียการควบคุม โชคดีที่เลือดมังกรหลอมรวมเข้ากับร่างกาย เขาจึงสามารถดึงสติกลับมาได้ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็…
จิวโมไป๋ตั้งสมาธิสงบสติ จนจิตใจสงบลงแล้ว เขาก็พูดออกมาเสียงดัง
“ออกมาได้แล้ว ผมรู้ว่าคุณดูการต่อสู้อยู่นานแล้ว”
ความเงียบเกิดขึ้นเพียงครู่หนึ่ง ไม่นานร่างในชุดขาวก็เดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ที่นี่เพื่อคุ้มกันนายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก แต่ไม่คิดเลยว่านายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ นักศึกษาจิวโมไป๋ อ่อ…ไม่สิ ฉันต้องเรียกนายว่า นักปรุงยาอายุน้อยที่สุดในโลก นักปรุงยาเตาหลอม 9 สุริยันสินะ”ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวด้วยรอยยิ้มขี้เล่น แสงดาวเพียงเล็กน้อยกระทบใบหน้าของอีกฝ่าย ปรากฏเป็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ดวงตาคมกริบดุจกระบี่
ทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย จิวโมไป๋ก็เผลอตัวแสดงสีหน้าตกใจออกมา
เพราะไม่คิดอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่ ชายผู้ที่จะสร้างตำนานในอนาคต จี้หยางเฟย!
คอมเม้นต์