ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 77

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 77 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
การต่อสู้กันครั้งแรก

จี้หยางเฟยเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของจิวโมไป๋ เขาก็เข้าใจผิดคิดว่า จิวโมไป๋กำลังตกใจที่เขาเปิดเผยตัวตนนักปรุงยาออกมา จี้หยางเฟยจึงรีบพูดว่า

“ใจเย็นๆไม่ต้องตกใจ เราเคยเจอกันที่ร้านศาลาหยก ร้านที่มีเจ้าของร้านเป็นตาลุงหัวดื้อที่ไว้หนวดเคราสีขาวยาวจนถึงอก จำได้ไหม?”จี้หยางเฟยอธิบายให้ฟัง เมื่อเห็นว่าจิวโมไป๋พยักหน้ารับ เขาก็พูดต่อ“ในตอนนั้นฉันถามเถ้าแก่ร้าน ว่านายเคยมาซื้อของที่ร้านเมื่อไหร่ เพราะร้านนั้นปกติแทบจะไม่มีลูกค้าเข้าร้าน แล้วนายเขาไปซื้อของตั้งเยอะฉันเลยอดไม่ได้ที่จะถาม เถ้าแก่ก็บอกว่านายมาซื้อของในวันที่นักปรุงยาเตาหลอม 9 สุริยัน ผ่านการทดสอบ จากนั้นฉันย้อนตรวจสอบกล้องวงจรติดในทุกๆจุดดู ก็เห็นภาพนายอยู่ในช่วงเวลาและบริเวณที่น่าสงสัย แม้นายจะพยายามหลบกล้องวงจรติดแล้วแต่ก็หลบไม่พ้นอยู่ดี มีกล้องที่จับภาพนายได้ 12 ภาพ

แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจ จึงเริ่มติดตามนายอย่างลับๆ จนกระทั้งเมื่อ 1 เดือนก่อน นายซื้อที่ดิน 2 แห่งด้วยเงินจำนวนมาก ฉันเลยสืบประวัติครอบครัวของนายและการใช้จ่ายทั้งหมดของนายดู ฉันก็พบว่าครอบครัวของนาย ไม่สามารถให้เงินไปซื้อที่ดินราคาแพงขนาดนี้ได้แน่ แล้วนายจะเอาเงินมาจากไหน? ถ้าไม่ได้เอามาจากการขายยา

สุดท้ายฉันก็เอารูปของนายไปถามพนักงานในสมาคมนักปรุงยาสาขาตลาดสมุนไพรเทียนไห่ อ่อ…ที่นั้นมีคนพูดมากอยู่คนหนึ่ง เขาดูจะเกลียดนายมากนะ ตอนที่ฉันไปถามเจ้านั้นก็เอาแต่พูด หาเรื่องดูถูกนายไม่หยุด กว่าจะถามเข้าเรื่องได้ก็เสียเวลาจนฉันเหนื่อย สุดท้ายฉันเอาเวลาที่นายเข้าทดสอบเอามาเปรียบเทียบได้ว่าตรงกับที่นายเข้าทดสอบพอดี… แต่นายก็เก่งนะใช้เวลาแค่นั้นก็ผ่านการทดสอบนักปรุงยาได้แล้ว”

จี้หยางเฟยพูดออกมาไม่หยุดบางครั้งก็ใส่ความคิดเห็นของตัวเองในการพูด

จิวโมไป๋ฟังที่จี้หยางเฟยพูดจนจบ เขาก็แสร้งทำหน้าตกใจพร้อมชี้พลองผ่านฟ้าไปที่อีกฝ่าย ก่อนจะร้องถามเสี่ยงสั่นเล็กน้อย

“คุณเป็นใครกันแน่! แล้วตามผมมาทำไม”

“ตอนนี้นายยังไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร รู้แค่ว่าตั้งแต่วันนี้ฉันจะคอยคุ้มครองนายเอง”จี้หยางเฟยไม่ยอมตอบ

จิวโมไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ตัวตนอีกฝ่ายดีกว่าที่ตัวของเขาเองรู้เสียอีก มันทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับสังเกตได้ ถึงท่าทางของจี้หยางเฟยจะดูขี้เล่นและเรื่อยเปื่อยไม่จริงจัง แต่ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะ! ที่จะสร้างตำนานในอนาคต เขาประมาทไม่ได้เด็ดขาด เขาคงจะโง่มากถ้าถูกท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงหลอกเอา

ส่วนจี้หยางเฟยเห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ไว้ใจตัวเอง เขาก็ไม่แปลกอะไร ถ้าเป็นตัวเขาเองเจอเหตุการแบบนี้ ก็ต้องระวังเป็นธรรมดา หรือไม่ก็อาจจะชักกระบี่ออกมาจัดการคนน่าสงสัยเลยก็ได้ แต่…น่าแปลกที่ไม่ยอมชักถามหรือพูดอะไรเพิ่มเลย ถ้าเป็นคนทั่วไปต้องแสดงอาการณ์อะไรออกมาแล้ว

ท่าทางของทั้งสองคน ทำให้บรรยากาศดูแปลกประหลาด คนหนึ่งยืนพิ่งต้นไม้ท่าทางปลอดโปร่ง อีกฝั่งยืนถือหอกด้วยท่าทางแข็งขัน แต่แววตามีหมอกจางๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

จี้หยางเฟยเห็นว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่เขาจึงพูดออกมาเสียงดัง

“เรามาสู้กันเถอะ”

จิวโมไป๋ชะงักอึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ๆก็ท้าสู้กับตัวเอง แต่พอเขานึกดูดีๆเขาเคยได้ยินคำเล่าลือมาว่า จี้หยางเฟยเป็นพวกบ้าการต่อสู้อย่างมาก เมื่ออยู่ในช่วงวัยรุ่น เขาได้ท้าทายผู้คนเป็นจำนวนมาก เมื่อเขาได้องกรค์ลับ เขาก็ท้าทายผู่บ่มเพาะพลังฝ่ายต่อสู้ทุกคน ชนะบ้างแพ้บ้างอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็สามารถเอาชนะทุกคนจนได้เป็นอันดับ 1 ขององกรค์ลับ และเขาก็ออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อท้าทายผู้แข็งแกร่งทั่วโลก จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปยังมิติต่างๆ และหาเรื่องต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งไปทั่ว ทำให้ชื่อเสี่ยงของเขาโด่งดังไปทั่วมิติต่างๆ

ตอนที่เขาเข้าไปเป็นสมาชิกองค์กรลับ จี้หยางเฟยก็สลบลง ไม่บ้าท้าสู้ไปเรื่อยอีก ทำให้เขาไม่เชื่อข่าวลือเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นท่าทางของจี้หยางเฟยในตอนนี้…

“ฉันเห็นนายต่อสู้เมื่อครู่แล้ว ร่างกายของนายแข็งแกร่งมาก ระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อต้น แต่สามารถสังหาร คนที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 3 เส้นเอ็นและขั้นที่ 4 อวัยวะภายในกลางได้ แสดงว่าน้องชายฝึกฝนร่างกายเป็นอย่างดี เห็นแบบนั้นฉันอดคันมือขึ้นมาไม่ได้ เรามาต่อสู้กันเถอะ”จี้หยางเฟยพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกๆขณะเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

เมื่อได้ฟังที่จี้หยางเฟยพูด จิวโมไป๋รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อยที่ถูกตรวจสอบระดับการบ่มเพาะ แต่เขาไม่สามารถตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายได้ แสดงว่าจี้หยางเฟยต้องมีความสามารถในการควบคุมพลังอย่างดีหรือมีอุปกรณ์ปกปิดพลัง ทำให้ไม่มีพลังรั่วไหลออกมาให้คนอื่นได้เห็น แม้แต่เขาที่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบก็ ไม่สามารถบอกถึงระดับของจี้หยางเฟยได้

“เข้ามาก่อนเลย ฉันจะลดพลังให้อยู่ในระดับเดียวกัน”จี้หยางเฟยพูดจบก็ชักกระบี่อ่อนหิมะบินออกมา บรรยากาศที่กระจายออกมาดูแหลมคม จนจิวโมไป๋ที่ยืนห่างออกมารู้สึกเหมือนถูกกระบี่แหลมคมทิ่มแทง

เมื่อเห็นว่าจี้หยางเฟยไม่ยอมให้เขาได้ปฏิเสธ จิวโมไป๋ก็ได้แต่ยอมรับการต่อสู้ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าในตอนนี้จี้หยางเฟยแข็งแกร่งขนาดไหน

“รับมือ!”จิวโมไป๋ร้องเตือนเสียงดัง เพื่อบอกอีกฝ่ายให้ได้ตั้งตัว ก่อนจะใช้ท่าเท้าย่างก้าวประกายภูต พุ่งเข้าหาจี้หยางเฟยอย่างรวดเร็วทิ้งเงารางๆไว้ด้านหลัง เมื่อมาหยุดเบื้องหน้าของจี้หยางเฟย จิวโมไป๋พลันหายวับไปจากสายตาก่อนที่จะไปโผล่ออกมาด้านหลัง พลองผ่านฟ้าฟาดเข้าใส่อย่างไม่ยั้งแรง

จี้หยางเฟยเหมือนมีตาหลัง เขาขยับเท้าเพียงครั้งเดียวก็หลบพลองที่ฟาดลงมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะหมุนตัวอย่างช้าๆแต่พอดีกับที่พลองของจิ้วโมไป๋ฟาดลงบนพื้น ทำให้จิวโมไป๋เสียจังหวะจนเปิดช่องว่างออกมา จี้หยางเฟยก็แทงกระบี่เข้าใส่หัวไหลของจิวโมไป๋อย่างแม่นยำ

เห็นประกายแสงสว่างวาบผ่านเข้ามาด้านข้าง จิวโมไป๋ได้แต่ก้มหัวทิ้งตัวกลิ้งออกด้านข้างหลบกระบี่ที่แทงมาได้อย่างหวุดหวิด

แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเงาสีขาวแหลมคมก็แทงตามมาติดๆ จิวโมไป๋ได้แต่ยกพลองผ่านฟ้าขึ้นมาควงปัดป้อง แต่ป้องกันได้ไม่เท่าไหร่เขาก็ต้องถอยหลังทิ้งระยะไปเรื่อยๆ แต่เงากระปี่ก็ตามติดไม่ยอมปล่อย จนกระทั้งจิวโมไป๋เห็นจังหวะเขาก็ไม่รอช้า ใช้พลองยันพื้นกระโดดตัวลอยหลบคมกระบี่ที่แทงมา พร้อมกับดึงพลองกลับก่อนจะหมุนวนฟาดใส่สีข้างของจี้หยางเฟย

จี้อยางเฟยยกยิ้มอย่างถูกใจ เขากระโดดเหินขึ้นกลางอากาศหลบพลองที่ฟาดมา และยกกระบี่แทงใส่จิวโมไป๋ทั้งๆที่ลอยอยู่ในอากาศ

จิวโมไป๋พลาดเสียจัวหวะ ได้แต่ยกพลองผ่านฟ้าขึ้นป้องกันก่อนจะถูกกระแทกกระเด็นกลิ้งลงไปกองกับพื้น

การต่อสู้ใช้เวลาไม่ถึง 15 วินาที จิวโมไป๋ก็ผ่ายแพ้ราบคาบ เขาเงยหน้ามองแขนผอมบางของจี้หยางเฟย ด้วยความสงสัย ว่ามันรับพลองที่หนักกว่า 128 กิโลกรัมกับร่างกายของเขาที่หลอมรวมโลหิตมังกรพายุอัสนีได้ยังไง

จี้หยางเฟยชี้ปลายกระบี่ลงพื้นก่อนจะพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ร่างการของน้องชายแข็งแกร่งจริงๆ ฉันไม่เคยพบใครที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้”จี้หยางเฟยหัวเราะเสียงดังลั้น ท่าทางของเขาในตอนนี้ดูคึกคักเต็มไปด้วยพลัง

จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา แต่เมื่อนึกดูดีๆในตอนนี้จี้หยางเฟย อายุ 22 ปี ยังอยู่ในช่วงที่เขากำลังบ้าดีเดือด ไม่เหมือนตัวเขาที่อายุเกือบร้อยปี

“เฮ้ น้องชายทำไมเราไม่ลองมาใช้มือเปล่าสู้กันหน่อยล่ะ”จี้หยางเฟยเก็บกระบี่หิมะบินม้วนเป็นเข็มขัด ก่อนจะกำหมัดตั้งกระบวนท่าโดยไม่รอเขาตอบเลยแม้แต่น้อย

จิวโมไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะโยนพลองผ่านฟ้าไปด้านข้างก่อนจะกำหมัด เตรียมพร้อมต่อสู้

ครั้งนี้จี้หยางเฟยเป็นฝ่ายบุกเข้ามาเอง ท่าเท้าของเขาดูเรียบง่าย แต่รวดเร็วฉับไหว พริบตาเดียวก็มาอยู่เบื้องหน้าของจิวโมไป๋ พร้อมหมัดทรงพลังชกแหวกอากาศเข้าใส่

จิวโมไป๋ปักหลักยืนตอบโต้ไม่หลบหนีไปไหน ออกกระบวนท่าต่อสู้เข้าใส่ชกเข้าสวนหมัดที่อีกฝ่ายชกมา

ตูม! แรงอัดอากาศกระจายออกไปโดยรอบ จนฝุ่นที่ลอยอยู่บนอากาสกระเด็นออก แต่ทั้งสองคนไม่ถอยเลยสักก้าวเดียว จี้หยางเฟยยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่เขาจะชกหมัดซ้ำๆอีกหลายหมัด จิวโมไป๋ก็ชกสวนกลับไม่ยั้งมือเช่นกัน

จนเกิดคลื่นอัดอากาศทุกครั้งที่ปะทะกัน ยิ่งต่อสู้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

จิวโมไป๋ในตอนนี้ก็เริ่มเดือดพล่านผิวขาวสะอาดแดงก่ำไปทั้งร่างจนเกิดไอสีขาวออกมา

เห็นแบบนั้นจี้หยางเฟยก็ไม่แปลกใจ เพราะมีเคล็ดบ่มเพาะพลังหลายวิชาที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้ แต่ยิ่งสู้มือของเขายิ่งสั่น จี้หยางเฟยแสดงสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดว่าร่างกายของจิวโมไป๋จะแข็งแกร่งขนาดนี้

แต่จี้หยางเฟยก็ไม่เพิ่มพลัง เขายืดปักหลักชก เตะ เข่า ฝ่ามือ ตอบโต้กันไปมาไม่หยุด จากเรียบง่ายเปลี่ยนเป็นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขารู้ตัวดีว่าร่างกายของเขาสู้จิวโมไป๋ไม่ได้ เขาจึงใช้ความเร็วและประสบการณ์เขาสู้

แต่ที่แปลกก็คือ ดูเหมือนจิวโมไป๋ ไม่เป็นรองเขาแม้แต่น้อย มันทำให้จี้หยางเฟยตื่นเต้นมากขึ้น หมัดเท้าของเขาปล่อยออกไปไม่หยุด จนเวลาผ่านไปเกือบ 30 นาที จี้หยางเฟยก็นั่งหลับตาหลังพิงต้นไม้ไม่พูดไม่จา ทางด้านจิวโมไป๋ก็ทิ้งตัวนอนนิ่งไม่ขยับ

“ฮ่าๆๆ ไม่ได้สู้สนุกแบบนี้มานานแล้ว”จี้หยางเฟยหัวเราะออกมาดังๆ เขานั่งพักเพียงครู่เดียวก็หายเหนื่อย ซึ่งมันไม่แปลกอะไรเพราะระดับการบ่มเพาะของจี้หยางเฟย ห่างจากจิวโมไป๋อยู่มาก และการต่อสู้เมื่อครู่จี้หยางเฟยยังกดพลังตัวเองไว้อีก ไม่แปลกที่จะหายเหนื่อยไว

“พักเสร็จเมื่อไหร่ พวกเรามาสู้กันอีก เมื่อครู่ยังไม่ได้ตัดสินกันเลย”จี้อย่างเฟยพูดไม่หยุด ท่าทางคึกคักเต็มไปด้วยพลัง

จิวโมไป๋ยกมือก่ายหน้าผาก เขาอยากจะนอนหลับไม่ตื่นจริงๆ เขาไม่คิดเลยแบบอย่างของเขาจะเป็นคนแบบนี้ ร่างกายของเขายังไม่ชินกับกระบวนท่า ทำให้เขาออกกระบวนท่าต่อสู้แล้วติดขัดไปหมด หลังจากนี้เขาต้องฝึกซ้อมกระบวนท่าต่อสู้ให้หลากหลายมากขึ้น…

ในระหว่างที่จี้หยางเฟยกำลังพูดไม่หยุดอยู่นั้นเอง เงาร่างสีเงินก็พุ่งทะยานเข้าเหยียบหน้าของจี้หยางเฟยเต็มแรง

“อั๊ก”จี้หยางเฟยถูกเหยียบจนลงไปนอนหงายกับพื้น

จิวโมไป๋สะดุ้งตกใจเงยหน้าขึ้นมาเห็น เสี่ยวไป๋ ที่ยืนเชิดหน้านิ่งอย่างเย่อหยิ่ง ข้างๆมีจี้หยางเฟยผุดลุกขึ้นมานั่งพร้อมกุมจมูก

“ทำอะไรของแกน่ะเจ้าเหมียว!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด