ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 84
มือที่กำลังกินอาหารอยู่หยุดชะงักลง แววตาของจิวโมไป๋พลันแข็งกราว รังสีสังหารแผ่กระจายออกมาโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ไม่อย่างนั้นต้องมีคนจับสังเกตเห็นเจตนาสังหารของเขาได้
เมื่อได้สติจิวโมไป๋สูดลมหายใจอย่างช้าๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ เจตนาสังหารค่อยๆสงบลง
เขาไม่คิดเลยว่าคนของทวีปตะวันตกที่เย่อหยิ่ง ถือดีในสายเลือดจะมาที่นี่
จิวโมไป๋ข่มจิตใจ ใช้จิตสัมผัสลอบฟังต่อ แต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะอีกฝ่ายปิดการติดต่อไปแล้ว เขาจึงใช้จิตสัมผัสตรวจสอบภายในเต็นท์อย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบอะไรอีก เป็นแค่เต็นท์เปล่าๆไม่มีสิ่งของอะไรเลย
หลังจากปิดการติดต่อ ชายในเต็นท์ ก็นั่งนิ่งราวท่อนไม้ไม่แม้แต่ขยับหรือทำอะไรเลย
จิวโมไป๋จึงถอนจิตสัมผัสออกมา สำรวจเต็นท์อื่นๆ แต่ก็ไม่พบอะไร เขาจึงยืนยันได้ว่ามีสายลับอยู่แค่ 1 คน
ทำให้เขาก็ระบุได้ว่าคนของทวีปตะวันตกในเต็นท์ ทำหน้าที่เป็นคนรับสัญญาณจากสายลับที่แฝงตัวเข้าไปในเหมืองแร่ประกายแสง เขาจะคอยรับสัญญาณที่ส่งออกมา จากนั้นก็จากนั้นก็รายงานไปที่กลุ่มของตัวเองที่อยู่ภายนอก
รอบเหมืองแร่ประกายแสง จะมีสัญญาณรบกวนการติดต่อ ทำให้ไม่สามารถส่งสัญญาณระยะไกลได้ นอกจากจะมีอุปกรรับส่งสัญญาณพิเศษ มาคอยรับสัญญาณใกล้ๆ ก่อนที่จะส่งสัญญาณต่อไปอีกที
จิวโมไป๋นั่งคิดอย่างรวดเร็ว เขาทบทวนจากที่ฟังมา ภายในเหมืองแร่ประกายแสงพบเหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูง?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาก็เริ่มเข้าใจ ว่าทำไมการสืบสวนคดีสังหารหมู่นักวิจัย ถึงปิดไม่ได้ จนทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องเดือดร้อนกันไปหมด
เหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูง เกือบ 9 ใน 10 มันจะเกิดเป็นสมบัติล่ำค่า
ถ้าเปรียบเทียบเป็นระดับสมบัติ มันถูกจัดให้เป็น สมบัติปฐพี ระดับ 4 ในปัจจุบันแค่สมบัติมนุษย์ก็หายากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงสมบัติระดับปฐพี มันเป็นสมบัติที่หายากมากจนมีแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีไว้ในครอบครอง มันเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้
ไม่แปลกเลยที่จะมีคนโลภยอมเสี่ยงชีวิตไม่สนใจกฎของNuwa ลอบสังหารทีมวิจัยเพื่อขโมยสมบัติ
แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เขาก็ไม่คิดเลยว่าคนที่มาจะเป็น คนจากทวีปตะวันตก…
หลังจากโลกเข้าสู่ยุคใหม่ พลังงานธรรมชาติของโลกค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ พลังธรรมชาติที่ฟื้นตัวจะกระจายทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน ยกเว้นฟื้นที่พิเศษ ที่มีพลังงานธรรมชาติหนาแน่นเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่นเกาะโดดเดี่ยวที่มีพลังงานธรรมชาติหนาแน่นกว่าภายนอก 10 เท่า
ในช่วง 3 ปีแรก ที่พลังธรรมชาติฟื้นตัว มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อโลกและความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ทวีป แต่เมื่อเข้าปีที่ 4 คนของทวีปตะวันตกเริ่มเกิด‘การตื่นขึ้นของสายเลือด’
เมื่อสายเลือดตื่นขึ้นพวกเขาจะได้รับพรสวรรค์ที่สืบทอดต่อกันมาจากสายเลือด ความแข็งแกร่งของร่างกาย ความเร็วในการบ่มเพาะ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนั้นยังมีสายเลือดที่ มีพลังพิเศษ ถูกปลุกขึ้นมาเช่นกัน พลังพิเศษพวกนี้น่ากลัวอย่างมาก เพราะสามารถใช้พลังพิเศษได้โดยไม่ต้องไม่สนใจระดับการบ่มเพาะ เช่น พลัง ไฟ สายฟ้า มองทะลุ พลังจิต เคลื่อนย้ายมวลสาร…
สายเลือดที่ตื่นขึ้น ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อนาคตของคนๆนั้นจะยิ่งไร้ขีดจำกัด
ในอดีตมีผู้ที่เกิดการตื่นของสายเลือดมากมาย ทำให้มีการจัดอันดับความแข็งแกร่งของสายเลือด 7 ระดับ
จากสายเลือดระดับต่ำไประดับสูงสูงคือ
E D C B A S G
สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดคือ สายเลือดระดับ G หรือ GOD พวกเขาถูกเรียกว่า สายโลหิตของพระเจ้า
สายเลือดที่ถูกปลุกขึ้นมา เป็นสายเลือดของเทพต่างๆของทวีปตะวันตก แค่สายเลือดระดับ G ถูกปลุกขึ้นมา พลังก็ก้าวกระโดด นำคนของทวีปตะวันออกไปหลายก้าว เมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนของทวีปตะวันออก 4-5 เท่า และสายเลือดที่ต่ำลงมา ระดับความแข็งแกร่งจะค่อยๆลดลง
มันทำให้คนของทวีปตะวันตกต่างก็เย่อหยิ่งในพลัง ไม่เห็นคนของทวีปตะวันออกอยู่ในสายตา พวกเขาเปรียบคนของทวีปตะวันออกเป็นแค่หมูอ้วนกลมที่รอวันถูกเชือด
ถ้าเทียบกันในความแข็งแกร่งของร่างกายคนของทวีปตะวันออก อ่อนแอกว่าคนของทวีปตะวันตกหลายเท่า
แต่ถ้าเทียบในด้านเคล็ดบ่มเพราะ วิชาการต่อสู้ต่างๆแล้ว ทวีปตะวันออกหลากหลายและแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่าหลายเท่า ทำให้เมื่อระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ในระดับปราณปฐพี ความแข็งแกร่งโดดรวมจะเท่ากัน แต่เมื่ออยู่ในระดับปราณนภา ความแข็งแกร่งของคนในทวีปตะวันออกจะเริ่มทิ้งห่างคนของทวีปตะวันตก
โดยเฉพาะตระกูลโบราณและตระกูลราชวงศ์ ที่พวกเขาต่างก็สืบทอดสายเลือดมาจากในยุคโบราณเช่นกัน แม้สายเลือดที่ถูกปลุกขึ้นมาจะไม่แข็งแกร่งเท่าสายเลือดของทวีปตะวันตก แต่ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงขึ้น ความแตกต่างก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ทำให้ในอนาคตตระกูลโบราณและตระกูลราชวงศ์ของทวีปตะวันออก โดดเด่นขึ้นมา
แต่โชคร้ายที่ ในอนาคตการหลอมรวมสายเลือดหรือหลอมยีนที่แข็งแกร่งจะกลายเป็นเรื่องปกติ ความแตกต่างของสายเลือดและร่างกายของทั้งสองทวีปจะยิ่งมีผลน้อยลง
คนของทวีปตะวันตกก็พัฒนาเคล็ดบ่มเพาะพลังของตัวเองขึ้นมา จนเทียบเท่าคนของทวีปตะวันออก
ทำให้ความสมดุลของทั้งสองทวีปกลับไปเป็นเหมือนก่อนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่
สำหรับโลหิตมังกรพายุอัสนี ที่เขาหลอมรวม ถ้าเปรียบเทียบในระดับสายเลือดแล้ว จะอยู่ที่ระดับ B-A เพราะเป็นการหลอมรวมสายเลือดโดยตรง ไม่ได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เริ่มต้นสายเลือดจะอ่อนแอ แต่เมื่อสร้างฐานระดับการบ่มเพาะพลังสำเร็จ โลหิตมังกรพายุอัสนีจะแข็งแกร่งเท่ากับ สายเลือดระดับ G และยิ่งเขาพัฒนาสายเลือดต่อไปเรื่อยๆ สายเลือดของเขาจะยิ่งเหนือล้ำระดับ G ขึ้นไป…
คอมเม้นต์