ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 90
ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา มีเงาร่างของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์ 3 ร่าง กำลังทะยานข้ามผ่านสิ่งกีดขวางลงมาจากเนินภูเขาสูงอย่างรวดเร็ว ทิ้งเงาสีดำไว้ด้านหลัง
นักฆ่าที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นชายร่างสูงใหญ่สองเมตรครึ่ง ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลสั่น ใบหน้ายื่นแหลม ใบหูแหลมปกคุมด้วยขนสีน้ำตาลตั้งชี้ นัยน์ตาสีแดงก่ำเล็กแคบราวสัตว์ป่า ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เขาอยู่ในเสื้อกางเกงยืดหลวมโพรกสีดำ แต่เพราะขนาดร่างกายที่ใหญ่โตกว่าปกติทำให้ชุดรัดแน่น สองมือและสองเท้าเปลือยเปล่า แต่เล็บมือเท้าแหลมคมราวใบมีด เมื่อเท้าเหยียบพื้นแข็งจะทึ้งรอยกรงเล็บแหลมลึกเอาไว้
นักฆ่าคนที่สองอยู่ไม่ห่างกันนัก เขาเป็นชายร่างเตี้ยสูงแค่หนึ่งเมตรหกสิบ เขาอยู่ในชุดคลุมสั้นสีดำ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเกร็ดสีเงินทั่วร่าง ดวงตารีแคบเปร่งประกายเย็นชากระหายเลือดออกมาอย่างไม่ปกปิด ด้านหลังของเขามีห่างยาวกว่า 3 เมตร เลื่อยไปมาบนพื้นราวกับงู
นักฆ่าคนที่สาม อยู่ไกลออกไปเล็กน้อย เป็นชายร่างผอมสูงเมตรเก้าสิบ เขามีใบหน้าคนทวีปตะวันตกปกติไม่มีส่วนใดผิดปกติบนร่างกาย นอกจากเสื้อหนังสีดำเข้มที่กลืนหายไปในความมืดราวกับไม่มีตัวตน
นักฆ่าทั่งสามลงมาจากเนินสูงได้ ก็เห็นพื้นที่โล่งกว้างไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้อีก ใบหน้าของทั้งสามก็ส่องประกายทันที โดยเฉพาะคนที่มีผิวเกร็ดงูสีเงิน กลิ่นอายโหดเหี้ยมแผ่กระจายออกมา ดวงตาอสรพิษจ้องมองร่างจิวโมไป๋ที่อยู่ไกลออกไปราวกับคนตาย
ไม่รอช้าทั้งสามก็ทะยานร่างไปหา จิวโมไป๋อย่างรวดเร็วกว่าเดิม เพียงพริบตาก็อยู่ห่างไม่ถึง 100 เมตร
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย เขาก็ใช่ท่าเท้าย่างก้าวประกายภูติอย่างรวดเร็ว แต่เงาที่แยกออกมาไม่เคลื่อนไหว เงาทั่งสองยืนบังร่างจริงของจิวโมไป๋ที่พุ่งออกไป
นักฆ่าทั้งสามที่กำลังใกล้เขามาก็มองอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่หยุด นักฆ่ามนุษย์หมาป่าสีน้ำตาล ยกกรงเล็บแหลมคมขึ้นมาก่อนจะตะปบใส่เงาทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม
แต่ในตอนนั้นเอง…
จิวโมไป๋ก็หันหลังกลับมาก่อนจะโยน ของในมือสองข้าง เข้าใส่นักฆ่าทั้งสามทันที
นักฆ่ามนุษย์หมาป่าสีน้ำตาลที่สลายเงาทั้งสองไปได้ เห็นแผ่นกระดาษและถังสี่เหลี่ยมที่โยนเข้ามาก็เค้นเสียเย้ยหยัน เขาเป็นผู่บ่มเพาะขั้นที่ 5 กระดูก และ มีสายเลือดหมาป่าขนน้ำตาล ถูกจัดให้อยู่ในลำดับสายเลือดของ มนุษย์หมาป่าไลแคนท์ ในตำนาน แม้เขาจะไม่ถึงขั้นอาวุธธรรมดาไม่อาจทำลายร่างกาย แพ้แค่อาวุธที่ทำจากเงินเหมือนมนุษย์หมาป่า แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า กระสุนปืนหรือระเบิดไม่สามารถทำลายร่างกายได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโยนกระดาษกับถังมา เขาก็กระตุกเขี้ยวแหลมคมออกมา เพราะเหมือนกับว่าเขาโดนดูถูก
เขาไม่สนใจกระดาษสองแผ่น แต่ตวัดกรงเล็บทำลายถังน้ำอย่างไม่ลังเล
นักฆ่าคนที่สามที่อยู่หลังสุด เห็นอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกตเขารีบตะโกนห้ามเสียงดัง
“อย่า!”
ตูม!
แต่ก็ช้าไปแล้วถังใส่น้ำแตกกระจายเหมือนระเบิด แต่ไม่ใช่ระเบิดไฟ มันเป็น ระเบิดละอองน้ำสีทองประกายระยิบระยับลอยฟุ้งอยู่บนอากาศกินพื้นที่หลายสิบเมตรแม้แต่สายฝนก็ไม่สามารถสลายละอองสีทองได้ และยังผสมกับละอองสีทองกายเป็นน้ำสีทองเจือจางบนพื้น
“นี่มันอะไรกัน!”นักฆ่ามนุษย์หมาป่าสีน้ำตาลร้องคำรามหัวเสีย ร่างเขาปกคลุมไปด้วยสีทอง ทำให้ร่างกายของเขาส่องประกายสีทองระยิบระยับบาดตา แม้อยู่ไกลหลายร้อยเมตรก็สามารถมองเห็นได้ เขายกมือปาดสีทองออกแต่มันก็ไม่สามารถลบออกจากขนของเขาได้
นักฆ่าเกร็ดเงินที่ตามมาด้านหลัง เมื่อเห็นละอองสีทองระเบิดออกมาเขาก็รีบถอยหลบมาอย่างรวดเร็ว แต่เสื้อคลุมของเขาบางส่วนถูกละอองสีทองเกาะติดเล็กน้อย
“ซิลเวอร์! ถอยออกมา”นักฆ่าคนที่สามร้องตะโกนเตือนอีกครั้ง นักฆ่าเกร็ดเงินรีบถอยทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด
แต่นตอนนั้นเอง
แผ่นยันต์วายุทั้ง 2 ใบ พุ่งลอยผ่านร่างของนักฆ่ามนุษย์หมาป่าขนสีน้ำตาล มาอยู่เบื้องหน้านักฆ่าเกร็ดเงิน แล้วแผ่นยันต์ก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ในวินาทีต่อมา ก็เกิดคลื่นพายุหมุนขนาดเล็ก 2 วง ดูดกลืนละอองสีทอง สายฝน และดินโคลนที่ชุ่มช่ำ จากนั้นพายุทั้งสองก็ผสมกันกลายเป็นพายุสีทองสว่างเจิดจ้าขนาดใหญ่ ขับไล่ความมืดมิดโดยรอบให้หายไป แม้อยู่ไกลออกไปหลายสิบกิโลเมตรก็สามารถมองเห็นพายุสีทองนี้ได้
“อ๊ากกก!”นักฆ่าเกร็ดเงินที่ภายในพายุสีทองกรีดร้องเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง ร่างของเขาถูกพายุกลืนกินอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังฝืนยืนทนอยู่ได้โดยไม่ถูกพายุหอบขึ้นไป แต่ร่างของของเขาก็ถูกละอองสีทองและดินโคลนปกคลุมทั่วร่าง สภาพของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าเละเทะยีบเยินที่สุด
นักฆ่าคนที่สามที่เห็นสิ่งผิดปกติก่อนคนอื่น เขาตั้งใจจะถอยหลบแต่โชคร้ายที่ละอองสีทองถูกพายุผสมเข้าไป และมันก็ถูกพลังของพายุสาดกระจายออกไปทั่วบริเวณ ทำให้ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสีทองเช่นกัน ในตอนนั้นเองใบหน้าของนักฆ่าคนที่สาม ก็ปรากฏเส้นเลือดสีม่วงขึ้น ดวงตาทั้งหมดกลายเป็นสีม่วงเข้ม พลังงานมืดมิดชั่วร้านแผ่กระจายออกจากร่างจนเกิดคลืนที่มองไม่เห็น
นักฆ่าคนที่สาม ยกฝ่ามือสองข้างที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยสีทองขึ้นมา บนฝ่ามือเกิดของเหลวสีม่วงไหลออกมาจากผิวหนัง ก่อนจะจับตัวกลายเป็นของแข็งรูปกรวยแหลมยาวกว่า 1 เมตร
“หายไป!!!”
คลืนนน
ทางด้านนักฆ่ามนุษย์หมาป่าขนสีน้ำตาล ตอนนี้ถูกพายุตรึงร่างไว้ไม่สามารถขยับได้ แต่ในพริบตาต่อมา เขาก็ร้องคำรามเสียงดังลั่น กล้ามเนื้อทั่วร่างบูดโปนออกมาจนเห็นเส้นเลือดหนา ก่อนที่จะพุ่งร่างออกไป ดวงตาสัตว์ป่าส่องประกายบ้าคลั่ง
ตั้งแต่เขาได้ปลุกสายเลือด เขาไม่เคยถูกทำให้อับอายแบบนี้มาก่อน เขาจะต้องฆ่า ชโลมเลือด เนื้อ อวัยวะทั้งหมด ให้แก่จ้าวแห่งความมืด!
“แกต้องตาย!!!”
จิวโมไป๋พุ่งทะยานร่างด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี เขาไม่เหลียวมองด้านหลังเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่าพายุหยุดนักฆ่าได้ไม่นานนัก
อย่างน้อยเขาก็สังหารนักฆ่าไป 4 คน และทำการป้ายสีทองประกาย นักฆ่า 3 คน สีทองที่เขาผสมขึ้นมาด้วยวิธีพิเศษ ที่ยากจะล้างออก ทำให้นักฆ่าทั้ง 3 ไม่อาจซ่อนตัวได้อีกต่อไป
แม้จะช่วยไม่ได้มากนักแต่ก็คงช่วยแบ่งเบาภาระกลุ่มของรัฐบาลไปได้บาง…
พายุสีทองที่เขาทำคือการส่งสัญญาณเตือนเป็นครั้งสุดท้าย อย่างน้อยเขาสามารถเรียกคนที่อยู่โดยรอบเห็นพายุสีทอง แล้วมาที่นี่ เพื่อให้แผ่นการที่คนขององค์กรโลหิตนิรันดร์ เกิดความปั่นป่วน อาจทำให้สายลับที่ซ่อนตัวอยู่ถอยออกไป และสายลับที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนของรัฐบาล เห็นว่าตรงจุดซุ่มโจมตีถูกเปิดเผย เขาอาจตกใจจนเผลอแสดงพิรุธอะไรออกมาก็ได้
หรืออย่างน้อยเมื่อคนของรัฐบาลเห็นว่าจุดที่พวกเขาต้องเดินผ่านเกิดเหตุการอะไรที่ผิดปกติ พวกเขาอาจเปลี่ยนเส้นทาง ถอยกลับไปก่อน หรือเพิ่มกำลังคนมาเสริม ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ดีทั้งนั้น…
จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขาช่วยได้แค่นี้จริงๆ
แต่ในขณะที่จิวโมไป๋กำลังออกจากทางโล่งกว้าง เพื่อเข้าไปในช่องภูเขาซับซ้อนเบื้องหน้า จิตสัมผัสของเขาก็สัมผัสได้ว่าด้านหน้าของเขากำลังมีคนออกมา
เมื่อจิตสัมผัสตรวจสอบอีกฝ่ายได้ ใบหน้าใต้หน้ากากของจิวโมไป๋ก็เปลี่ยนไป
“เนี่ยฟูหาน… ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
คอมเม้นต์