ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 103
เมื่อประตูมิติวิญญาณเปิดออก จะมีวิญญาณจำนวนมากค่อยๆไหลเข้ามาสู่โลก ซึ่งกว่า96%เป็นวิญญาณร้าย 4%เป็นวิญญาณเป็นกลาง หรือวิญญาณที่ยังมีห่วงอยู่ทำให้ไม่หลุดพ้น
ในตอนที่ประตูวิญญาณเปิดออก เขาไม่เคยเจอกับพวกมันด้วยตัวเอง หลังจากที่เขาเข้าองค์กรลับ วิญญาณร้ายส่วนมากก็ถูกกำจัดไปจนหมด เขาได้แต่ดูบันทึกการกำจัดวิญญาณร้ายเท่านั้น
เมื่อวิญญาณเข้าสู่โลก การบ่มเพาะวิญญาณในเส้นทางปรมาจารย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เพราะการกำจัดวิญญาณร้ายและการช่วยวิญญาณเป็นกลางให้หมดห่วง จะได้รับเศษเสี่ยวของวิญญาณ จากวิญญาณที่เรากำจัด ยิ่งกำจัดวิญญาณมากเท่าไหร่ วิญญาณของเราก็แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ทำให้คนที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะวิญญาณ สามารถกลายเป็นปรมาจารย์ได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่ไม่มีพรสวรรค์ วิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมันก็ช่วยให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถต้านทานอาการผิดปกติทางจิตใจต่างๆเช่น ภาพลวงตา พลังกดดัน จิตสังหาร หรือการฝ่าขั้นการบ่มเพาะพลังจะง่ายขึ้น
แต่ไม่ใช้วิญญาณทุกดวงจะสามารถกำจัดได้ทั้งหมด วิญญาณร้ายผู้บ่มเพาะพลังสามารถกำจัดพวกมันได้โดยตรง ไม่เกิดผลเสีย นอกจากวิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เราจะได้รับกรรมดีซึ่งมันช่วยให้เรามีโอกาศได้รับโชควาสนาในบางโอกาส
วิญญาณเป็นกลางคือวิญญาณที่ไม่มีบาปติดตัว พวกมันมีแต่ห่วงที่ยังติดค้าง ทำให้ไม่สามารถไปเกิดได้ ผู้บ่มเพาะพลังไม่สามารถกำจัดพวกมันได้ด้วยกำลัง เราต้องช่วยทำตามความปรารถนาของวิญญาณเป็นกลางให้สมบูรณ์ เพื่อให้วิญญาณเป็นกลางได้หลุดพ้นและกลับลงโลกวิญญาณรอการเกิดใหม่
แต่ถ้ามีผู้บ่มเพาะใช้กำลังกำจัดวิญญาณเป็นกลาง คนๆนั้นจะยังได้รับวิญญาณอยู่เหมือนกำจัดวิญญาณร้าย แต่คนๆนั้นจะได้รับกรรมชั่ว มันทำให้คนๆนั้นเจอแต่โชคร้าย การบ่มเพาะติดขัด เมื่อการบ่มเพาะพลังสูงขึ้นจะยิ่งพบเจอกับคอขวด ทำให้เส้นทางการบ่มเพาะพลังหยุดลงอย่างรวดเร็ว
ข้อดีของการช่วยวิญญาณเป็นกลาง คือวิญญาณที่ได้จะมากกว่าการกำจัดวิญญาณหลายสิบเท่า บางครั้งช่วยวิญญาณเป็นกลางครั้งเดียวเท่ากับกำจัดวิญญาณร้ายร้อยตัว
และถ้าโชคดี วิญญาณเป็นกลางยอมทำข้อตกลงกับผู้บ่มเพาะวิญญาณ อาณาเขควิญญาณของวิญญาณเป็นกลางจะหลอมรวมเข้ากับ ทะเลวิญญาณของผู้บ่มเพาะ เท่ากับว่าทะเลวิญญาณขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก นอกจากนั้นวิญญาณเป็นกลางจะกลายเป็นผู้ช่วย สามารถเรียกออกมาสนับสนุนได้ทุกเวลา มันทำให้ผู้บ่มเพาะวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
แต่น้อยคนที่สามารถทำให้วิญญาณเป็นกลางยอมทำข้อตกลงได้
คนบนโลกที่ถูกบันทึกไว้มีแค่ 9 คน และ 8 คนทำข้อตกลงกับวิญญาณแค่ 1 ตน
แต่ หนิงหานเป๋ย เขามีวิญญาณที่ทำข้อตกลงถึง 3 ตน! ข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลในเวลา 10 ปีหลังจากเหตุการณ์พลังวิญญาณพลุ่งพล่าน หลังจากนั้นไม่มีบันทึกไว้ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนั้น หนิงหานเป๋ยทำข้อตกลงวิญญาณอีกกี่ตน
ที่เขารู้ก็คือ ในช่วงหลังจาก 10 ปี ไม่มีใครกล้าท้าทายบริษัทโลกเสมือนของหนิงหานเป๋ยเลยสักคนเดียว จนบริษัทโลกเสมือนขยายกิจการไปทั่วมิตินับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่หนิงหานเป๋ยไม่มีภูมิหลังใดๆ จนเขาได้รับฉายา‘ผู้สร้าง’ จากผู้คนของมิตินับไม่ถ้วน
เพราะระดับของเขาในองค์กร ไม่มากพอทำให้เขาไม่สามารถสืบความลับของหนิงหานเป๋ยได้ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขาและหนิงหานเป๋ยนั้นดีมาก และพวกเขาจะสร้างบริษัทโลกเสมือนด้วยกัน…
จิวโมไป๋มองไปที่ทางเดินครู่หนึ่ง พลางใช้ความคิด ในอดีตเขาไม่มีโอกาสได้กำจัดวิญญาณร้าย เขาต้องใช้กำลังตัวเองในการเข้าสู่เส้นทางปรมาจารย์ ทำให้สูญเสียเวลาไปอย่างมาก
โชคดีที่ในตอนนี้เขาพบ หัวใจพฤกษาบรรพกาล ทำให้เขาสามารถเข้าสู่เส้นทางปรมาจารย์อย่างง่ายดาย
เขาลังเลที่จะปลดปล่อยวิญญาณชายหลังประตู เพราะมันเป็นงานที่ยากและน่าปวดหัว ถ้าโชคร้ายมันทำให้เสียเวลามาก
วิญญาณชายหลังประตูเป็นวิญญาณเป็นกลาง ที่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต มันจะทำอันตรายกับคนที่บุกรุกเข้าไปในอนาเขตของมันเท่านั้น ซึ่งอาณาเขตวิญญาณของวิญญาณแต่ละตนจะมีความแข็งแกร่งไม่เท่ากัน นอกจากนั้นอาณาเขตวิญญาณยังมีคุณสมบัติแตกต่างกัน
อาณาเขควิญญาณของชายหลังประตูคือ‘อาณาเขตวิญญาณประตูซ้อน’ มันไม่ได้เป็นอาณาเขตวิญญาณที่สลับซับซ้อนอะไรเลย แต่โชคร้ายที่ห่วงก่อนตายของชายหลังประตูคือตามหารูปภาพภรรยาของเขา
เพราะพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง ทำให้อาณาเขตวิญญาณของชายหลังประตู มีห้องนับพันห้อง และความสามารถของอาณาเขตวิญญาณ ทำให้ทุกครั้งที่เปิดประตู ห้องที่เปิดไปจะไม่ใช้ห้องเดิม เมื่อปิดประตูและเปิดใหม่ห้องหลังประตูจะเปลี่ยนไป พูดง่ายๆคือทุกครั้งที่เปิดประตูจะทำการสุ่มหนึ่งห้องจากห้องนับพันในอาณาเขต การหารูปภาพใบเดียวมันเป็นไปไม่ได้ และที่ทำให้กลายเป็นที่ปวดหัวที่สุด จนไม่มีใครอยากจะช่วยแก้ห่วงให้ก็คือ คนที่เข้าไปหารูปถ่ายจะมีโอกาศหาแค่ 13 นาที เท่านั้น
ถ้าไม่พบจะถูกชายหลังประตูดูดพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่งก่อนจะขับไล่ออกจากอาณาเขตวิญญาณ
ที่ยังมีคนยอมเข้าไปช่วยปลดห่วงก็เพราะ วิญญาณของชายหลังประตูแข็งแกร่งมากจนน่ากลัว ถ้าช่วยปลดปล่อยสำเร็จ จิตวิญญาณที่ได้รับจะมหาศาล จนสามารถเลือนขั้นจิตวิญญาณได้ ทำให้มีคนกล้าเสี่ยง แต่สุดท้ายก็ต้องจบด้วยการสลบไม่ได้สติเสียทุกคน
ในเวลา 3 ปี มีผู้ถูกวิญญาณหลังประตูดูดพลัง มีทั้งหมด 100,000คน พูดได้ว่า น่ากลังยิ่งกว่าวิญญาณร้ายซะอีก…
จิวโมไป๋พูดกับชายหัวล้านเล็กน้อย ก่อนที่จะกดโทรออก ไม่นานก็มีคนรับ
“คุณจิว มีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“พี่หนิง ผมบอกแล้วให้เรียกผมว่าโมไป๋ก็พอ”จิวโมไป๋ยิ้มอ่อนเล็กน้อยก่อนจะเข้าประเด็น”ผมมีเรื่องให้ช่วยหน่อย พี่หนิงมาที่… ได้ไหมครับ”
“ได้ครับ…เอ่อ…รอสักครู่นะครับ”จบคำปลายสายก็กดวางทันที
จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อย ในใจรู้สึกเสียดาย แต่ไม่นานเขาก็ปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เขาแค่ช่วยส่งมันไปให้เจ้าของที่สมควรได้รับ เร็วกว่าเดิมเท่านั้น…
คอมเม้นต์