ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 122

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 122 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ต่อสู้นอกเมือง มือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง

หัวหน้าฟู่ที่กำลังหยอกล้อภรรยาคนใหม่อยู่ชะงักกึก หันมามองจิวโมไป๋ด้วยความไม่พอใจ

จิวโมไป๋ไม่สนใจสายตาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขามองชายแก่เจ้าของร้าน

“ไม่มีคนประมูลต่อแล่ว นกตัวนี้ฉันเอาไปได้เลยไหม”จิวโมไป๋ยิ้ม

ชายแก่เจ้าของร้านลังเลมองหัวหน้าฟู่ก่อนจะหันมากัดฟันพูดกับจิวโมไป๋

“คุณไม่สามารถซื้อนกตัวนี้ได้”

จิวโมไป๋อ่านสีหน้าชายแก่เจ้าของร้านออก เขาไม่โกรธแต่ยิ้มให้ก่อนกระซิบแผ่วเบา”ไม่ต้องกลัว เขาไม่สามารถทำอะไรผมได้หรอก”

ชายแก่เจ้าของร้านลังเลเขาหันมาดูหัวหน้าฟูอีกครั้ง แต่ตอนนี้หัวหน้าฟู่มองไปทางจิวโมไป๋ไม่วางตา แววตาของเขาดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ

“ส่งเลขบัญชีมาได้เลยครับ”จิวโมไป๋พูดอีกครั้ง

สุดท้ายชายแก่เจ้าของร้านก็ตัดสินใจ กดกำไลเปิดโฮโลแกรมให้จิวโมไป๋

จิวโมไป๋อ่านเลขบัญชี เขาก็โอนเงินไปทันที

หัวหน้าฟู่ที่มองดูอยู่ก็ยิ้มเย็นชา เขาหันหลังจากไปทันที โดยมีหญิงสาวมองจิวโมไป๋เล็กน้อยก่อนเดินตามไป กลุ่มคนที่ดูอยู่มองจิวโมไป๋ด้วยความสงสาร แต่พวกเขาไม่พูดอะไรแยกย้ายกันเดินไปคนละทาง

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าฟู่จากไปชายแก่เจ้าของนกขอบคุณจิวโมไป๋

“ขอบคุณ จริงๆถ้าไม่ได้เธอฉันต้องแย่แน่ๆ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”จิวโมไป๋สังเกตุท่าทางของชายแก่เจ้าของร้านและเด็กฝาแฝดมานาน เขาอดไม่ได้ที่จะถาม

ชายแก่เจ้าของร้านเล่าทันที่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เงินที่ได้จากการขายนกอินทรี เขาจะเอาไปรักษาลูกชายและลูกสะใภ้ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการลอบสังหารนักวิจัย ทั้งสองเป็นนักล่าที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วถูกลูกหลงจากการต่อสู้

จิวโมไป๋เงียบไปครู่หนึ่งแล้วถาม“รัฐบาลไม่ให้การช่วยเหลือเลยเหรอ”

ชายแก่ถอนหายใจก่อนตอบ“ช่วยแค่ค่ารักษาพยาบาลเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาบอกว่าการบาดเจ็บไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล นอกจากลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันแล้วยังมีอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บหนัก และยังมีคนเสียชีวิตด้วย”

จิวโมไป๋นิ่งไป เหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้รัฐบาลจะต้องช่วยเหลือสุดความสามารถ แต่ที่ไม่ได้รับการชดเชยและการรักษาให้ดี คงมีการโกงกินภายในขั้นตอนการจ่ายค่าเยียวยาอย่างแน่นอน

ตอนนี้เขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่สามารถช่วยอะไรใครได้เลย

จิวโมไปได้แต่ถอนหายใจออกมา

ชายแก่เจ้าของร้านเอานกอินทรีใส่กรงเหล็กยื่นให้ จิวโมไป๋รับมามองลงไปที่นกอินทรี มันเอียงคอมองผ่านซี่กรงมองสบตา

จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสปลอบโยนมันอย่างอ่อนโยน มันหลับตาลงเหมือนหลับไป

“ผมไปก่อนนะครับ ถ้าคนๆนั้นมาหาเรื่องพวกคุณ สามารถติดต่อมาหาผมได้”จิวโมไป๋ส่งเลขติดต่อก่อนเอ่ยลา

ชายแก่เจ้าของร้านและฝาแฝดทั้ง 2 ก้มหน้าขอบคุณจิวโมไป๋อีกครั้ง ก่อนจะพากันไปที่โรงพยาบาล

จิวโมไป๋ถือกรงนกอินทรีเดินเข้าไปด้านในตลาดซื้อ-ขายสัตว์ เขาเลือกเข้าร้านขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่สภาพร้านสะอาดและเป็นระเบียบ

เขาซื้อสัตว์กินพืชหลายชนิดเป็นคู่ ตัวผู้และตัวเมีย โดยเฉพาะ กวาง แพะ วัว ม้า เขาซื้อ 6-8 ตัว เขาให้ร้านส่งไปที่เกาะโดดเดี่ยวภายในวันนี้

จากนั้นเขาก็เดินไปที่ฝั่งขายแมลงเขาซื้อ รังผึ้งหลายสิบรัง ตัวอ่อนหนอนผีเสื้อ แมลงอีก 20 กว่าชนิด เขาให้ทางร้านส่งไปที่เกาะโดดเดี่ยว

ก่อนออกจากตลาดซื้อ-ขายสัตว์ มีร้านขาดเมล็ดพันธุ์เล็กๆอยู่ เขาเดินเข้าไปดูมีเมล็ดพันธุ์หลายอย่างที่น่าสนใจ เขาเหมาซื้อจำนวนมาก โดยเฉพาะเมล็ดสมุนไพร

เมื่อเสร็จแล้วจิวโมไป๋เดินไปที่รถ เอากรงนกวางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับก่อนจะขับรถกลับไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว

ระหว่างกำลังขับ จิตสัมผัสได้พบว่าด้านหลัง มีรถตู้สีดำ 4 คันกำลังขับตามอยู่ จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อยก่อนขับมาจอดสวนสาธารณะใกล้ๆร้านอาหารตระกูลจิว

จิวโมไป๋จอดรถไว้ที่จอดรถที่ผู้คนหนาแน่น เขาลงจากรถโดยไม่ดับเครื่อง แต่ล๊อครถไว้ จากนั้นเขาก็เดินหลบเลี่ยง สลัดการติดตาม ออกจากสวนสาธารณะ ไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว

จิวโมไป๋ขึ้นไปพบพ่อแม่ ที่กำลังยุ่งอยู่ เสี่ยงไป๋และเสียงเหมยกำลังนอนดูโทรทัศน์ เมื่อทั้งสองเห็นเขาเข้ามาพวกมันก็พุ่งเข้ามาหาทันที จิวโมไป๋ยิ้มให้พ่อแม่ ก่อนจะพาเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยออกมา เขาลงไปหาเสี่ยวหวงที่กำลังนอนเบื่ออยู่ด้านล่าง

“หลับไปก่อน ฉันจะพาแกไปที่อื่น”จิวโมไป๋ลูบหัวเสี่ยวหวงเบาๆ มันก็หลับ จากนั้นเขาก็หยิบยันต์ออกมาเผา ร่างของเสี่ยวหวงก็เล็กลง จิวโมไป๋อุ้มมันขึ้น เสี่ยงไป๋และเสี่ยงเหมยกระโดดเกาะไหล่จิวโมไป๋

จิวโมไป๋พาทั้งสาม ไปที่สวนสาธารณะ ตรงไปที่รถโดดตรง เพราะเป็นที่มีผู้คนผ่านไปมา ทำให้มีกล้องวงจรติดหนาแน่น ไม่มีใครกล้าขโมยในที่นี่แน่

เมื่อขึ้นรถเขาขับออกจากเมืองเทียนซูทันที เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยนั่งแยกกันโดยมีเสี่ยงหวงที่หลับไม่ได้สติอยู่ตรงกลางที่เบาะหลัง

ออกจากเมืองมาได้ระยะหนึ่งรถตู้สีดำ 4 คัน ที่รอเวลาอยู่แล้วก็เร่งความเร็ว ขับแซงขึ้นมาจอดดักขวางทางเอาไว้

พร้อมกับชายในขุดดำหลายคนเดินลงจากรถตู้ ด้านหลังเป็นหัวหน้าฟู่ เดินลงมาพร้อมกับหญิงสาว

“อยู่ในรถไม่ต้องลงมา”จิวโมไป๋บอกเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย และเปิดประตูรถออกมา จิตสัมผัสของเขาระบุจำนวนอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว 24 คน ไม่รวมหัวหน้าฟู่และหญิงสาว

“เด็กน้อยแกกล้ามากที่ทำให้ฉันคนนี้เสียหน้า”ใบหน้าของหัวหน้าฟู่เย็นชา เมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีคนอวดดีแบบนี้เหมือนกัน

ไม่รู้หรือไงว่าฉันคนนี้เป็นใคร!

หัวหน้าฟู่ข่มความไม่พอใจ ไว้ในใจมองจิวโมไป๋เหมือนคนตาย เขาไม่ร้องบอกให้อีกฝ่ายมอบนกอินทรี แต่เขาต้องการซ้อมอีกฝ่ายให้ปางตาย

ไม่ต้องมีคำพูดอะไร หัวหน้าฟูโบกมือ ลูกน้องทั้งหมดก็เดินเข้าไปหาจิวโมไป๋ บางคนไม่ได้ตั้งท่าต่อสู้อะไรด้วยซ้ำ

จิวโมไป๋เปิดกำไลข้อมมือ กดบันทึกภาพจากกล้องหน้ารถคันใหม่ ที่หันมาทางนี้พอดี

ชายชุดดำคนแรกพุ่งเข้ามาหวังสร้างผลงาน แต่เพียงหมัดเดียวคนแรกก็ร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำอีกคนชะงักด้วยความตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว จิวโมไป๋พุ่งเข้ามาใช้หมัดซัดลงไป ตามไปด้วยคนต่อๆไป พวกชายชุดดำทั้งหมดเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 2 กลาง มีจำนวนน้อยเป็นขั้นที่ 2 ปลาย จิวโมไป๋ไม่แม้แต่ใช้แรงอะไรเลยไม่นานทั้งหมดก็ลงไปนอนกองกับพื้น

หัวหน้าฟู่เป็นแค่คนตระกูลชั้นล่าง เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องเล่นงานเขาภายหลังได้ เพราะมีหลักฐานบันทึกเอาไว้

แม้ตระกูลชั้นล่างจะมีอำนาจในระดับหนึ่งที่สามารถรังแกคนอื่นได้ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่นัก เพราะตระกูลชั้นล่าง แตกต่างจากตระกูลชั้นกลางและสูงคือ พวกเขามีอำนาจในระดับที่สูงกว่าคนธรรมดา แต่รากฐานตระกูลไม่แข็งแรง ถ้ามีการต่อสู้แย่งชิงแค่เล็กน้อยสามารถล่มสลายลงได้ทุกเมื่อ ทำให้ตระกูลระดับล่างส่วนมากมักจะระวังตัว ไม่เปิดเผยความผิดอะไรออกมาแม้แต่น้อย

แตกต่างจากตระกูลชั้นกลางขึ้นไป ที่มีอำนาจในระดับที่สามารถลบความผิดไปได้ แม้จะไม่ทุกคดีก็ตาม

ถ้าเป็นคนที่มีอำนาจแข็งแกร่งจริงๆ หัวหน้าฟู่คงกล้าแย่งนกอินทรีจากเขาโดยตรง ตั้งแต่ตลาดซื้อ-ขายสัตร์หรือที่สวนสาธารณะแล้ว แต่หัวหน้าฟู่ไม่กล้าลงมือ เพราะยังมีความเกรงกลัวอยู่ และระดับการบ่มเพาะพลังของลูกน้องที่อ่อนแอ ทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ตระกูลระดับล่าง หรืออาจจะพึ่งกลายเป็นตระกูลระดับล่างเสียด้วยซ้ำ

จิวโมไป๋มองหัวหน้าฟู่ที่ตอนนี้ใบหน้าซีดเผือกไปแล้ว เขายิ้มเล็กน้อย และกำลังจะพูด

ก็มีรถตู้สีดำเหมือนกับของหัวหน้าฟู่ รถตู้ทั้ง 3 คัน ขับมาจอดดักอีกด้าน เมื่อประตูรถตู้เลือนเปิด ชายในชุดดำเหมือนลูกน้องหัวหน้าฟู่ไม่มีผิด แต่ทุกคนใส่ผ้าปิดปากปกปิดใบหน้าไว้ และระดับการบ่มเพาะพลังสูงกว่าลูกน้องตอนแรก 1 ขั้น ทุกคนเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 และมีหนึ่งคนที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 กลาง

กลุ่มคนในชุดดำจำนวน 19 คน หยิบอาวุธกระบองเหล็กออกมา เดินตรงไปที่จิวโมไป๋

หัวหน้าฟู่มองคนที่ลงจากรถตู้ด้วยความงุนงง เพราะเขาไม่เคยพบคนพวกนี้มาก่อน

กลุ่มคนในชุดดำ พุ่งเข้าหาจิวโมไป๋โดยไม่มีการพูดอะไรทั้งสิ้น

จิวโมไป๋โยกหลบกระบองเหล็กที่ฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทุกลักทุเลเต็มที เพราะอีกฝ่ายระดับการบ่มเพาะอย่างน้อยก็ขั้นที่ 3 เส้นเอ็นต้น แม้ความแข็งแกร่งในแต่ละระดับขั้นสร้างฐานจะไม่มากนัก แต่ในขั้นเส้นเอ็นความยืดหยุดของเส้นเอ็นในร่างกายและกล้ามเนื้อจะสูงมาก

เมื่อมีอาวุธในมือแม้จะตีมั่วๆ แต่มันก็เร็วและรุนแรงกว่าปกติ และด้วยคนจำนวนมากที่บุกมาพร้อมกัน ทำให้ยากขึ้นไปอีกที่จะหลบหลีก

ชายชุดดำเหมือนถูกฝึกการต่อสู้มาอย่างดี ทันทีที่เข้ามาพวกเขาพยายามล้อมจิวโมไป๋ ทุกทิศทาง แต่ด้วยความเร็วจิวโมไป๋หลุดออกมาได้ แต่จำนวนคนที่มากกว่า จิวโมไป๋ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ

แม้เขาจะมั่นใจว่าเกล็ดมังกรของเขาสามารถป้องกันได้ แต่มันจะเป็นการเปิดเผยความสามารถของเขาออกมา

จิวโมไป๋หลบไปหลบมาก่อน เหลือบไปเห็นหัวหน้าฟู่ที่ยืนสับสนอยู่ ฝั่งตรงข้าม แววตาของเขาเป็นประกาย

“หัวหน้าฟู่ จัดการเลย!”จิวโมไป๋แกล้งตะโกนเสียงดัง

หัวหน้าฟู่สะดุ้งเฮือกตกใจ

“อะไร!”

ในช่วงเวลานี้เองที่ชายชุดดำบางคนชะงัก สัญชาติญาณร้องสั่งให้หันไปมองหัวหน้าฟู่ เพียงเสี่ยววินาทีพวกเขาก็รู้ตัวว่าพลาดแล้ว

จิวโมไป๋ได้จังหวะ เขาพุ่งเขาไปคว้าชายชุดดำคนหนึ่งแล้วแย่งกระบองเหล็กมา แล้วเหวี่ยงกระบองเหล็ก กระแทกกระบองเหล็กของชายชุดดำอีกสองคนที่ฟาดลงมา ให้กระเด็นออกไป และถอยหลบห่างออกมาถอดเสื้อตัวนอก พันกระบองเหล็กเพื่อลดความรุนแรง

แม้ตามกฎหมาย ในตอนนี้เขาจะถือว่าเป็นการต่อสู้ป้องกันตัว แต่มันก็มีกฎยิบย่อยหลายอย่าง เขาไม่อยากเสี่ยง

เมื่อได้อาวุธ จิวโมไป๋ก็มั่นใจขึ้น เขาฟาดจัดการคนที่เขามาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ครั้งก็จัดการไปมากกว่าครึ่ง มีอาวุธในมือความแข็งแกร่งก็เพิ่มส่วนหนึ่ง

ชายชุดดำขั้นที่ 4 กลางที่ซ่อนตัวดูอยู่ห่างๆ เขาแอบเขามาจากด้านข้าง จิวโมไป๋ที่ใช้จิตสัมผัส ตรวจสอบเอาไว้อยู่แล้ว ในตอนที่อีกฝ่ายฟาดกระบองเหล็กเข้ามา เขาเอียงตัวหลบเล็กน้อย ทำให้กระบองเหล็กพลาด ฟาดใส่พื้นเสียงดัง ในจังหวะนี้เอง จิวโมไป๋ฟาดกระบองเหล็กหุ้มผ้าในมือใส่ขาอีกฝ่ายจนราว

ไม่รอให้อีกฝ่ายให้ล้มลงไป จิวโมไป๋หมุนตัวเตะอกชายชุดดำขั้นที่ 4 จนกระเด็นออกไป

ชายชุดดำที่เหลือ ใบหน้าภายใต้หน้ากากตอนนี้ซีดขาว แต่ก็ต้องจำใจบุกเข้ามา เพราะหนีไม่ได้

เพียงไม่กี่วินาที ทั้งหมดนอนลงไปกองกับพื้น จิวโมไป๋หอบเหนื่อยเล็กน้อย จิวโมไป๋มองหัวหน้าฟู่ ที่ตอนนี้กลับเข้าไปในรถ และขับออกไปโดยไม่สนใจลูกน้องตัวเอง เขารู้ว่าคนที่มาที่หลังไม่ได้เป็นคนของหัวหน้าฟู่

จิวโมไป๋เดินไปเหยียบที่อกของชายที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 4 กลางและเค้นถาม

“พวกแกเป็นใคร”

อีกฝ่ายเงียบไม่ตอบ เขารู้ว่าจิวโมไป๋ไม่กล้าที่จะฆ่าเขาแน่ จิวโมไป๋ทิ้งกระบองเหล็กหยิบเสื้อนอกของเขามาพาดบ่า

ชกชายชุดดำสลบ ก่อนจะแฮ็คกำไลข้อมือของอีกฝ่าย ค้นหาข้อมูลอยู่นาน เขาก็พบข้อความที่เป็นคำสั่ง ให้ฆ่าเขา แต่ข้อความก่อนหน้านั้นถูกลบออกไปจนหมด ด้วยโปรแกรมบางอย่าง ถ้าเขาค้นหาต่อไปต้องใช้เวลานาน จิวโมไป๋ตัดใจ เขากดอีกไม่กี่ครั้งได้แต่หมายเลขติดต่อและจุดส่งข้อความ

จิวโมไป๋มั่นใจว่าไม่ใช้เซียวหนานจิ้น อีกฝ่ายไม่ทำอะไรเอิกเกริกชัดเจนแบบนี้แน่

เขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้ใครส่งมา เขาได้แต่สืบหาด้วยตัวเอง หรือ…

ลังเลเล็กน้อย จิวโมไป๋กดติดต่อจี้หยางเฟย เขาไม่แน่ใจว่าคนที่ส่งมาทำรายเขาคือใคร ถ้าเขาแจ้งตำรวจ อีกฝ่ายอาจออกมาได้ง่ายๆ เขาจึงให้จี้หยางเฟยช่วย แม้จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาบางอย่าง

แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนเดียวกับเตาหลอม 9 สุริยัน แต่อาจคิดว่าเขามีพื้นหลังอื่นๆ

การที่ให้จี้หยางเฟยช่วย อาจได้รับข้อมูลตัวตนของอีกฝ่ายก็ได้…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด