ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 158
จิวโมใช้พลองผ่านฟ้าเพราะมีกฎห้ามใช้อาวุธมีคม เขาไม่สามารถใช้กระบี่เลือนเร้นให้คนอื่นเห็นได้ เขาจึงต้องใช้พลองผ่านฟ้าที่เขาได้สร้างขึ้นใหม่ กลายเป็นพลองผ่านฟ้าขั้นที่ 1 สูงสุด
จิตสัมผัสของเขามีระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 1 กิโลเมตร เขาสามารถมองเห็นได้ไกล แม้จะมีเครื่องเล่นมากมาย เขาก็สามารถหาคนในนั้นและเข้าไปช่วยออกจากเครื่องเล่นได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพาออกมาเขาก็ทำให้สลบ และวางไว้ที่พื้นที่โล่ง จากนั้นก็ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เขาก็ช่วยได้เกือบหมด เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยก็กลับมาร่วมตัวกับเขา
เสี่ยวเหมยดูจะคึกคักเต็มไปด้วยพลัง ไม่แปลกเพราะมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งวิญญาณ เมื่อฆ่าวิญญาณแค้น มันจะได้รับพลังวิญญาณ เสริมพลังวิญญาณของมันให้แข็งแกร่งขึ้น
เสี่ยวไป๋ที่ไม่ได้ฝึกพลังวิญญาณ ก็ได้ผลประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณจางๆจากร่างของเสี่ยวไป๋ได้ ไม่นานเสี่ยวไป๋ก็จะสามารถบ่มเพาะวิญญาณได้
พวกเขามาถึงเครื่องเล่นสุดท้ายที่มีคนติดอยู่ ชิงช้าค่อยๆหมุนอย่างช้าๆ ทุกครั้งที่มันขยับ ทั่วทั้งชิงช้าสวรรค์จะสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะพังลงมาทุกเมื่อ แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงยังหมุนได้อยู่ไม่พังลงมา
ในชิงช้าสวรรค์มีคนติดอยู่ 4 คน พวกเขาถูกจับให้นั่งกระจายตามสี่ทิศสี่มุม ของชิงช้าสวรรค์ ถ้าไปช่วยเหลือคนใดคนหนึ่งก่อน ชิงช้าสวรรค์อาจพังลงมาทันที ในตอนนั้นเขาจะไม่สามารถไปช่วยเหลือคนอื่นได้ทัน
ในตอนนี้เขามีกันแต่ 3 ช่วยได้แค่ 3 คนเท่านั้น
จิวโมไป๋ยืนมองชิงช้าสวรรค์อย่างลังเล ในตอนนั้นเองมู่คังที่เดินตามมาตลอด ก็วิ่งเข้ามาหาจิวโมไป๋
“น้องชายขอบคุณมากที่ช่วยเหลือฉัน ออกไปเมื่อไหร่ฉันจะตอบแทนน้องชายอย่างดีเลย”มู่คังพูดกับจิวโมไป๋ด้วยความรู้สึกสำนึกบุญคุณ
จิวโมไป๋ตกใจ เขาไม่คิดว่าคนอย่างมู่คังจะตามมาขอบคุณเขาถึงที่นี่ แทนที่จะรีบหนีออกไป
เขาหันมาตบตามู่คังตรงๆเป็นครั้งแรก เขาสัมผัสได้ถึงความเย่อหยิ่งของชนชั้นสูงจากอีกฝ่าย เขาก็ไม่แปลกอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติของตระกูลชั้นสูง ที่จะมีความเย่อหยิ่งถือดี
แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ ทำไมเขาไม่เห็นถึงความชั่วร้าย หรือความรู้สึกน่ารังเกียจจากแววตาของมู่คังได้เลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามปกปิด แต่ก็็ไม่สามารถซ่อนจากเขาได้ เขาสังหารคนชั่วร้ายมาจำนวนนับไม่ถ้วน เขาพบคนชั่วช้าที่ซ่อนตัวว่าเป็นคนดีหลายคน แม้คนเหล่านั้นจะพยายามปกปิด ก็ไม่สามารถซ่อนจากเขาได้
แต่เขาไม่เห็นสิ่งพวกนี้จากมู่คังเลย เห็นแค่ลักษณะนิสัยทั่วไปของคนที่เกิดจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้น… เขาสัมผัสได้ถึงความซื่อบื้อจากมู่คังได้ด้วยซ้ำ
จิวโมไป่ลังเลเล็กน้อยก่อนพูด
“ฉันจะช่วยเหลือสี่คนนั้นคนนั้น ถ้านายต้องการจะตอบแทนฉันจริงๆ นายต้องตามฉันไปช่วยพวกเขา”
“ตกลง”มู่คังพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
ทำให้จิวโมไป๋ยิ่งแปลกใจ
แต่สุดท้ายเพราะมีเรื่องที่ต้องรีบทำ เขาบอกแผนให้มู่คังฟัง เสี่ยวเหมยจะขึ้นไปช่วยคนที่อยู่บนสุด เสี่ยวไป๋ทางซ้าย จิวโมไป๋ทางขวา มู่คังช่วยคนที่อยู่ล่างสุด มันไม่ได้ยากมากนัก แต่ก็ต้องระวังตัว เมื่อชิงช้าสวรรค์พังลงมา ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้
มู่คังเหล่มองสัตว์สีขาวตัวเล็กทั้งสองด้วยความสงสัย แต่เขาไม่ถามอะไรเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของจิวโฒไป๋
พวกเขาช่วยเหลือคนทั้ง 4 อย่างรวดเร็ว เสี่ยวเหมยวิ่งไต่ขึ้นชิงช้าสวรรค์อย่างง่ายดาย ราวกับร่างกายของมันไม่ถูกแรงดึงดูดของโลกกดทับ เมื่อไปถึงบนสุดมันก็ตวัดกรงเล็บทำลายประตูชิงช้าสวรรค์แตกกระจาย และเข้าไปคาบคนข้างในออกมา โดยไม่สนใจขนาดของคนที่มันคาบ มันกระโดดออกจากชิงช้าสวรรค์ทันทีโดยไม่ไต่ลงไป
เสี่ยวไป๋ก็ทำแบบเดียวกับเสี่ยวเหมย ทั้งสองช่วยชีวิตเหลือคนอย่างง่ายดายไม่กินแรง
ที่ยากก็คือ จิวโมไป๋ที่ต้องไต่ขอบ ตามแท่งเหล็กชิงช้าสวรรค์ขึ้นไป เมื่อเสี่ยวเหมยและเสี่ยวไป๋ช่วยคนเสร็จ เขาพึ่งถึงประตูชิงช้าสวรรค์ จิวโมไป๋ดึงประตูหลุดออกมา เขาก็เอือมมือจับคนด้านใน
มู่คังอยู่ด้านล่าง เขาไม่ต้องลำบากมากนัก เขาช่วยคนข้างในออกมาอย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นเองชิงช้าสวรรค์ก็สั่นไหวอย่างรุ่นแรง และแตกออก มู่คังรีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
จิวโมไป๋วาดฝามือข่ายอาคมสีทองหยุด ชะงักการแตกหักของชิงช้าสวรรค์ แต่มันก็ไม่นาน เขารีบพุ่งตัวเหยียบส่วนที่ยื่นออกมาของชิงช้าสวรรค์ กระโดดลงไปโดยไม่กลับไม่พัง เพราะมันจะพังอยู่แล้ว
เมื่อจิวโมไป๋เหยียบพื้น เขาก็พุ่งตัวออกมาทันที ชิงช้าสวรรค์ก็พังลงในเสี้ยววินาทีจากนั้น การพังทลายของชิงช้าสวรรค์ส่งเสียงดังสนั่นอย่างน่ากลัว เพราะเป็นเครื่องเล่นชิ้นใหญ่ เศษเหล็กกระจัดกระจายไปทั่ว
พวกเขาพาคนหลบออกมาได้สำเร็จ
จิวโมไป๋วางคนที่สลบลง เขามองมู่คังใหม่ทั้งหมด แม้จะไม่ทิ้งความสงสัยเลยก็ตาม
“มีคนหายไปอีก 5 คน ฉันจะไปตามหานายจะไปด้วยไหม”จิวโมไป๋พูดขึ้นเพื่อทดสอบ
“ฉันจะไปด้วย คนที่หายไปเป็นเพื่อนของฉัน และมีคนที่เขากำลังจะจีบ และอีก 3 คนเป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับสูง ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร”มู่คังพูด
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อย
“เพื่อนนาย?”
“ใช่”
“ใช่ผู้ชายที่ดูหน้าตาดีใช่ไหม?”จิวโมไป๋ถาม
“คนนั้นแหละเพื่อนฉัน นายเจอเขาแล้วเหรอ?”มู่คังถาม
“ฉันยังไม่เจอเขา ฉันเห็นเขาตอนที่เข้าสวนสนุก”จิวโมไป๋ตอบ ก่อนจะถาม”พวกนายรู้จักกันมานานแล้วหรือยัง”
“พวกเราพึ่งรู้จักกันเมื่อไม่กี่วันก่อน มีอะไรเหรอ”มู่คังมองจิวโมไป๋เล็กน้อยแววตาฉายแววสงสัย
เมื่อได้ยินจิวโมไป๋ก็เข้าใจแล้ว ว่าในอดีต ทำไมมู่คังกลายเป็นอย่างนั้น ท่าทางเชื่อคนง่ายแบบนี้ เขาคงถูกตงมอเทียนหลอกใช้ ให้ทำเรื่องชั่วๆจนชื่อเสียงเสียหาย สุดท้ายเขาก็เดินในเส้นทางนี้ กลายเป็นคนชั่วเต็มรูปแบบ สุดท้ายตระกูลมู่ถูกทำลายลง ก็เพราะมู่คังเลือกที่จะพาตระกูลมู่ไปในเส้นทางนั้น
เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมกระบี่เลือนเร้น ถึงให้เขาช่วยเหลือมู่คัง เพราะมู่คังไม่มีกรรมชั่ว พูดง่ายๆคือเขายังไม่ถลําลึกไปในเส้นทางชั่วร้าย ยังสามารถช่วยเหลือ สามารถพากลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องได้
โชคดีที่เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายตาย จิวโมไป๋ถอนหายใจ แม้ในอนาคตมู่คังจะทำชั่วมากมาย แต่ในตอนนี้มู่คังยังไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่สามารถปล่อยให้ตายได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้
ทำไมเขาไม่รับมู่คังมาเป็นพวกละ? ถ้าเขาดึงอีกฝ่ายมาเป็นพวกได้ มู่คังก็จะไม่ทำชั่วเหมือนในอดีต เมื่อคิดถึงตรงนี้จิวโมไป๋ก็เปลี่ยนความคิดใหม่
จิวโมไป๋หยุดชะงัก เหมือนเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำไมมันเหมือนกับว่า ตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น กำลังชักนำให้เขา เดินในเส้นทางสร้างกรรมดี ช่วยเหลือผู้คน?
แต่ไม่นานเขาก็ส่ายหัว เป็นไปไม่ได้ ในอดีตเขาก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางนี้อยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวกับตำหนักยุทธกระบี่เลือนเล้น
จิวโมไป๋ทิ้งความคิดนั้นออกไป ก่อนจะพามู่คัง เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ไปที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณแค้นที่หนาแน่นที่สุด
ระหว่างทาง พวกเขาก็กำจัดวิญญาณแค้นในเครื่องเล่น
ในตอนแรกมู่คังยังสับสนงุนงง ว่าพวกเขากำลังทำอะไร แต่เมื่อจิวโมไป๋อธิบายเกี่ยวกับวิญญาณพวกนี้แบบหยาบๆ แววตาของมู่คังก็เป็นประกายตื่นเต้นเหมือนค้นพบโลกใหม่
เขาหาแท่งเหล็กมาช่วย เขาทำลายเครื่องเล่นระหว่างทาง เพื่อกำจัดวิญญาณแค้น
ยิ่งทำลายเครื่องเล่นและกำจักวิญญาณแค้นลงไปมากเท่าไหร่ มู่คัง เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ดูเหมือนจะยิ่งกระตือรือร้นในการกำจัดวิญญาณแค้นพวกนี้มาก
จิวโมไป๋ไม่ได้มีความสุขอะไรนัก เพราะเขารู้ดีวิญญาณแค้นพวกนี้ เคยเป็นคนที่มาเทียวสวนสนุก และถูกจับขัง ก่อนจะพามาฆ่าที่เครื่องเล่นเหล่านี้
เมื่อเสียชีวิต พวกเขาไม่สามารถเกิดใหม่ได้เพราะยังมีห่วงกรรมอยู่ พวกเขากลายเป็นวิญญาณเป็นกลาง แต่เหมือนโชคชะตาจะโหดร้าย เพราะเมื่อประตูโลกวิญญาณถูกเปิด วิญญาณของพวกเขาถูกดึงออกมายังโลก เพราะห่วงกรรมที่อยู่บนโลก และติดอยู่ที่เครื่องเล่นที่พวกเขาเสียชีวิต
คนที่ฆาตกรรมพวกเขาก็ได้ออกจากโลกวิญญาณเช่นกัน และคนๆนั้นได้ทำการกักขังวิญญาณที่ตายในเครื่องเล่น เพื่อสร้างเป็นวิญญาณแค้น และนำมาเป็นบริวารของ อาณาเขตวิญญาณของมันเอง
วิญญาณแค้ยพวกนี้ไม่ผิดอะไรเลย พวกเขาเป็นแค่วิญญาณน่าสงสาร
เขาไม่สามารถช่วยอะไรวิญญาณเหล่านี้ได้ นอกจากกำจัด ก่อนที่วิญญาณเหล่านี้จะสร้างกรรมชั่วมากขึ้น เมื่อวิญญาณเหล่านี้ถูกกำจัด กลับไปยังโลกวิญญาณ การลงทัณฑ์ที่พวกเขาได้รับ เพื่อชดใช้กรรมชั่ว จะไม่หนักจนเกินไป
จิวโมไป๋มาถึงทางเข้าเขาวงกต พลังวิญญาณแค้นหนาแน่นจนเขารู้สึกอึดอัด แต่เขาก็ไม่รู้สึดหวาดกลัว เพราะในอดีตเขาเคยกำจัด วิญญาณร้ายตัวนี้ได้มาก่อน ในตอนนั้นวิญญาณร้ายได้กลายเป็นมาร และมันได้รวบรวมวิญญาณคนที่เสียชีวิต จากการที่มาทดสอบความกล้าที่สวนสนุกจำนวนมาก
ในตอนนั้นเขาทุ่มเทแทบจะทุกอย่าง เพื่อที่จะกำจัดมัน
ในตอนนี้มันยังไม่ได้สะสมความชั่วร้าย จนกลายเป็นมาร เขามีหลายวิธีที่จะกำจัดมัน
—
นอนก่อนนะครับทุกคน ขอบคุณที่ติดตามครับ^^
คอมเม้นต์