ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 169
ผู้คุ้มกันของพวกผู้เข้าร่วมประมูล รีบพาเจ้านายของพวกเขาออกห่างจากเวทีประมูล สายตาเฝ้าระวัง ร่างในชุดดำที่แผ่พลังกดดันบนเวที เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะลงมา พวกเขาก็รีบพาเจ้านายหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
คนที่ไม่กลัวตาย ก็เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ
กลางเวที ความร้อนแผดเผา น้ำแข็งที่ปกคลุมเวทีประมูลเกิดไอน้ำสีขาว
มนุษย์หมาป่าตะปบกรงเล็บไฟ ทำลายก้อนน้ำแข็งที่พุ่งเข้าแตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นไอน้ำกระจายไปทั่ว ในตอนนั้นเอง หมียักษย์ก็พุ่งเข้ามา กระแทกเข้าใส่มนุษย์หมาป่าอย่างรุนแรง
ตูม! มนุษย์หมาป่าสีเงินใช้กำลังแขนต้านการโจมตีเอาไว้ได้ แต่สองเท้าที่เหยียบพื้น จมลึกลงในพื้นน้ำแข็ง ความร้อนละลายน้ำแข็งกลายเป็นแอ่งน้ำ มนุษย์หมาป่าสีเงินแยกเขี้ยวอย่างดุร้าย ขนทั่วร่างพลันรุกไหม้ด้วยเพลิงสีแดง
“โฮกกก”หมีขาวร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด มนุษย์หมาป่าอาศัยจังหวะนี้กระแทกร่างหมีขาวออก พร้อมกับใช้กรงเล็บตะปบเอาใส่คอหมีขาว ขาดกระเด็นไปหลายเมตร ก่อนร่างหมีขาวจะกลายเป็นแสงหายไป
มนุษย์หมาป่าไม่พลาดโอกาส พุ่งเข้าหาอี่ยงถานที่ยืนหน้าซีดเผือก
“รีบช่วยเหลือผู้อาวุโสอี้ เร็วเข้า!”เสียงร้องจาก คนที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ดังขึ้น เหล่าผู้คุ้มกันที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 7 ต่างก็รีบพุ่งไปที่เวทีประมูล โอกาสในการช่วยเหลือ ผู้อาวุโสสำนักดั้งเดิมแบบนี้ ไม่ได้มีมากนัก
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ก้าวเหยียบบนเวที ชายชุดดำสี่คนที่ป้องกันอยู่รอบเวทีประมูล ก็กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าสีน้ำตาล พลังกดดันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี กดดันไม่ให้ใครขึ้นมา
คนที่เสี่ยงฝืนขึ้นมาก็ต้องถูกกรงเล็บแหลมคมฟาดกระเด็นออกไป
ผู้บ่มเพาะขั้นที่ 7 เท่ากัน แต่อีกฝ่ายมีสายเลือดที่ทรงพลัง ทำให้ร่างกายเหนือกว่าผู้บ่มเพาะตะวัดออก
ถ้าไม่ถึงขั้นที่ 8 ที่สามารถใช้ตำหนักยุทธได้ พวกเขามีแต่เสียเปรียบ ไม่ต้องพูดถึงสายเลือดมนุษย์หมาป่าที่ทรงพลังและรวดเร็ว ยากที่จะต่อสู้ได้ แม้จะกลุ่มรุมหลายคนก็ยากที่จะจัดการได้
ห้องพิเศษไม่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ จิวโมไป๋และคนที่อยู่ในห้อง ต่างก็ลุกขึ้นดูการต่อสู้
ผู้อาวุโส 3 ลืมตาขึ้น มาเมื่อไหร่ไม่รู้ เขามองไปที่การต่อสู้ มือก็กดกำไลข้อมือเพื่อให้ตระกูลฉินส่งกำลังเสริมมาที่นี่ มีโอกาสไม่มากที่จะได้สร้างบุญคุณกับสำนักดั้งเดิม
แต่ในตอนที่อี่ยงถานกำลังเสียเปรียบ
ก็มีชายวัยกลางคนร่างกำยำในชุดต่อสู้สีดำ พุ่งลงมาจากห้องพิเศษ
“พวกแกกล้ามาก ที่มาก่อเรื่องที่เมืองฉางอันที่มีฉันอยู่ พวกแกดูแคลนตระกูลหยวน ดูแคลนฉันหยวนม่าหยัน!“
หยวนม่าหยันพุ่งตัวเข้าไปช่วยเหลือ บนหน้าผากของเขาปรากฏรอยสักขวานสีดำ มือขวาของปรากฏขวานดำสูง 2.5 เมตร พลังไร้สภาพอันมหาศาลแผ่กระจายมาจากขวานดำ กลิ่นอายเผด็จการสะกดข่มผู้คนให้เกรงกลัว
มนุษย์หมาป่าจนเงิน ไม่สนใจหยวนม่าหยัน ที่กำลังลงมา ร่างของเขากลายเป็นแสงสีแดง เพียบตาเดียวมาถึงร่างของอี้ยงถาน กรงเล็บแหลมคมแทงเข้าใส่จุดตาย ไม่ปล่อยให้ถอนหนี
อี้ยงถานในตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนแรก เพราะอวตารหมีขาวถูกทำลาย เขาใช้ท่าเท้าหลบได้ในเสี้ยววินาที และชกเข้าใส่ใบหน้าของมนุษย์หมาป่า แต่ความต่างของระดับของร่างกายต่างกันเกินไป มนุษย์หมาป่ายกเท้าเตะร่างของอี้ยงถานอย่างแรง จนตัวงอ ก่อนจะหมุนตัวฟาดขาใส่ร่างอี้ยงถาน กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ทำให้น้ำแข็งบนเวทีประมูลแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
ดวงตาสัตว์ป่ามองไปที่หินสีแดง ที่ถูกน้ำแข็งปิดผนึกเอาไว้ เขาไม่รอช้ายกกรงเล็บเพลิงพร้อมจะทำลายน้ำแข็ง
แต่หยวนม่าหยันพุ่งเข้ามาฟันขวาน ใส่มนุษย์หมาป่าสิเงินจากด้านข้าง มนุษย์หมาป่าสัมผัสได้ถึงพลังอันหมาศาล ถ้าไม่หลบมันต้องบาดเจ็บอย่างแน่นอน มันพุ่งออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ตูมม! พื้นอาคารที่สร้างจากเทคโนโลยี่ชั้นสูง แตกร้าวเป็นใยแมงมุม อาคารประมูลทั้งหลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่พื้นแค่แตกจนเละไม่เป็นชิ้น แต่ไม่พังลงไปชั้นล่าง
ดวงตาสัตว์ป่ากระตุกวูบหนึ่ง พลังโจมตีขวานดำรุนแรงเกินไป ยังไม่ทันทีเขาจะตั้งตัว ขวานดำก็หมุนตัดลงมาอีกครั้ง
“ฮึม”มนุษย์หมาป่าแยกเขี้ยว กระโดดหลบ พร้อมกับรอยสักสีแดงเพลิงพลันเข้มขึ้น ขนสีเงินกลายเป็นสีแดงเพลิง คลื่นความร้อนละลายน้ำแข็งบนเวทีจนหมด
“ตาย!”ร่างของมนุษย์หมาป่าพุ่งเหมือนดาวตกที่เกิดการลุกไหม้ พุ่งเข้าปะทะกับขวานดำอย่างรุนแรง
คลื่นพลังแตกกระจายออกไป จนอาคารสั่นสะเทือนทั้งหลัง แม้แต่ห้องพิเศษที่ถูกสร้างด้วยวัสดุพิเศษ ที่ทนทานกว่าเวทีประมูลและอาคารยังได้รับผลกระทบ
ตูม! ร่างของมนุษญ์หมาป่ากระเด็นออกมา ร่างกายของมันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
“บัดซบ!”มนุษย์หมาป่าสีเงินกำลังย่ำแย่
หยวนม่าหยัน อยู่ขั้นที่ 8 กลาง มนุษย์หมาป่าอยู่ขั้นที่ 8 ต้น แม้สายเลือดจะทำให้เหนือกว่ามนุษย์ที่ระดับการบ่มเพาะพลังเท่ากัน แต่หยวนม่าหยันบ่มเพาะพลังสายร่างกาย แม้ร่างกายจะยังแข็งแกร่งไม่เท่ามนุษย์หมาป่า แต่ความเหนือกว่าของเคล็ดบ่มเพาะพลังของทวีปตะวันออก เริ่มปากฏให้เห็นหลังจากถึงขั้นที่ 8
หยวนม่าหยันเริ่มย่ามใจ ถ้าเรื่องที่เขาเอาชนะมนุษย์หมาป่าเงิน ระดับ 8 ต้น กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่ว เขายกขวานดำขึ้นมาและพุ่งเข้าหาร่างของมนุษย์หมาป่าเพื่อจัดการขั้นสุดท้าย
แต่ในตอนนั้นเอง วงแหวนเวทสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้น คมมีดสายลมนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมาใส่ร่างหยวนม่าหยัน เขารีบหลบหลังขวานดำ แต่แรงปะทะผลักให้เขากระแทนไปชนเสา ข้างเวทีประมูลอย่างแรง จนเกิดร้อยราว
หยวนม่าหยันกระอักเลือดออกมา เขาเงยหน้าขึ้นมองชายผมทองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ที่กำลังลอยลงมาจากเพดานอย่างช้าๆ สีหน้าของหยวนม่าหยันกลายเป็นหวาดกลัว เขาไม่คิดเลยว่าคนที่บุกโจมตี การประมูลจะเป็นเขา
ดยุกเซราส เวสลาดัส แห่งประเทศสิงโต!
จิวโมไป๋ที่สังเกตการต่อสู้บนห้องพิเศษ เมื่อเห็นใบหน้าของดยุกเซราส เขาก็จำอีกฝ่ายได้ทันที พอนำเรื่องทั้งหมดมารวมกัน เขาก็เข้าใจ ว่าทำไมไม่มีข่าวการโจมตีงานประมูลปรากฏออกมา
ประเทศสิงโตเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตระวันตก
แม้ประเทศมังกร จะเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตะวันออก เช่นกัน แต่เพราะทวีปตะวันตกมีการปลุกของสายเลือด ทำให้ร่างกายและการบ่มเพาะแข็งแกร่งกว่าทวีปตะวันออก
ทำให้ประเทศมหาอำนาจของทวีปตะวันออกเทียบไม่ได้กับประเทศตะวันตก
ประเทศสิงโต ยังมีตำแหน่งตระกูลที่ปกครองประเทศอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน 1 ราชวงศ์ 4 ดยุก 12 มาร์ควิส 48 เอิร์ล และ 200 ไวส์เคานท์
ตระกูลราชวงศ์สิงโต มีอำนาจเด็ดขาดในการปกครองประเทศ ทำให้ไม่เกิดการต่อสู้กันเองภายในประเทศ ทำให้ประเทศสิงโต เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในยุครุ่งอรุณ
และที่ทำให้ ประเทศสิงโต กลายเป็นประเทศที่ไม่มีใครกล้าต่อกร ก็เพราะ ดยุกเซราส เวสลาดัส เป็นผู้บ่มเพาะพลังเวทย์ลมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!
ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งเกือบ 100% ของทวีปตะวันตกจะเป็นผู้ปลุกสายเลือด
แต่คนในตระกูลเวสลาดัส ทุกคนไม่มีใครที่สามารถ ปลุกสายเลือดได้เลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาเป็นสายเลือดมนุษย์ที่บริสุทธิ์ แต่สายเลือดของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป เหมือนตระกูลราชวงศ์ของทวีปตะวันออก
ในช่วงที่ทวีปตะวันตกเกิดการต่อสู้ คนที่ไม่ได้ปลุกสายเลือด จะถูกจัดอยู่ในพวกอ่อนแอชั้นล่างสุดของผู้บ่มเพาะ
ตระกูลเวสลาดัส เป็นตระกูลที่ไม่มีการปลุกสายเลือด ทำให้ตระกูลขุนนางอื่นจ้องจะหาทางจัดการ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ เพราะน้องสาวของ ดยุกเซราส เวสลาดัส เป็นราชินีของประเทศสิงโต ทำให้ตระกูลเวสลาดัสได้รับการปกป้องจากตระกูลราชวงศ์สิงโต
แม้จะได้รับการปกป้อง อำนาจขุนนางของตระกูลเวสลาดัส ก็ถูกลดบทบาทลง
แต่ในเวลา 2 ปี หลังจากยุครุ่งอรุณ ดยุกเซราส เวสลาดัส ได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะเวทย์ลม เขาได้ต่อสู้กับขุนนางตระกูลอื่นที่เคยหาเรื่องตระกูลของเขา ภายใน 1 ปี ดยุกเซราส เวสลาดัส ก็เอาชนะขุนนางทั้งหมดด้วยกำลังของตัวเอง โดยที่เขาไม่ได้รับการปลุกสายเลือด
เขาใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง เอาชนะทุกคน โดยไม่พึ่งพาสายเลือด ที่คนทวีปตระวันตกยกย่อง
ในภายหลังไม่มีใครกล้าพูดอีกว่า ตระกูลเวสลาดัสเป็นตระกูลที่อ่อนแอ
เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้ดยุกเซราส เวสลาดัส กลายเป็นผู้มีอำนาจอันดับ 2 ของประเทศสิงโต
จึงไม่แปลกเลยที่ไม่มีใครกล้าตามเอาเรื่อง แม้โรงประมูลหมีหิมะ จะเป็นของ สำนักโบราณ สำนักหมีหิมะ ที่เป็นสำนักชั้นสูงของประเทศมังกร
แต่พวกเขายังไม่อาจเทียบประเทศสิงโตทั้งประเทศได้
เมื่อรู้ตัวตนของดยุกเซราส เวสลาดัส ใบหน้าของอี้ยงถาน ก็แดงก่ำด้วยความโกรธแค้นไม่พอใจ
วงแหวนเวทย์สีเขียวอ่อน ลอยเหนือห้องประมูล พลังกดดันที่ปล่อยออกมา ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัว
การต่อสู้จบลงทันที โดยไม่มีการต่อสู้อีก มันเป็นการกดขี่ จากพลังของคนเพียงคนเดียวอย่างแท้จริง
—
คอมเม้นต์