ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 199
เมื่อจื่อหยางเดินเข้ามาในห้อง A เหล่านักศึกษาที่พูดคุยกันอยูู่ก็เงียบลง สีหน้าของพวกเขาแย่อย่างมาก รีบหลบห่างจากจื่อหยางราวกับว่ากลัวโรคระบาด
ไม่แปลกที่ทุกคนจะกลัว เพราะจื่อหยางเป็นคนโหดเหี้ยมชั่วร้าย ใครไม่พอใจ เขาจะทำร้ายโดยไม่มีเหตุผล และจะทำจนบาดเจ็บสาหัส คนที่จื่อหยางลงมือหนักสุดก็คือจิวโมไป๋ ที่ถูกทำลายตำหนักยุทธิ์ไม่สมบูรณ์ ทำให้บ่มเพาะพลังไม่ได้ กลายเป็นคนพิการ
ชื่อเสียงของจื่อหยางจึงเลวร้ายถึงขีดสุด ไม่มีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจ
จิวโมไป๋แทบจะจำจื่อหยางไม่ได้แล้ว เพราะหลังจากที่จื่อหยางทำลายตำหนักยุทธของเขา จนเขากลายเป็นคนพิการ ไม่สามารถบ่มเพาะได้ อีกฝ่ายก็ถูกทางมหาวิทยาลัยคาดโทษพักการเรียน
หลังจากนั้นจื่อหยางทำอะไรเขาก็ไม่รู้ เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาเข้าร่วมการประลองภายในมหาวิทยาลัย
ในตอนที่จิวโมไป๋เข้าหน่วยลับ เขาก็ไม่คิดจะสืบหาข่าวเกี่ยวกับจื่อหยาง เพราะมันไม่จำเป็น ในตอนนั้นเขาแทบไม่สนใจเลยว่า จื่อหยางจะเป็นยังไงเสียด้วยซ้ำ
เพราะคนที่เขาต้องล้างแค้น มีเพียงเซียวหนานจิ้นที่ทำลายครอบครัวของเขา
สำหรับจื่อหยาง แม้จะทำลายตำหนักยุทธิ์ของเขา แต่มันกลับช่วยให้เขาได้สร้างวิชาเปลี่ยนสวรรค์ แม้เขาจะโกรธอยู่บ้าง แต่มันก็แค่นั้น เขาไปสนใจเรื่องที่สำคัญจริงๆดีกว่า
แต่พอพบหน้าจื่อหยางอีกครั้ง เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แววตาของจิวโมไป๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหายไป
“เฮ้ หูหนวกหรือไง ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ?”จื่อหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตากลายเป็นโหดเหี้ยม เขาหมุนดาบไม้ที่หนากว่าดาบปกติในมือ พร้อมเดินเข้ามาหาจิวโมไป๋
เรียกสายตาจากคนในห้องให้หันมามอง พวกเขารู้สึกสงสารจิวโมไป๋ ที่ถูกจื่อหยางหาเรื่อง
แต่จิวโมไป๋ทำเป็นไม่สนใจ เขาเดินผ่านไป
จื่อหยางชะงักเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ที่จิวโมไป๋ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเขาแม้แต่น้อย
มันทำให้เขารู้สึกอับอายขึ้นมา เขาขยับดาบไม้ตั้งใจจะฟาดเข้าใส่
แต่ยังไม่ทันทีจื่อหยางจะได้ทำอะไร
กรรมการสาวในชุดดำก็เดินเข้ามา
“ผู้เข้าร่วมทดสอบในสนามต่อสู้จำลอง A มีทั้งหมด 43 คน หลังจากนี้ พวกเธอทุกคน ฟังเสียงเรียกหมายเลขของตัวเอง และขึ้นไปทางเลื่อน มันจะพาไปยังจุดเริ่มต้นของตัวเอง”
กรรมการสาวกล่าวพลางกดไปที่หน้าจอโฮโลแกรม ประตูเหล็กด้านหน้าก็เปิดออก มีทางเลื่อนสี่เหลี่ยมด้านเท่า อยู่ด้านหลังประตู
กรรมการสาวไม่รอช้ากดบนหน้าจอโฮโลแกรม
“หมายเลข 1″เสียงราบเรียบไร้ชีวิตดังขึ้น
ชายหนุ่มหมายเลข 1 เดินผ่านผู้คน ขึ้นไปยืนบนทางเลื่อน ก่อนที่เขาจะถูกพาตัวไปทันที หลังจากนั้นพื้นก็เปิดออก พร้อมกับทางเลื่อนอีกอันขึ้นมา
หมายเลข 2 ก็ตามไป จนถึงจิวโมไป๋หมายเลข 30
“เฮ้! จิวโมไป๋ ไปถึงก็รอฉันก่อน ฉันจะไปจัดการแกให้กลายเป็นขยะอีกครั้ง”จื่อหยางพูดด้วยเสียงหยิ่งจองหอง
ผู้คนที่เหลืออยู่เงียบ ทำเป็นไม่ได้ยิน กรรมการสาวเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะหันจากไป เหมือนไม่สนใจเรื่องการทะเลาะเล็กๆนี้
จิวโมไป๋ก็ไม่สนใจ เขาเดินขึ้นทางเลื่อน ก่อนที่มันจะพาเขาไปที่ห้องๆหนึ่ง จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัส ด้านบนมีช่องเลื่อนขึ้นไป เพื่อไปยังตำแหน่งของเขาในสนามต่อสู้จำลอง ตอนนี้เขาอยู่ด้านล่างสุดของสนามต่อสู้ จิวโมไป๋ตรวจสอบจุดที่จื่อหยางอยู่ เขาก็ยิ้มออกมา มันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ที่สนามต่อสู้ หน้าจอโฮโลแกรมกำลังฉายภาพ พื่นที่ขนาดใหญ่ของทั้ง 5 สนามต่อสู้จำลอง
ผู้ชมพูดคุยกันเล็กน้อย ท่าทางเบื่อหน่าย พวกเขาไม่อยากดูการต่อสู้ของ ปี 1 ที่อ่อนแอเท่าไหร่นัก มันไม่น่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้น เหมือนการต่อสู้ของชั้นปี 3 และ ปี 4
“อีก 1 นาที จะเริ่มการแข่งขัน เพื่อหาผู้ได้รับโควต้าเข้าประลองภายในมหาวิทยาลัย ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1″กรรมการสาว ยืนอยู่กลางสนามประลองพูด
แต่ก็ไม่เรียกตามจนใจจากคนดูเท่าไหร่นัก
จนถึงเวลาการประต่อสู้
“การประลองเริ่มขึ้นแล้ว!”กรรมการสาวพูด
บนหน้าจอขนาดใหญ่ฉายภาพสนามต่อสู้จำลองทั้ง 5 พร้อมกัน
สนามต่อสู้จำลองแต่ละแห่ง มีช่องทางเล็กๆเปิดขึ้น พร้อมกับร่างของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดขึ้นมา ทันทีที่ขึ้นมาได้ ทางลงก็ปิดทันที ทางด้านข้างหน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ มีหน้าจอเล็กๆ ฉายท่าทางของผู้เข้าทดสอบทุกคน รวมถึงพลังชีวิต ที่ตอนนี้ทุกอยู่มีอยู่เต็ม 100
จิวโมไป๋มองไปรอบๆ ก่อนจะถือพลองไม้พุ่งไปทิศทางที่จื่อหยางอยู่ทันที
จื่อหยางที่กำลังมองหาที่ซ่อน ก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เขาชะงักหันไปมอง ก็พบจิวโมไป๋ที่พุ่งเข้ามา
“แก!”จื่อหยางร้องด้วยความตกใจ กำลังจะขยับดาบไม้เขาต่อสู้
จิวโมไป๋ไม่สนท่าทางของอีกฝ่่าย พลองไม้หมุนควงอย่างรวดเร็วก่อนจะฟาดขาจื่อหยางอย่างแรงจนหมุนลอยไปบนฟ้า
ร่างของจื่อหยางลอยเหนือพื้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงและเจ็บปวด
ยังไม่ทันได้หายตกใจ พลองไม้ที่ฟาดผ่านไปหมุนกลับมา ฟาดเข้าที่ท้องจื่อหยางอย่างหนักหน่วง จนร่างลงไปกระแทกพื้นเสียงดัง
ตูมมม
พลังชีวิตของจื่อหยางลดเหลือ 10/100 ในพริบตา
ในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ จิวโมไป๋ก็สามารถจัดการจื่อหยางที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ได้ใน 2 กระบวนท่าเท่านั้น
ภายของจิวโมไป๋ถูกขยายใหญ่บนหน้าจอโฮโลแกรม ผู้คนที่กำลังเบื่ออยู่ที่สนามประลอง เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ
“แก!…”จื่อหยางพูดได้แค่คำเดียว
จิวโมไป๋ยกเท้าเตะไปที่ข้อมือที่ถือดาบอย่างแรง จนดาบไม้หลุดมือ ก่อนจะเตะมันกระเด็นออกไป
“อย่าเข้ามา!”จื่อหยางพูดด้วยความหวาดกลัว มือกุมท้องที่โดนพลองไม้ฟาดใส่ บนร่างของเขามีเครื่องป้องกันอยู่ แต่พลังของจิวโมไป๋แข็งแกร่งอย่างมาก แต่โจมตี 2 ครั้ง พลังชีวิตของเขาเหลือแค่ 10 ต่อจากนี้เขาไม่ทางสู้ได้เลย
จิวโมไป๋พุ่งเข้าไป และยกขาขึ้นเหยียบไปที่กลางอกจื่อหยางติดกับพื้น จนขยับร่างกายไม่ได้ พลังชีวิตเหลือ 5/100
“ไม่ต้องดิ้น ฉันมีอะไรจะถามนาย”จิวโมไป๋พูด พลองไม้กระแทกลงที่ข้างแก้มด้านขวาห้องจากใบหน้าจื่อหยางเพียง 5 ซ.ม.
ใบหน้าของจื่อหยางซีด
“บัดซบ! ปล่อยฉัน”จื่อหยางพยายามดิ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ พลังของจิวโมไป๋แข็งแกร่งเกินไป เท้าของจิวโมไป๋เหมือนภูเขาอันหนักอึ้ง
“อย่าดิ้น ฉันแค่จะถามอะไรบางอย่างเท่านั้น”จิวโมไป๋กดเท้าแรงขึ้น มันไม่ได้สร้างความเสียหาย ทำให้พลังชีวิตของจื่อหยางยังคงเหลือ 5
“แกจะถามฉันเรื่องอะไร”จื่อหยางพูดด้วยเสียงอ่อนลง แต่แววตาลอกแลกหาทางหนี
“ฉันสงสัยว่า นายไปเอาวิชาต่อสู้ที่สามารถทำลายตำหนักยุทธ์มาจากที่ไหน หรือเอามาจากใคร?”จิวโมไป๋จ้องไปที่ใบหน้าของจื่อหยาง พลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกดลงไปที่ร่างของจื่อหยางอย่างรุนแรง
“วิชาอะไรไม่มี!”จื่อหยางตะโกนออกมา เขาปฏิเสธเสียงแข็ง พลังกดดันอันน่ากลัวโถมลงมาอย่างรุนแรง ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่เขาก็ไม่ปริปากพูด นี้เป็นแค่การประลอง มีอุปกรณ์ป้องกันพร้อม เขารู้ดีว่าจิวโมไป๋ไม่มีทางทรมานเพื่อเค้นความรับจากเขาได้
“เห็นท่าทางของนายแล้ว ฉันก็มั่นใจว่ามีคนให้วิชากับนายจริงๆ”จิวโมไป๋เห็นท่าทางของจื่อหยางเขาก็มั่นใจ ว่าอีกฝ่ายปิดบังอะไรบางอย่างจากเขา แสดงว่ามีคนอยู่เบื้องหลังการทำลายตำหนักยุทธ์ของเขาจริงๆ
คนๆนั้นเป็นตัวการที่ทำให้ตำหนักยุทธิ์ของเขาเสียหายที่แท้จริง
ตำหนักยุทธ์จะอยู่ตรงส่วนบนของท้องน้อย ต่ำกว่ากลางหน้าอกลงมาเล็กน้อย มันอยู่ด้านในกระดูกหน้า จุดที่ตำหนักยุทธ์อยู่ เป็นส่วนที่แข็งแกร่งยากต่อการทำลาย
ที่จริงแล้วตำหนักยุทธ์ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ โดยเฉพาะการอาศัยทำลายด้วยกำลังภายนอกเพียงอย่างเดียว
สาเหตุที่สำหนักยุทธถูกทำลาย ส่วนใหญ่มาจากการกินโอสถเสียมากกว่า
ถ้าต้องการทำลายตำหนักยุทธด้วยกำลังจริงๆ จะต้องใช้พลังโจมตีอันรุนแรง แต่ส่่วนมากคนถูกทำร้ายจะตาย ก่อนที่ตำหนักยุทธ์จะถูกทำลายด้วยซ้ำ
ส่วนวิธีทำลายตำหนักยุทธ์ด้วยกำลัง ที่ง่ายที่สุด คือใช้วิชา ที่ใช้พลังกดดันหลอมรวมกับกระบวนท่าในการโจมตี เพื่อส่งพลังกดดันเข้าไปทำลายตำหนักยุทธ์โดยตรง ซึ่งวิชาที่ว่าเป็นวิชาที่หายาก แม้แต่ตระกูลชั้นสูงก็เรียกได้ว่าเป็นวิชาล้ำค่า
จื่อหยางไม่ได้เป็นคนจากตระกูล เขาเป็นคนธรรมดา แต่มีความสามารถ ทำให้เขาได้เข้ากลุ่มอิทธิพลสีดำ แต่จื่อหยางเป็นแค่สมาชิกธรรมดาของกลุ่มอิทธิพล เขาก็ไม่มีทางได้รับวิชาแบบนี้มาจากลุ่มนี้
ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
จิวโมไป๋ยืนครุ่นคิดอดีตอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่พบว่าเขาเคยไปหาเรื่องหรือผิดใจกับใคร
สำหรับเซียวหนานจิ้น เขาไม่มีทางทำอะไรอ่อนหัดแบบนี้แน่ เซียวหนานจิ้นจะทำอะไรต้องหมดจดไร้ที่ติ ไม่ปล่อยให้คนที่เขาหมายหัว รอดชีวิตไปได้ แม้จะพิการก็ตาม
แต่ถ้าไม่ใช่เซียวหนานจิ้น เขาก็ไม่พบใครอีกแล้ว เขาไม่มีศัตรูอีก
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว ก่อนจะยกเท้ากระทึบร่างของจื่อหยางอย่างแรงจนพลังชีวิตเหลือ 0
รอหลังจากการประลอง เขาจะจับจื่อหยางไปเค้นความลับทีหลัง เพราะตอนนี้มีสายตาจับจ้องมาที่เขามากเกินไป ถ้าทำอะไรผิดพลาดอาจเกิดผลเสียตามมาได้
“จิวโมไป๋ แก!”จื่อหยางร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นที่ถูกกำจัด เขาหมดสิทธิ์แล้ว เครื่องป้องกันล็อคร่างของเขาทันทีที่พลังชีวิตหมด ทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้ นอนนิ่งอยู่บนพื้น แววตาที่ขยับได้กำลังลุกไหม้ด้วยความโกรธ
จิวโมไป๋หมดความสนใจจากจื่อหยางอีก เขาค่อยๆเดินจากไป เพื่อหาที่ซ่อน
ยังเดินไปไม่ไกลจิวโมไป๋ก็พบนักศึกษาปี 1 กำลังต่อสู้กับชายในชุดนักสู้สีดำ เขาเป็นคนที่มหาวิทยาลัยจ้างมาทดสอบนักศึกษาในสนามต่อสู้จำลอง
จิวโมไป๋ซ่อนตัวด้านข้าง มองการต่อสู้เล็กน้อยก่อนจะจากไป เขาใช้จิตสัมผัสหลบหลีกผู้คนและสัตว์ที่อยู่ทั่วสนามต่อสู้โบราณอย่างง่ายดาย
แต่พอเขากำลังไปรอบนอกเพื่อซ่อนตัว
เขาก็พบหญิงสาว คนที่เขาเคยช่วยเหลือ กำลังต่อสู้กับนักศึกษาชายปี 1 จำนวน 3 คน พร้อมกันอย่างสูสี ไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบ
ทั้ง 4 คนมีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 เส้นเอ็นปลายเท่ากัน
แต่หญิงสาวสามารถต่อสู้กับชายหนุ่มทั้งสาม ได้ด้วยตัวคนเดียว ความสามารถของเธอไม่ธรรมดา
กระบี่ไม้ในมือของหญิงสาวแม่นยำและรวดเร็ว นักศึกษาชายทั้งสามคน รับมือกระบี่อย่างยากลำบาก แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าพวกเขาจึงสามารถต้านทานเอาไว้ได้
“สมแล้วที่เป็น 1 ใน 5 ตัวเตงที่มีสิทธิ์เข้าประลองภายในมหาวิทยาลัย แข็งแกร่งจริงๆ”ชายหนุ่มผมยาวพูดขณะที่กำลังใช้ดาบปะทะกระบี่ที่แทงเข้ามา
“อย่าประมาท”ชายถือหอกพูดก่อนจะหวงหอกแทงออกไป
หญิงสาวใช้ท่าร่างหลบ ก่อนจะฟันกระบี่ออกไป 4 ครั้งปะทะกับชายทั้งสอง
พวกเขาทั้งสองได้แต่ยกอาวุธตั้งรับ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หญิงสาวก็พุ่งไปที่ ชายหนุ่มถือกระบี่ที่อยู่วงนอกสุด เขามีฝีมืออ่อนแอที่สุดในชายทั้งสามคน
หญิงสาวพลิกข้อมือแทงกระบี่ไม้ออกไปอย่างรุนแรง คมกระบี่เหมือนงูที่คดเคี้ยวแทงไปที่ข้อมือของชายหนุมถือกระบี่ คมกระบี่แทงข้อมือด้านที่กำอาวุธของอย่างแม่นยำ
“โอ๊ย!”ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด กระบี่ในมือหลุดออกจากมือ หญิงสาวเห็นดังนั้นพุ่งเข้าไปฟันกระบี่ที่กลางอกชายคนนั้นอย่างรุนแรง
“หลบเร็ว!”ชายหนุ่มอีกสองคนตกใจกับการลงมือ อันรวดเร็วของหญิงสาว พวกเขารีบเข้าไปช่วย
แต่พวกเขาช้าไป เพียงพริบตาพลังชีวิตของชายหนุ่มก็หมดลง เขาออกจากการแข่งขันทันที
“แย่แล้ว”ชายผมยาวพูดอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะหยุดห่างจากหญิงสาวประมาณ 10 เมตร ดาบไม้ตั้งท่าพร้อมต่อสู้
ชายถือหอกก็หยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามของหญิงสาว หอกไม้ชี้ไปทางหญิงสาว
กลายเป็นการต่อสู่ 1 ต่อ 2
จิวโมไป๋มองกระบวนท่ากระบี่ของหญิงสาว ด้วยความตกใจ
กระบวนท่ากระบี่ของหญิงสาวถึงระดับ ตระหนักรู้!
—
ทายซิใครอยู่เบื้องหลัง
คำใบ้ คนๆนี้เคยปรากฏตัวในนิยายตั้งแต่ช่วงแรกๆ
วันนี้ลง 1 ตอน ขอบคุณที่ติดตามครับ
คอมเม้นต์