ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 206
พรสวรรค์ในการใช้กฏแห่งธาตุลมของอูเหวิน เรียกว่าอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แต่โชคร้ายที่เขาบ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะพลังที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้เส้นทางการบ่มเพาะติดขัด ยากที่จะก้าวหน้า ถ้าอูเหวินได้บ่มเพาะพลังเคล็ดบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมกับตัวเอง เขาจะต้องกลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของมิติโลกไปแล้ว
จูหวังเฉินที่สามารถใช้กฏแห่งธาตุไฟพื้นฐาน ได้ในขณะที่การบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในต้น เท่ากับอูเหวิน เขาจะต้องมีพรสวรรค์ในการใช้กฏแห่งธาตุ ไม่แตกต่างจากอูเหวินมากนัก
ถ้าจูหวังเฉินไม่ตายเสียก่อน อนาคตเขาต้องเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งของมิติโลกอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่นิสัยของจูหวังเฉินเย่อหยิ่งหลงตัวเองจนเกินไป เขาไม่เหมาะที่จะดึงมาเป็นพวก
จิวโมไป๋ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
จูหวังเฉินเดินลงจากสนามประลองอย่างช้าๆ ขณะเดินเขาก็มองไปรอบๆด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เพื่อให้กล้องบันทึกภาพของเขาให้ได้มากที่สุด
เมื่อเขากลับมาที่ห้องรอปี 1 เขาหันไปมองเฉินหูที่นั่งอยู่อีกด้าน แล้วเลิกคิ้วท้าทาย
“แก!”เฉินหูผุดลุกขึ้นทำท่าจะเข้าไปสู้ แต่หวังเสี่ยวเปาจับไหล่ห้ามเอาไว้ก่อน
เฉินหูทิ้งตัวลงนั่งอย่างแรง สายตาจ้องไปยังจูหวังเฉินที่ยืนพิ่งผนังอยู่อีกด้านของอาคารอย่างไม่พอใจ น้องเล็กได้อธิบายเกี่ยวกับกฏแห่งธาตุ ให้เขาได้รู้มาก่อนหน้า เขาในตอนนี้ก็ตระหนักกฏแห่งธาตุทองกลาง เหมือนกับจูหวังเฉิน
ถ้าเปรียบเทียบร่างกายและความแข็งแกร่ง เขามั่นใจว่าเขาเหนือกว่าจูหวังเฉินอย่างแน่นอน พอเขาเห็นท่าทางเย่อหยิ่งหลงตัวเองของจูหวังเฉิน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ
“พี่รอง ไม่ต้องไปสนเจ้านั้นหรอก พวกเราเก็บแรงไว้ไปต่อสู้รอบต่อไปดีกว่า”อูเหวินกล่าวห้ามปราบ แต่แววตามองไปยังจูหวังเฉินเป็นประกาย
จิวโมไป๋นั่งมองการประลอง ไม่สนใจการทะเลาะกันที่อยู่ข้างๆ
การประลองคู่ต่อไปเริ่มขึ้น
ในห้องรอปี 1 เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าอึดอัด นักศึกษาปี 1 ที่ประลองและผ่านเข้ารอบ ต่างก็นั่งสมาธิฟื้นฟูพลัง คนที่ยังไม่เข้าประลองเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุก เพราะการประลองเหลืออีกไม่กี่รอบ ยังมีรุ่นพี่ที่แข็งแกร่ง ยังไม่เข้าประลองอีกหลายคน
พวกเขามีโอกาสสุ่มเจอ โอกาสชนะของพวกเขาก็จะน้อยลง
“จูหวังเฉิน ไปที่ห้องโถงกลาง”เสียงประกาศดังขึ้น
จูหวังเฉินยิ้มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินอย่างช้าๆไปที่ประตูด้านข้าง เหมือนกับว่าเขารออยู่ตั้งแต่แรก
คนที่เหลือมองไปยังจูหวังเฉินด้วยความอิจฉาตาร้อน
จิวโมไป๋เห็นดังนั้น เขาก็รู้ว่าจูหวังเฉินกำลังไปรับจดหมายคำเชิญ
ในการประลองภายในมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมากมีน้อยมากที่คำเชิญจะถูกส่งไปให้กับนักศึกษาปี 1
ถ้าไม่ได้มีพรสวรรค์แพรวพราวจริงๆ ก็ไม่มีทางเลยที่จะสามารถได้รับเรียกให้ไปรับคำเชิญ
และนี้เป็นแค่การประลองรอบแรกเท่านั้น
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ ก็พบคนของขุมอำนาจมากกว่า 4 แห่ง กำลังส่งจกหมายคำเชิญไปให้จูหวังเฉิน ที่กำลังยิ้มเชิดหน้าอย่างถือตัว
ในเวลาครู่หนึ่ง จูหวังเฉินเดินกลับมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเดินไปนั่งที่กลางห้อง คนที่นั่งอยู่ก่อนถูกพลังกดดันที่แผ่ออกมาจากจูหวังเฉิน ข่มขวัญจนต้องยกที่นั่งให้
ชายคนนั้นเดินไปอีกด้านด้วยความไม่พอใจ
จูหวังเฉินไม่สนใจ เขานั่งไขว้ขามองภาพโฮโลแกรมเบื้องหน้าอย่างสบายใจ
คนในห้องทำเป็นไม่สนใจ
จิวโมไป๋ไป๋ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจการประลอง
การประลองผ่านไปเรื่อยๆจนถึงคู่ที่ 43
ทันทีที่ชายหนุ่มจากฝั่งชั้นปี 4 เดินขึ้นสนามประลอง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสนามประลอง ดังยิ่งกว่าตอนที่เซียวหนานจิ้นขึ้นสนามประลองอย่างเทียบไม่ติด
จิวโมไป๋มองใบหน้าของชายหนุ่ม เขาก็จำได้ทันที
พ่อพันธุ์มังกร ซุนกวนหมิง ผู้ที่ได้รับโลหิตมังกรพายุอัศนีคนก่อน
จิวโมไป๋ค่อยๆฟื้นความทรงจำ เขาก็จำได้ว่าซุนกวนหมิง นอกจากจะเป็นนักแสดงชื่อดังแล้ว ยังเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทียนซู แต่จิวโมไป๋ไม่คิดเลยว่าซุนกวนหมิงจะสามารถเข้าร่วมประลองภายในมหาวิทยาลัยได้
“กรี๊ดดด องค์ชายสาม!”เสียงร้องเชียร์อย่างบ้าคลั่งดังขึ้นหลายจุดทั่วสนามประลอง
“องค์ชายสามต้องชนะอย่างแน่นอน องค์ชายสามสู้ๆ”
“ทำไมพวกนั้นเรียกซุนกวนหมิง ว่าองค์ชายสามล่ะ”กลุ่มคนที่ไม่รู้เรื่องถามคนข้างตัว
“ซุนกวนหมิงเป็นนักแสดงนำชายเรื่อง’เทพยุทธหุบเขาทมิฬ’นะสิ น่าอิจฉาชะมัดเลยที่ เขาได้เล่นคู่กับนางฟ้าเนี่ยหลิวฟาง”เสียงชายคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉา
“โอ้ เป็นแค่นักแสดงอย่างนั้นหรอกเหรอ งั้นเขาเข้าร่วมประลองได้ยังไง”ชายร่างผอมพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“เจ้าแห้ง! นายกล้าว่าองค์ชายสามของพวกเราได้ยังไง ไม่รู้หรือไงว่าองค์ชายสาม เป็น ผู้แข็งแกร่งอันดับ 4 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู องค์ชายสามของพวกเราสามารถเข้าประลองได้อยู่แล้ว!”กลุ่มหญิงสาวลุกขึ้นชี้หน้าด่าชายร่างผอมเสียงดัง
ชายร่างผอมถูกรังสีสังหารอันน่ากลัวจากกลุ่มหญิงสาวขู่ จนเขาก้มหน้าหลบลงไป
กลุ่มสาวๆยิ้มเยาะ ก่อนจะหันกับไปร้องตะโกนเรียกซุนกวนหมิงต่อ
จิวโมไป๋ที่ใช้จิตสัมผัสฟังอยู่ ก็หันไปมองร่างของซุนกวนหมิงอย่างแปลกใจ จิวโมไป๋ตรวจสอบระดับการบ่มเพาะพลังของ ซุนกวนหมิงด้วยความตกใจ ซุนกวนหมิงอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกต้น ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาไม่ธรรมดา
ถ้าซุนกวนหมิงอยู่อันดับที่ 4 ของลำดับผู้แข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยเทียนซูจริงๆ ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
จิวโมไป๋จำได้ว่าตระกูลซุน ของซุนกวนหมิงเป็นตระกูลระดับกลาง ไม่ค่อยมีอำนาจมากนัก และซุนกวนหมิงก็เป็นนักแสดง ที่ต้องออกกองแสดงละครบ่อยๆ เขาไม่น่าจะมีเวลาที่จะบ่มเพาะพลังหรือฝึกฝนกระบวนท่าได้เลย การที่ซุนกวนหมิงสามารถต่อสู้จนได้รับอันดับที่ 4 ของผู้แข็งแกร่ง เขาต้องมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งและต้องมีวินัยจัดสรรเวลา และใช้ความพยายามอย่างมหาศาล
จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ซุนกวนหมิงที่ได้รับโลหิตมังกรพายุอัศนี เขาได้หลงระเริงกับอำนาจ และวาสนาที่ได้รับ เขาเอาแต่ไปเที่ยวผู้หญิง ไม่บ่มเพาะพลัง ทำให้ความสามารถที่มีลดลงจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ทั้งๆที่เขาน่าจะไปได้ไกลกว่านั้น
น่าเสียดายพรสวรรค์จริงๆ
บนสนามประลอง
ซุนกวนหมิงถือหอกไม้ชี้ลงไปที่พื้น เขายืนตัวตรงเหมือนหอก ท่าทางหนักแน่นมั่นคงเหมือนจอมทัพ พลังกดดันแผ่กระจายออกจากร่างสั่นไหวไปมา จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้คนดูรู้ถึงทึ้งกับท่าทางอันน่าเกรงขามของเขา
ฝ่ายตรงข้ามของซุนกวนหมิง เป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำถือดาบยาว หมานฮวาผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 8 ของมหาวิยาลัยเทียนซู
การประลองรอบนี้เป็นการต่อสู้ครั้งแรก ระหว่างผู้แข็งแกร่ง 10 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยเทียนซู
“เริ่มการประลอง!”
ทันทีที่สัญญาณดัง ซุนกวนหมิงก็ทะยานร่างตรงเข้าหาหมานฮวา หอกในมือแทงตรงออกไป คมหอกพุ่งทะยานแหวกอากาศเข้ากลางหน้าอกหมานฮวาอย่างแม่นยำ
หมานฮวารู้สึกถึงพลังกดดันอันมหาศาลที่พุ่งเข้ามา เขายกดาบยาวต้านรับ เปรี้ยง!พลังโจมตีอันรุนแรงผลักร่างของเขาไปสามก้าว พลังชีวิตลดลงไปเล็กน้อย
หมานฮวาขมวดคิ้วแน่น เขาเห็นซุนกวนหมิงกำลังแทงหอกอีกครั้ง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ใช้ท่าร่างอันรวดเร็วพุ่งประชิดร่างของซุนกวนหมิง ดาบยาวฟันออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาดาบยาวพุ่งเข้าใส่ลำคอของซุนกวนหมิง
ซุนกวนหมิงหรี่ตามองดาบยาวที่ฟันมา เขายกหอกไม้ขึ้นมารับได้อย่างทันท่วงที หมานฮวาเป็นผู้ใช้ดาบเร็ว ทันทีที่ซุนกวนหมิงรับดาบไว้ได้ เขาก็ดึงดาบกลับมาฟันหลายสิบดาบ เสียงคมดาบนับไม่ถ้วนแหวกอาการ เหมือนเสียงพายุที่กำลังโหมกระหน่ำ
แต่ซุนกวนหมิงเหมือนปราการเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง เขายืนอยู่ที่เดิมยกหอกหมุนควงตั้งรับทุกดาบเอาไว้ได้ โดยที่พลังชีวิตของเขาไม่ลดลงแม้แต่น้อย
เสียงเชียร์จากผู้ชมดังกระหึม ด้วยความตื่นเต้น
“กวนหมิง ยอมแพ้ซะเถอะ อาวุธยาวของนายไม่สามารถโจมตีฉันในระยะประชิดได้หรอก”หมานฮวาพูดขึ้น เขาเร่งความเร็วดาบ เกิดเป็นภาพติดตา คมดาบนับไม่ถ้วนกระหน่ำฟันใส่ซุนกวนหมิง
แต่ซุนกวนหมิงก็ยังคงควงหอกป้องกันเอาไว้ได้
ปัง ปัง ปัง เสียงดาบไม้และหอกไม้ดังขึ้นเรื่อยๆ พลังกดดันของดังสองปะทะกันจนเกินภาพซ้อน
ใบหน้าหล่อเหลาของซุนกวนหมิงยังคงดูมุ่งมั่นทรงพลัง หอกไม้หมุนควงรับคมดาบจากทุกด้านเหมือนจอมทัพที่กำลังต่อสู้ ทำให้ภาพบนโฮโลแกรมดูน่ามองอย่างมาก ผู้ที่ชื่นชอบซุนกวนหมิงต่างก็ยกกำไลข้อมือขึ้นมาบันทึกภาพ
ผ่านไปอีก 100 กระบวนท่า ความเร็วของหมานฮวาลดลงไปถึงหนึ่งในสาม เหงื่อเริ่มไหลออกจากร่างกาย
หมานฮวาสูดลมหายใจ สายมองมองไปยังร่างของซุนกวนหมิงอย่างไม่อยากเชื่อ เพียงครึ่งปี ทำไมซุนกวนหมิงถึงแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นขนาดนี้ได้
แววตาของซุนกวนหมิงเป็นประกาย เขาเห็นโอกาสที่หมานฮวาเผลอคิดอะไรบางอย่าง เขาใช้ท่าร่างถอยหลังหลบอย่างฉับพลัน หมานฮวาที่คิดว่าซุนกวนหมิงจะตั้งรับฟันพลาด ในจังหวะที่เห็นช่องว่าง ซุนกวนหมิงก็ใช้ด้ามหอกกระแทกร่างของหมานฮวาอย่างแรงจนเท้าลอยจากพื้น พลังชีวิตลดลงไป 50
“อัก!”หมานฮวาร้องออกมาด้วยความจุก
ในช่วงเวลานั้นเอง ซุนกวนหมิงก็ควงหอกด้วยความเร็ว เปลี่ยนท่าออกกระบวนท่า ก่อนจะแทงหอกไม่ออกไปพร้อมกันหกครั้ง ใส่ร่างของหมานฮวาที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถตั้งรับได้
ฉึก ฉึก ฉึก หอกทั้งหกแทงเข้าที่จุดสำคัญทั่วร่างของหมานฮวาอย่างรุนแรง เพียงพริบตาเดียวพลังชีวิตลดลงไปเหลือ 400
“อ๊าาก!”หมานฮวากรีดร้องเสียงดัง ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป แต่ยังไม่ทันทีหมานฮวาจะกระเด็นลงพื้น ซุนกวนหมิงก็ทะยานร่างตามมาด้วยความเร็วสูง แทงหอกลงที่ท้องของชายหนุ่มอย่างแรงพร้อมกับกดลงไปทีพื้น
ตูม! หลังของหมานฮวากระแทกพื้นอย่างแรง พลังชีวิตของเขาลดลงเหลือ 100
หมานฮวาตาเหลือกค้าง ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากพูด ซุนกวนหมิงเหยียบลงที่พื้นแล้วหมุนตัวอย่างสง่างาม ฟาดหอกลงไปที่กลางอกของหมานฮวาอย่างรุนแรง
ปัง! พลังชีวิตของหมานฮวาลดลงเหลือ 0 ทันที
ผู้ชมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องตะโกนดังลั้น เสียงกรีดร้องของหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง
เพียงชั่วพริบตาซุนกวนหมิงก็สามารถเอาชนะหมานฮวาไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองเป็นผู้แข็งแกร่ว 10 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยเทียนซู แต่ซุนกวนหมิงสามารถเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว มันยิ่งทำให้มีผู้คนชื่นชมในความแข็งแกร่งของซุนกวนหมิงมากยิ่งขึ้นไปอีก
ซุนกวนหมิงกวาดตามองไปรอบๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน ทำเอาสาวๆใจละลาย ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินกลับอย่างช้าๆ
เขาแตกต่างจากจูหวังเฉินอย่างสิ้นเชิง ท่าทางอันหล่อเหลาสง่างาม แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนของซุนกวนหมิง มันทำให้ผู้คนชื่นชอบมากกว่าท่าทางเย่อหยิ่งของจูหวังเฉิน
จิวโมไป๋พยักหน้าอย่างแผ่วเบาแฝงไปด้วยความชื่นชม เขาไม่คิดเลยว่าซุนกวนหมิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ กระบวนท่าหอกก็แหลมคมแม่นยำ บ่งบอกถึงความพยายามในการฝึกฝนอย่างหนัก
คู่ที่ 44 หลิงหวงเทียน ผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 1 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู
ทันทีที่หลิงหวงเทียนขึ้นประลอง คู่ต่อสู้นักศึกษาปี 2 ก็ขอยอมแพ้ทันที
ผู้ชมไม่คิดอะไร เพราะความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป และภูมิหลังของหลิงหวงเทียนก็ไม่ธรรมดา
ตระกูลหลิงเป็นตระกูลระดับสูงที่แข็งแกร่งมากพอๆกับตระกูลโบราณ ตระกูลหลิงมีส่วนแบ่งตลาดไปกว่า 1 ใน 10 ของประเทศมังกร และการค้าหลักของตระกูลหลิงคือสนุมไพร และโอสถ พวกเขามีทีมผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วน ที่เป็นผู้สำรวจป่าสวรรค์โบราณเพื่อค้นหาสมุนไพร
และยังมีกลุ่มนักปรุงยาหลายคน ที่คอยผลิตโอสถล่ำค่ามากมาย
ไม่แปลกที่หลิงหวงเทียนจะมีอิทธิพลที่แข็งแกร่ง ไม่มีใครกล้ามีเรื่องผิดใจกับเขา
จิวโมไป๋มองร่างของหลิงหวงเทียน เขาก็ค้นพบว่าร่างของหลิงหวงเทียนเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกตกค้าง เขาก็รู้ได้ทันทีว่า หลิงหวงเทียนเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ใช้โอสถช่วยเร่งการบ่มเพาะพลัง
การบ่มเพาะพลังตามปกติสามารถทานโอสถเพื่อช่วยบ่มเพาะพลังได้ แต่ถ้ารับปริมาณมากเกินไปจะเกิดสารตกค้างไว้ในร่างกาย ทำให้เกิดผลเสียแก่ร่างกาย ความแข็งแกร่งจะน้อยกว่าคนที่อยู่ระดับเดียวกัน ความเร็วในการบ่มเพาะพลังลดลง คนประเภทนี้ ถูกเรียกว่าผู้บ่มเพาะพลังโดยใช้โอสถ
สารตกค้างเหล่านี้เกิดจาก โอสถเสียที่หลงเหลืออยู่ในโอสถ ยิ่งมีปริมาณมาก ยิ่งง่ายต่อการตกค้างในร่างกาย
แม้แต่โอสถที่มีความบริสุทธิ์ 100% ถ้าทานบริมาณมากเกินไป ก็อาจเกิดผมเสียได้
ทำให้ส่วนมากแล้วผู้บ่มเพาะพลัง จะไม่ค่อยทานโอสถในบริมาณที่มากเกินไป หรือถ้าทานมากเกินไป พวกเขาจะหยุดทานโอสถในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้สารตกค้างค่อยๆลดลง เพราะถ้าทิ้งไว้นานและสะสมสารตกค้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์ สารตกค้างเหล่านั้นจะไม่สามารถนำออกได้
หลิงหวงเทียนแม้จะอยู่ขั้นที่ 5 กลาง แต่เพราะเป็นผู้บ่มเพาะพลังโดยใช้โอสถ ความแข็งแกร่งของหลิงหวงเทียนอยู่แค่ขั้นที่ 5 ต้นเท่านั้น
เขาไม่สามารถที่จะเอาชนะซุนกวงหมิงได้เลยด้วยซ้ำ ที่เขาสามารถถือครองอันดับ 1 อาจเป็นเพราะอิทธิพลของตระกูล
จิวโมไป๋ส่ายหัวเบาๆ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีตัวปัญหาในการประลอง
ตระกูลหลิง รับมือยากกว่าตระกูลเซียวหลายเท่า เพราะเป็นตระกูลที่มรส่วนแบ่งการตลาดของประเทศมังกรถึง 1 ใน 10 ทำให้ตระกูลหลิงมีการเชื่อมโยงกับอิทธิพลอื่นจำนวนมาก
ตระกูลหลิงสามารถส่งสัญญาณให้กับอิทธิพลอื่น ช่วยจัดการกับคนที่ผิดใจกับตระกูลของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
หลิงหวงเทียนลงจากสนามประลอง คู่ที่ 48 เหยาติงหลง ประลองกับนักศึกษาชายปี 1 ที่โชคร้าย
เหยาติงหลงใช้ดาบไม้เอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้อย่างง่ายดาย เสียงคนของกลุ่มหัวใจเหล็กกล้าร้องตะโกนเชียร์ดังลั้น
การประลองรอบแรกจบลงที่การประลอง 48 คู่ เพราะมีผู้สละสิทธิ์ 4 คน
ก่อนประลองรอบสอง จะมีเวลาพัก 30 นาที จิวโมไป๋และคนอื่นๆ ออกไปทานอาหารที่โรงอาหาร ก่อนจะรีบกลับ
ทันทีที่จิวโมไป๋เข้าไปห้องรอปี 1 คู่ที่ 1 ของการประลองรอบที่สอง ก็ประกาศพอดี
คู่ที่ี 1 จิวโมไป๋ ปี ต่อสู้กับ หลิงหวงเทียน ปี 4
—
คอมเม้นต์