ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 220
สำนักชะตาฟ้าดิน เป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด ในหมู่สำนักลึกลับ พวกเขามีเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดิน อันลึกซึ้ง และพวกเขาสืบทอดสายเลือดที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในการเข้าใจกฎแห่งแรงโนมถ่วง
กฎแห่งแรงโนมถ่วง เป็นกฎที่พัฒนามาจากกฎแห่งธาตุดิน ความแข็งแกร่งของกฎเหนือกว่ากฎธรรมดาทั่วไป อย่างไม่สามารถเทียบกันได้
แต่ถึงแม้ว่า คนของสำนักชะตาฟ้าดิน จะมีสายเลือดที่มีคุณสมบัติ เพิ่มความเข้าใจกฎแห่งแรงโนมถ่วง แต่กฎแห่งแรงโนมถ้วง เป็นกฎที่ทรงพลัง ทำให้ยากที่จะมีคนตระหนักได้ แม้ว่าจะมีสายเลือดที่สืบทอดก็ตาม
ทำให้่นอกจากบรรพบุรุตผู้ก่อตั้งสำนัก และเจ้าสำนักรุ่นที่ 100 ซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนัก คนของสำนักชะตาฟ้าทุกคน ไม่มีใครที่สามารถตระหนักกฎแห่งแรงโนมถ่วงได้แม้แต่คนเดียว แต่พวกเขาก็ยังคงมีความเข้าใจกฎแห่งธาตุดินเหนือกว่าคนทั่วไป
จนกระทั้งซานคุนหมิงได้ถือกำเนิดขึ้น เขาเกิดมาพร้อมกฎแรกกำเนิด กฎแห่งแรงโนมถ่วง เขาเป็นคนที่ 3 ของสำนักชะตาฟ้าดิน ที่เข้าใจกฎแห่งแรงโนมถ่วง!
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังของซานคุนหมิงก็ไม่ธรรมดาสามัญ
และโชคดีที่ในยุคสมัยของเขา กฎแห่งธรรมชาติกำลังฟื้นฟู การพัฒนาของซานคุนหมิงยิ่งรวดเร็ว เพียงไม่ถึง 9 ปี เขาก็อยู่ขั้นที่ 8 ชีพจรปลาย ในหมู่คนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังเท่ากันกับเขา ส่วนมากจะมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป!
ด้วยกฎแห่งแรงโนมถ่วง และ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้ซานคุนหมิง ถูกเรียกว่าอัจฉริยะอันดับ 1 ของประเทศมังกร
แต่สุดท้ายแล้ว ซานคุนหมิงก็ถูกลอบสังหาร เขาเป็นอัจฉริยะที่ล่วงหล่น
ในตอนที่ซานคุนหมิงเสียชีวิต ผู้คนต่างเสียใจที่สูญเสียอัจฉริยะแบบเขาไป แต่เมื่อพวกเขาค้นพบความสำคัญของ ผู้เข้าใจกฎระดับสูง
การเสียชีวิตของซานคุนหมิง ไม่ได้เป็นแต่เพียงความเสียใจอีกต่อไป
กฎแห่งแรงโนมถ่วง เป็น กฎที่พัฒนาจากกฎแห่งดิน และกฎแห่งแรงโนมถ่วงอาจพัฒนาไปเป็นกฎแห่งมิติ หรือ เวลา ในตำนานได้
แม้แต่ในดินแดนแห่งความโกลาหน ผู้เข้าใจกฎแห่งมิติ หรือ เวลา ก็มีเพียงน้อยนิดจนสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว
ถ้าซานคุนหมิงยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจมีโอกาสพัฒนากฎแห่งแรงโนมถ่วง ไปเป็นกฎแห่งเวลา ถ้าเขาทำสำเร็จ เมื่อเขากลายเป็นเทพยุทธ เขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ในดินแดนแห่งความโกลาหนก็ตาม
การสูญเสียซานหมิงคุน จึงกลายเป็นเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศมังกรและมิติโลกก็ว่าได้
จิวโมไป๋ถอยหายใจมองไปที่ชายชุดดำ เขาไม่คิดเลยว่าจะพบซานหมิงคุนที่นี่
เขาเคยศึกษาเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดินมาก่อน แม้ว่าเขาจะเข้าใจมันเพียงบางส่วนก็ตาม เพราะเขาไม่มีสายเลือดของตระกูลผู้สืบทอดสำนักชะตาฟ้า จึงยากที่จะศึกษาเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดินได้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถศึกษาทั้งหมดได้ แต่เพียงแค่ส่วนเดียวของเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตตาฟ้าดิน เขาก็สามารถสร้างเคล็ดบ่มเพาะพลังวังวนผ่านสวรรค์ ที่หวังเสี่ยวเปาฝึกฝนได้สำเร็จ
เคล็ดบ่มเพาะพลังวังวนผ่านสวรรค์ เป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังที่มีคุณสมบัติ กฎแห่งแรงโนมถ่วง!
ทำให้ระดับของเคล็ดบ่มเพาะพลังวังวนผ่านสวรรค์ จึงสูงกว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังกฎแห่งธาตุทั่วไป
จิวโมไป๋จึงได้รู้ถึงความล้ำค่าของเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดิน ว่ามันเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังที่มีคุณสมบัติของมิติและเวลา มันเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังระดับตำนาน!
มันน่าแปลกใจมากที่เคล็ดวิชาระดับนี้มาอยู่ที่มิติโลกได้ยังไง
เขาเคยคิดที่จะฝึกเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดิน แต่มันยังไม่ถึงเวลา เพราะกฎแรกกำเนิดของเขา มีคุณสมบัติ ไม้และไฟ ไม่ใช่คุณสมบัติดิน ทำให้ยากที่จะตระหนักกฎแห่งธาตุดินได้ เขาต้องมุ่งไปที่กฎแห่งธาตุที่ตระหนักได้ง่ายๆก่อน
จิวโมไป๋มองไปที่ซานคุนหมิงด้วยความคิดบางอย่าง
ถ้าหวังเสี่ยวเปา สามารถป็นศิษย์ของซานคุนหมิงได้ละก็…
แวมไพร์ลอร์ดยิ้มเย็นยะเยือก กลางหน้าผากปรากฎรอยสักเคียวสีดำ พลังแห่งความมืดขยายกลายเป็นเคียวสีดำมืดปรากฏที่มือของเขา
“รู้ไหม ว่าทำไมฉันถึงต้องลดตัวมารับภารกิจนี้”แวมไพร์ลอร์ดกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ บรรยากาศรอบด้านเหมือนตกอยู่ในความมืดมิด
ซานคุนหมิงไม่ตอบ นาฬิกาทรายที่ร้าวของเขาฟื้นสภาพ ผสานกลับมาเป็นเหมือนเดิม พลังอันหน้ากลัวแผ่ขยายกว้างกว่าเดิมเกือบเท่าตัว
แวมไพร์ลอร์ดเห็นดังนั้นก็นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะอย่างแผ่วเบา
“ฉันได้ยินมาว่า ดยุกเซราสมาอยู่ที่นี่”แวมไพร์ลอร์ดมองไปยังห้องพิเศษอีกด้าน เหมือนสายตาของเขาสามารถมองทะลุเข้าไปได้
ดยุกเซราสที่อยู่ด้านในห้องพิเศษยิ้มอย่างเรียบเฉย ดวงตาของเขากลายเป็นสีเขียวอ่อน
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมคนอย่างเขาถึงต้องมาที่นี่ หรือว่ามันมีอะไรที่ทำให้คนอย่างเขาสนใจ จนปฏิเสธสารท้าประลองของฉัน”แวมไพร์ลอร์ดมองซายคุนหมิง และคนของหน่วยลับด้านหลังอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะหันไปยังห้องพิเศษ เคียวสีดำในมือก็ตวัดออกไป
คลื่นพลังสีดำอันน่าสะพรึงกลัว กลายเป็นเสี้ยวจันทร์สีดำ พุ่งไปยังห้องพิเศษที่ดยุกเซราสอยู่
คลื่นพลังจันทร์เสี้ยวสีดำ ทำลายสนามประลองที่สร้างจากเทคโนโลยี่ระดับสูงแตกเป็นชิ้นๆ พุ่งไปยังห้องพิเศษโดยที่ความเร็วไม่ลดลง!
ซานคุนหมิงยกมือขึ้น นาฬิกาทรายสั่นไหวเบาๆ
ก่อนที่คลื่นพลังจันทร์เสี้ยวสีดำ จะถึงห้องพิเศษ มันก็ปะทะกับอะไรบางอย่างรุนแรง คลื่นพลังกระจายไปโดยรอบ ผู้ชมคนธรรมดาที่หลบหนีออกไปไม่ทัน ถูกคลื่นพลังพัดจนล้มกระเด็น
สนามประลองพังทะลายอย่างไม่เหลือชิ้นดี
ซานคุนหมิงโบกมือเบาๆ คลื่นพลังจันทร์สีดำถูกดึงขึ้นไปบนฟ้า หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด
แวมไพร์ลอร์ดเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว หันหน้ามาเขม่งมองซานคุนหมิงอย่างโกรธแค้น ที่เขามาขัดขวาง
“ดีๆ ถ้าอยากขวางนัก ฉันก็จะส่งแกไปหาเทพแห่งความมืด ก่อนที่ฉันจะส่งดยุกเซราสตามแกไป”กล่าวจบ ร่างของแวมไพร์ลอร์ดหายวับไปในพริบตา
ซานคุนหมิงโบกมืออีกครั้ง คนของหน่วยลับด้านหลังก็หายไป
แวมไพร์ลอร์ดปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง แทนที่ตำแหน่งที่คนของหน่วยลับพึ่งหายไป และเหวี่ยงเคียวปล่อยคลื่นพลังอันรุนแรง
ซานคุนหมิงยกมือสองข้างขึ้น นาฬิกาทรายลอยหมุนวนรอบร่างของเขา ฝ่ามือทั้งสองข้างประกบกันก่อนจะดึงออกช้าๆ เกิดเป็นลูกพลังสีดำขนาดเล็ก อากาศรอบๆลูกพลังเหมือนถูกดูดไปที่ลูกพลังสีดำ
ซานคุนหมิงผลักฝ่ามือ ไปยังร่างของแวมไพร์ลอร์ด ลูกพลังพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว มันดูดคลื่นพลังสีดำทั้งหมด จนขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ตรงไปยังร่างของแวมไพร์ลอร์ด
แวมไพร์ลอร์ดเห็นดังนั้นก็จะขยับหลบหนี แต่ในขณะที่กำลังขยับร่างของเขา ก็เหมือนถูกพลังบางอย่างดึงดูดอย่างรุนแรง
วัสดุที่ใช้สร้างหลังคาถูกแรงดึงดูดอันรุนแรง พังทลายเป็นชิ้นๆลอยไปที่ลูกพลังสีดำ
แวมไพร์ลอร์ดกระชับเคียวด้วยสองมือ ก่อนจะหมุนควงเคียวเป็นวงกลม ระเบิดพลังสีดำเป็นพายุหมุนอันรุนแรง ปะทะเข้ากับลูกพลังสีดำ
ตูม!! หลังคาสนามประลองพังทะลายลงมาทันที พื้นที่โดยรอบสนามประลองสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋มองการต่อสู้ด้วยความประหลาดใจ ต้องเห็นด้วยตาถึงจะรู้ว่า ซานคุนหมิงแข็งแกร่งขนาดไหน
ด้วยเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดิน ทำให้ซานคุนหมิงสามารถควบคุม กฎแห่งแรงดึงดูดได้อย่างง่ายดายและทรงพลังมากขึ้น
แต่มันก็ยังแตกต่างจากการหยุดเวลา ที่ใช้ก่อนหน้านั้น ซึ่งมันน่าจะเป็นความสามารถที่แท้จริงของเคล็ดบ่มเพาะพลังชะตาฟ้าดิน
ในขณะที่เขากำลังเหม่ออยู่นั้นเอง จิตสัมผัสของเขาก็พบนักฆ่าที่ไม่ถูกจับกำลังต่อสู้กับคนของหน่วยลับ การต่อสู้ของพวกเขาเริ่มขยายการต่อสู้ไปยังคนธรรมดาที่ยังติดอยู่ในสนามประลอง
เพราะการปะทะของคลื่นพลังเมื่อครู่ ทำให้ทางออกช่องตะวันตกพังทะลาย ผู้คนไม่สามารถออกไปจากทางนี้ได้
นักฆ่าร่างผู้มีหางแมงป่อง กำลังต่อสู้พัวพันกับคนของหน่วยลับ ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย ระยะการต่อสู้ของทั้งสอง กำลังเข้าใกล้คนธรรมที่กำลังหาสถานที่ห่างจากการต่อสู้
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบคนของหน่วยลับที่กำลังต่อสู้ เขาพบลูกพลังสีดำกรรมชั่วในร่างของคนๆนั้น แม้ว่าจะมีขนาดเล็กมาก แต่ก็มีกรรมชั่วอยู่ดี แสดงให้เห็นว่ามีแง่มุมที่ชั่วร้ายบางอย่าง
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว เขาไม่มั่นใจว่าคนของหน่วยลับคนนั้น ว่าจะเห็นใจคนธรรมดาหรือไม่ เพราะการจับหรือฆ่านักฆ่าที่แข็งแกร่งจะได้รับคะแนนจำนวนมาก มันสามารถทำให้เลื่อนขั้นได้
คนของหน่วยลับที่มีกรรมชั่ว อาจไม่เห็นใจคนธรรมดาว่าจะถูกลูกหลงหรือไม่ เขาอาจจะมุ่งแต่จัดการนักฆ่าก็เป็นได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น จะต้องมีคนธรรมดาบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น
แม้ว่าในหมู่ผู้ชมจะมีผู้บ่มเพาะพลัง แต่คนที่กำลังต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันตัวเอง จากผลกระทบของการปะทะของทั้งสองได้เลย
จิวโมไป๋ตัดสินใจทันที เขาละความสนใจ จากการต่อสู้ของซานคุนหมิงและแวมไพร์ลอร์ด เขากระชับกระบี่ พุ่งไปที่ประตูทางออกทิศตะวักตกอย่างรวดเร็ว
—
*สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านตอนที่ผมเขียนเกี่ยวกับ กฎแห่งจักวาล ก่อนที่ผมจะแก้ไขเนื้อหา
กฎแห่งจักรวาลมี 4 ระดับ ระดับโลก(กฎแห่งธาตุดิน) ระดับสวรรค์ (กฎแห่งแรงโนมถ่วง) ระดับตำนาน (กฎแห่งมิติ หรือ เวลา) ระดับ… ยังไม่ปรากฏ
—
คอมเม้นต์