ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 225
ความมืดมิดไร้แสงดวงดาว ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเมืองเทียนซู เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกำไลข้อมือ โทรทัศน์ ป้ายโฆษณาตามจุดต่างๆทั่วเมือง
คนที่อยู่ภายในตัวอาคารรีบออกจากอาคารอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ำ ยังไม่ค่อยมีคนเข้านอนมากนัก ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงสัญญาณ ตามที่เคยฝึกซ้อมหลบหนีภัยพิบัติมาก่อน
ถนนทุกสายถูกปิด รถทุกชนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผู้คนต้องใช้ทางเท้าไปตามเส้นทางที่สัญญาณแจ้งเตือนบอกเท่านั้น
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ จากการจราจรที่เร่งรีบ
ที่โรงพยาบาลมีเฮลิคอปเตอร์จำนวนมาก บินอยู่บนท้องฟ้า รอเข้าไปจอดรับผู้ป่วย เคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลเมืองอื่น
เฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ถูกพัฒนาเป็นพิเศษ สำหรับเคลื่อนย้ายคนไข้พร้อมกัน 50 คน
ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีหลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้น พื้นที่บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยเทียนซู ก็ไร้ผู้คน
จิวโมไป๋และผู้บ่มเพาะพลังของสำนักผีเสื้อดารา ซุ่มอยู่หลังเนินหิน นอกสนามประลอง พวกเขามองดูร่างของคนทั้งสองที่ลอยอยู่บนฟ้า ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน
สำหรับเตี๋ยมู่หลงและคนของเขา พวกเขาไม่รู้จักคนทั้งสอง แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามจากร่างของอีกฝ่ายได้ โดยเฉพาะชายชุดสีแดงที่มีบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว ทำให้ต้องเบนสายตาหนีไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
สำหรับจิวโมไป๋ เขาพอที่จะรู้เกี่ยวกับทั้งสองเล็กน้อย เจ้าอาวาสหงหมิง เป็นเจ้าสำนักพุทธธรรม คนในสำนักจะออกบวชเป็นพระ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก ยกเว้นเกิดเหตุร้ายที่อาจส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก พวกเขาถึงจะออกมาช่วยเหลือ
ในช่วงเวลาที่พลังธรรมชาติพลุ่งพล่าน คนของสำนักพุทธธรรมได้ออกมาช่วยเหลือผู้คน เจ้าสำนักหงหมิงได้เข้าไปต่อสู้ที่แนวหน้าในพื้นที่อันตรายที่สุด และได้เสียสละชึีวิตช่วยเหลือผู้คนมากมาย
เมื่อไร้เจ้าสำนัก สำนักพุทธธรรมก็หายไปไม่ปรากฏร่องรอยอีกเลย
จ้าวแห่งความมืด เป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรโลหิตนิรันทร์ จิวโมไป๋ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับจ้าวแห่งความมืดมากนัก ที่เขารู้คือ จ้าวแห่งความมืดถูกเนี่ยฟูหานสังหาร และทำลายองค์กรทิ้ง
เจ้าอาวาสหงหมิงและจ้าวแห่งความมืด ทั้งสองไม่ถูกจัดอัดดับความแข็งแกร่ง เพราะทั้งสองมีอายุเกินกว่า 100 ปี ถือเป็นผู้บ่มเพาะพลังรุ่นก่อน
ทั่วโลกมีผู้บ่มเพาะพลังรุ่นก่อนหลายคน ที่เร้นกาย เพื่อมุ่งเน้นในการบ่มเพาะพลัง พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลัง ทำให้ไม่มีใครกล้าหรือสามารถจัดอันดับผู้บ่มเพาะพลังรุ่นก่อนได้
ทำให้การจัดอันดับความแข็งแกร่ง จะจัดให้กับผู้บ่มเพาะพลังที่อายุน้อยกว่า 100 ปี เท่านั้น
ในยุคสมัยที่พลังธรรมชาติเบาบาง ผู้ฝึกตนที่สามารถฝึกฝนจนยืดอายุไขได้ เกิน 100 ปี พวกเขาก็ไม่ใช้ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ
จ้าวแห่งความมืดเป็นผู้ตระหนักกฎแห่งความมืด และเจ้าอาวาสหงหมิงเป็นผู้ตระหนักกฎแห่งแสงสว่าง
ธาตุความมืดและแสงสว่าง เป็นกฎที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของกฎแห่งจักรวาลในระดับปฐพี
ด้วยความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะพลังและกฎแห่งธาตุ ในปัจจุบันยากมากที่จะมีใครสามารถต่อสู้กับทั้งสองได้…
เจ้าอาวาสหงหมิงลอยมาหยุดเหนือสนามประลอง พนมมือขึ้นและกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“อมิตาพุทธ”
จ้าวแห่งความมืดในชุดคลุมสีแดงเลือดปกปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า ตรงใบหน้าถูกเคลือบด้วยความมืด เห็นเพียงดวงตาเปล่งประกายสีเลือดคู่หนึ่งลอยอยู่ในความมืด ผู้คนที่ถูกจับจ้องรู้สึกหวาดกลัว
ดวงตาสีเลือดมองไปยังเจ้าอาวาสหงหมิงด้วยแววตาไร้ความรู้สึก และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ที่นี่ไม่ใช้เรื่องที่พระหัวล้านจะมายุ่งวุ่นวาย ออกไปซะก่อนที่ฉันจะลงมือ”
“อมิตาพุทธ โยมเข้าใจผิดแล้ว”เจ้าอาวาสหงหมิงกล่าว ดวงตาสงบนิ่งไร้ระลอก เหมือนดวงตาของผู้ผ่านโลกมาอย่างยาวนาน
“ที่อาตมา เดินทางมาที่นี่เพราะอาตมาสัมผัสได้ถึงกรรมชั่วร้าย ที่จะฆ่าชีวิตผู้คนมากมาย ถ้าโยมไม่ได้เป็นคนที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ อาตมาก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”น้ำเสียงของเจ้าอาวาสหงหมิง ทำให้ผู้คนที่ฟังรู้สึกคล้อยตาม
จ้าวแห่งความมืดได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเย็นชา ฝ่ามือกางออก เบื้องหน้าเกิดเป็นวงแหวนเวทย์สีดำขนาด 10 เมตร งูสีดำยาว 20 เมตรพุ่งออกจากวงแหวนตรงไปที่เจ้าอาวาสหงหมิงด้วยความเร็วสูง
เจ้าอาวาสหงหมิงพนมมืออย่างสงบ ดวงตาเป็นประกายของผู้ทรงปัญญา เขาท่องบทสวดแผ่วเบา และพลักฝ่ามือออกไปอย่างช้าๆ
พลังงานสีขาวทองกลายเป็นปางมือขนาดใหญ่ส่องประกาย พุ่งเข้าไปกระแทกร่างของงูสีดำ สลายหายไป
จ้าวแห่งความมืดหรี่ตามอง ก่อนจะยกมือขึ้นวงแหวนนับสิบปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า งูสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังเจ้าอาวาสหงหมิง
การเคลื่อนไหวของงูสีดำเหล่านี้ คดเคี้ยวหลอกล่อไม่แน่นอน ยากที่จะจับการเคลื่อนไหวได้ ไม่ต้องพูดถึงงูจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาพร้อม
เจ้าอาวาสหงหมิงก็ไม่ธรรมดา เขายกมือขึ้นพนม พลังธรรมแผ่กระจายออกจากร่าง กลายเป็นระฆังเสมือนป้องกันการโจมตีรอบทิศทาง งูสีดำที่พุ่งเข้ามาชนถูกระฆัง กฎแห่งแสงสว่างทำลายงูสีดำทั้งหมดอย่างง่ายดาย
จ้าวแห่งความมืดยกมือขึ้นจะโจมตีอีกครั้ง แต่สายตาเหลือบไปเห็นดยุกเซราที่กำลังมองมายังเขาพอดี เขาสัมผัสได้ถึงความกระหายในการต่อสู้ จากแววตาของอีกฝ่าย เขาถอนสายตาหันกลับไปกล่าวกับเจ้าอาวาสหงหมิง
“พระเฒ่า แน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ยุ่งกับการต่อสู้ของฉัน ถ้าฉันไม่มำร้ายผู้บริสุทธิ์”
“อาตมา จะไม่ยุ่ง”เจ้าอาวาสหงหมิงตอบรับอย่างสงบ มือพนมกลางอก รัศมีพลังรอบร่างกายสงบนิ่ง ไม่มีความรู้สึกกดดันใดๆ
จ้าวแห่งความมืดยิ้มเย็นชา เขาไม่ได้เกรงกลัวเจ้าอาวาสหงหมิง เขาแค่ไม่อยากเสียเวลาต่อสู้ยืดเยื้อ กฎแห่งความมืดและแสงสว่างสามารถหักล้างกันและกันได้ ไม่มีความได้เปรียบเรื่องของกฎ ถ้าพวกเขาได้ต่อสู้กัน จะต้องใช้เวลานานถึงจะรู้ผล มือที่สามที่สี่ ที่รอจังหวะอยู่ อาจสอดมือเข้ามาได้
จ้าวแห่งความมืดละความสนใจจากเจ้าอาวาสหงหมิง หันมามองดยุกเซราส
“ปล่อยลูกชายของข้าซะ”จ้าวแห่งความมืดพูดออกคำสั่ง เขาไม่เห็นดยุกเซราสอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ดยุกเซราสยิ้มแผ่วเบา ร่างของเขาพลันหายไปปรากฏที่ข้างกายของแวมไพร์ลอร์ด ก่อนที่เขาจะจับด้ามหอกสายลมที่แทงอกของอีกฝ่าย และกระชากออกทางด้านข้างอย่างแรง
“อ๊าาากกกก”แวมไพร์ลอร์ดกรีดร้องสุดเสียงร่างของเขาร่วงลงไปที่พื้น ครึ่งร่างของเขาถูกตัดอย่างโหดร้าย หนามสายลมยังไม่ปล่อยยิ่งรัดแน่นมากขึ้น
ดยุกเซราสยิ้มแผ่วเบา สายตาจับจ้องไปยังจ้าวแห่งความมืดด้วยแววตาท้าทาย
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ชัด”
นัยน์ตาของจ้าวแห่งความมืดฉายแววอำมหิต พลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวขยายออกจากร่าง ท้องฟ้ามืดมิดเกิดเสียงดังสะท้อนอย่างน่ากลัว
“อมิตาพุทธ”เจ้าอาวาสหงหมิงกล่าวเสียงเบา พลังงานสีขาวทองส่องสว่างไปทั่วบริเวณ สลายพลังทั้งหมดไป
“พระเฒ่า! ไหนบอกว่าจะไม่เข้ามายุ่งในการต่อสู้ของฉัน”จ้าวแห่งความมืดหันมามองเจ้าอาวาสหงหมิง แววตาเย็นเฉียบอย่างน่ากลัว หน้าผากของเขามีรอยสักรูปเคียวสีดำปรากฏขึ้น พลังงานสีดำค่อยๆไหลเวียนออกจากร่างกาย รัศมีพลังเข้าต้านพลังงานสีขาวทอง จนเกิดภาพตัดสองสีอยู่ตรงกลางของทั้งสอง
“อามิตตาพุทธ พลังกดดันของโยมรุนแรงเกินไป อาจทำร้ายผู้คนได้ อาตมาจึงต้องหยุดโยมไว้ก่อน”เจ้าอาวาสหงหมิงกล่าวอย่างสงบ
จ้าวแห่งความมืดโกรธจริงๆแล้ว
รอยสักเคียวสีดำส่องประกาย พลังงานสีดำไหลเวียนไปที่มือขวา กลายเป็นเคียวสีดำที่มีขนาดใหญ่กว่าของแวมไพร์ลอร์ดเกือบสองเท่า
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกจากร่างโดยไม่สนว่าใครจะได้รับผลกระทบ
เจ้าอาวาสหงหมิงพนมมือขึ้นท่องบทสวด รอยธูปจี้ 12 จุด กลางหน้าผากส่องสว่าง คลื่นพลังสีขาวทองขยายจากร่างของเขา ไปปกคลุมพื้นที่มหาวิทยาลัยเทียนซูและขยายต่อไปจนเกือบครึ่งของเมืองเทียนซู พื้นที่ทั้งหมดเปล่งประกายสีขาวทอง เหมือนได้รับการคุ้มครองจากพลังศักดิ์สิทธิ์ รัศมีพลังสีดำของจ้าวแห่งความมืด เมื่อกระทบถูก พลังทำลายก็ลดลงไป จนแทบไม่ส่งผล
จ้าวแห่งความมืดเห็นการกระทำของเจ้าอาวาสหงหมิงก็ลอบยิ้มเยาะ วงแหวนเวทย์สีดำนับร้อย ปรากฏขึ้นรอบร่าง
“มองไปทางไหน คู่ต่อสู้ของนายคือฉัน!”ดยุกเซราสกล่าวขึ้นเสียงดัง ก่อนจะใช้พลังธาตุลม ทำให้ร่างของตัวเองลอยขึ้นช้าๆ ดวงตาสีเขียวอ่อนเป็นประกาย วงแหวนเวทย์นับร้อยก็ปรากฏเหนือร่างของเขา
หอกสายลมนับร้อย พุ่งออกจากวงแหวนเวทย์ ฉีกอากาศด้วยความเร็วสูงพุ่งไปยังฝ่ายตรงข้าม
จ้าวแห่งความมืดหันไปมอง ก่อนจะโบกมือ วงแหวนเวทย์ระเบิดการโจมตีออกไป ลูกพลังงานความมืด นับร้อยจะพุ่งออกจากวงแหวนเวทย์ เข้าปะทะกับหอกสายลม
ตูม ตูม ตูม ตูม!
เจ้าอาวาสหงหมิงลอยลงมาบนพื้น ปากท่องบทสวดไม่หยุด
คลื่นพลังจากการต่อสู้ เมื่อกระทบถูกพลังงานสีขาวทอง จะถูกสลายหายไป ไม่สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่
ดยุกเซราสที่เห็นดังนั้น เขาก็เบาใจ สามารถต่อสู้ได้เต็มที่ เขาอยากจะต่อสู้กับผู้ใช้เวทย์แห่งความมืดมานานแล้ว โอกาสแบบนี้อาจไม่มีอีก ดวงตาสีเขียวอ่อนส่องประกายเจิดจ้า วงแหวนเวทย์สีเขียวอ่อนนับร้อยปรากฏขึ้น ก่อนจะกระจายกันไปทั่วพื่นที่โดยรอบ ล้อมจ้าวแห่งความมืดไว้ตรงกลาง
จ้าวแห่งความมืดเหลือบตามองอย่างช้าๆ ราวกับไม่สนใจวงแหวนเวทย์นับร้อยที่ล้อมอยู่ เคียวในมืดหมุนควงในมืด ก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไป
ดยุกเซราสสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของอากาศ เขาใช้กฎแห่งธาตุลมเร่งความเร็วเหนือเสียงหลบไปอีกฝากในชั่วพริบตา ในเวลาเดียวกันวงแหวนเวทย์เปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะระเบิดการโจมตีตรงไปยังจุดที่เขาเคยอยู่
มหาพายุเชือดเฉือน!
ร่างของจ้าวแห่งความมืดปรากฏขึ้น ไม่พบร่างของดยุกเซราส ก็รู้ว่าช้าไป ยังไม่ทันได้ขยับตัว พลังอันมหาศาลก็กดทับไปที่ร่างของเขา
คมเคียวสายลมนับร้อย จากทุกด้านหมุนวนรวมกันกลายเป็นพายุคมเคียวสายลม เสียงฉีกอากาศดังขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว พายุบีบตัวเข้าหากันไร้ทางหลบหนี
ในชั่วเวลานั้นเอง เคียวในมือก็หมุนวนกลายเป็นกลายเป็นกงจักรสีดำ จ้าวแห่งความมือเหวี่ยงเคียวในมืออกไป
ตูมมม! เคียวสีดำสร้างช่องว่างเส้นทางหนึ่ง จ้าวแห่งความมืดหายวับพุ่งออกไปทันที
ดยุกเซราสเห็นดังนั้นก็ไม่แปลกใจ กฎแห่งความมืดมีพลังทำลายล้างสูง การโจมตีเพียงแค่นั้นไม่มีทางทำอะไรจ้าวแห่งความมืดได้
จ้าวแห่งความมืดมองไปยังดยุกเซราสที่อยู่ห่างไกลออกไป เขาก็เข้าใจถึงความเร็วของอีกฝ่าย ถ้าเขาต้องการเข้าปะชิด ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ต้องใช้เวทย์โจมตีระยะไกลเท่านั้น
เมื่อคิดได้ วงแหวนเวทย์สีดำขยายใหญ่กว่า 50 เมตรก็ปรากฏขึ้น คลื่นพลังงานอันน่าหวาดหวั่นเล็ดลอดออกมาจากวงแหวนเวทย์
เจ้าอาวาสหงหมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำอะไร เขายังคงท่องบทสวดคุ้มครองเมืองเทียนซูต่อไป
ดยุกเซราสหรี่มามอง ก่อนโบกไม้เท้าออกไปเกิดเป็นวงแหวนเวทย์สีเขียวอ่อนขนาด 45 เมตร
ในเวลาเดียวกัน หัวงูขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากวงแหวนย์เวทย์สีดำ ลำตัวสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึก ดวงตาอสรพิษสีแดงกระหายเลือด เขี้ยวสีดำมีพลังงานสีดำห่อหุ่ม เพียงแค่ดวงตาอรพิษกวาดผ่าน ผู้คนก็รู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งด้วยความกลัว
เมื่อลำตัวทั้งหมดออกมา ความยาวของงูยักษ์มีมากกว่า 100 เมตร
ทางด้านดยุกเซราส ร่างของสิงโตสีเขียวอ่อนงสูง 15 เมตร กระโดดออกมาจากวงแหวนเวทย์สีเขียวอ่อน แผงคอยาวโบกสะบัดราวกับสายลม เมื่อเท้าเหยียบพื้นมันก็ร้องคำรามอย่างองอาจ
โฮกกกก
จ้าวแห่งความมืดและดยุกเซราสมองสบตากัน ก่อนที่สัวต์ร้ายของพวกเขาจะตรงเข้าต่อสู้ห่ำหั่นกัน
สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ทั้งสอง ไม่ได้เชื่องช้าตามขนาดตัวที่ใหญ่โต พวกมันรวดเร็วว่องไว เพียงพริบตา พวกมันก็ปะทะกัน 10 ครั้ง
คลื่นการต่อสู้กระจายออกไปไปโดยรอบ
ถ้าไม่มีเจ้าอาวาสหงหมิง พื้นที่โดยรอบจะต้องถูกทำลายไม่เหลือซากอย่างแน่นอน
ในขณะที่สัตว์ร้ายตาอสู้กัน จ้าวแห่งความมืดและดยุกเซราสก็ไม่อยู่เฉย ทั้งสองต่อสู้กันอย่างรุนแรง วงแหวนเวทย์สีเขียวและดำ พัวพันกันไปมา
ดยุกเซราสใช้ความได้เปรียบด้าน ความเร็วในการร่ายเวทย์และความเร็วในการโจมตี กระหน่ำโจมตีไปไม่ยั้งจนใกล้จะถึงตัวจ้าวแห่งความมืด
หอกสายลมพุ่งเข้าไปเกือบถึงตัว แต่ลูกพลังงานความมืดทำลายเสียก่อน หอกสายลมอีกสามเล่มพุ่งแหวกอากาศเข้าไป ทำลายลูกพลังงานความมืด ในเวลานั้นเองวงแหวนเวทย์สายลมปรากฏขึ้น ก่อนที่สิงโตสายลมสูง 3 เมตร จะพุ่งออกมา เข้าไปโจมตี แต่ก็ถูกเคียวยักษ์สีดำในมือจ้าวแห่งความมืดตัดขาดครึ่ง
แต่ร่างที่ขาดครึ่ง ก็ก่อตัวขึ้นใหม่กลายเป็นสิงโตสายลมขนาด 2 เมตรสองตัว พุ่งย้อนกลับหาจ้าวแห่งความมืด แต่วงแหวนเวทย์สีดำปรากฏขึ้นขวางหน้า ก่อนที่งูสีดำ ยาว 20 เมตร จะพุ่งออกมาพัวพันขัดขวางสิงโตสายลมทั้งสอง
เวทย์มนต์หลายชนิดโจมตีกันไปมา
ดยุกเซราสที่ลอยห่างออกไป ก็รู้ตัวว่าจ้าวแห่งความมืดยังไม่ใช้พลังเต็มที่ เขาก็เข้าใจถึงความต่างชั้นของผู้บ่มเพาะพลังรุ่นก่อนและปัจจุบัน แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ถูกควบแน่น ลวดลายวงแหวนเวทย์สลับซับซ้อน พลังงานอันมหาศาลภายในวงแหวนเวทย์ราวกับจะระเบิดออกมา
พายุทำลายล้าง!
พายุขนาดใหญ่หมุนวนดูดสายลมทั้งหมดในพื้นที่กว่า 10 ตารางกิโลเมตร อากาศเบาบางลงชั่วขณะ พายุกลายเป็นเกลียวพายุ ขนาดของมันค่อยๆเล็กลง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างอันมหาศาล พุ่งเข้าใส่จ้าวแห่งความมืด
พลังงานความมืดที่ปกคลุมท้องฟ้าถูกแรงดึงดูดของพายุ เปิดช่องว่างให้เห็นแสงจันทร์ส่องลงมา
จ้าวแห่งความมืดเห็นพลังทำลายล้างของเกลียวพายุ วงแหวนเวทย์เกือบ 40 เมตรปรากฏขึ้น ก่อนจะกลายเป็นพายุสีดำ แม้จะไม่ควบแน่นจนมีพลังทำลายล้างสูง แต่ขนาดของมันใหญ่กว่าพายุทำลายล้างถึง 3 เท่า
พายุทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง สายลมโหมกระหน่ำไปทั่ว อาคารภายในมหาวิทยาลัยเทียนซูสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่พังทลายลง เพราะมีพลังของเจ้าอาวาสหงหมิงปกป้องเอาไว้
ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กัน
ก็มีเครื่องบินล่องหนบินเข้ามาเหนือท้องฟ้า
จ้าวแห่งความมืดและดยุกเซราส สัมผัสได้ถึงพลังของผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง พวกเขาหยุดการต่อสู้ หันไปทางเครื่องบินล่องหนพร้อมกัน
สัตว์ร้ายยักษ์ของทั้งสองยังคงต่อสู้กันต่อ
ชายวัยกลางคนผมสีขาวประกายเงิน กระโดดออกมาจากเครื่องบินล่องหน
ดยุกเซราสเห็นรูปร่างของอีกฝ่าย เขาก็จำคู่ต่อสู้เมื่อไม่นานนี้ของตัวเองได้ทันที
“หลงเทียนหลาน”
—
คอมเม้นต์