ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 252
ในตอนนั้นเอง ประตูดาดฟ้าก็เปิด พร้อมกับร่างของจิวเสวี่ยเหมยค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเด็กสาวมืดมั่วไร้ประกายชีวิต เหมือนศพเดินได้ ตามใบหน้าและแขนขามีรอยช้ำสีม่วงเขียวเด่นชัดจนน่ากลัว แม้แต่ในร่มผ้าชุดคนไข้ก็สามารถมองเห็นรอยช้ำสีม่วงเขียวอย่างชัดเจน
เธอเดินมาถึงรั้วเหล็กกั้นที่กันเอาไว้ เธอค่อยๆปีนรั่วเหล็กกั้นขึ้นไปนั่งด้านบนสุด
‘เหม่ยเหม่ยหยุด!’จิวโมไป๋ตะโกนลั้นด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเจ็บปวดจนแทบสิ้นสติ จนเขาแทบจะไม่สามารถประคองเอาไว้ได้แล้ว
ปัง! ประตูดาดฟ้าเปิดออก พร้อมกับยามรักษาความปลอดภัยและพยาบาลก็วิ่งขึ้นมา พวกเขาร้องห้ามเสียงดัง แต่จิวเสวี่ยเหม่ยนิ่งสนิท ราวกับไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
“เหม่ยเหม่ย! ลูกลงมา อย่าทำอะไรอย่างนั้น!”ฮั่นหวูเหยาตะโกนด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอซีดขาวราวกับคนป่วยหนัก
“ลูกลงมาคุยกับพ่อก่อน อย่าด่วยตัดสินใจคิดสั้น ทุกอย่างมีทางออกเสมอ”จิวโมเทียนกล่าวปลอบโยน ใบหน้าของเขาทรุดโทรมไม่ต่างจากฮั่นหวูเหยามากนัก เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้รั้วกั้นอย่างช้าๆ
จิวเสวี่ยเหม่ยเหมือนตอบสนองกับเสียงเรียกของพ่อแม่ แต่เธอไม่หันกลับมา หยดน้ำตาค่อยๆลงจากดวงตาทั้งสองข้าง โดยที่ไม่มีใครเห็น นอกจากจิวโมไป๋ที่ดูอยู่บนฟ้า
“ลูกอย่าโดด กลับมาหาแม่ก่อน…”ฮันหวูเหยาพูดด้วยเสียงสั่นเทา
แต่ในตอนนั้นเองจิวเสวี่ยเหม่ยก็ปล่อยตัวลงไป
“ไม่!”ทุกคนกรีดร้องลั้น
จิวโมไป๋นิ่งค้างมองร่างของคนที่เขารักตกลงไป
ในชั่วเวลาที่จิวเสวี่ยเหม่ยกำลังจะกระโดด เขาอ่านแววตาของเธอได้ มันไม่ได้เป็นการกระทำที่สิ้นคิด แต่เป็นการตัดสินใจที่ใคร่ครวญแล้ว
เพียงแค่วูบหนึ่งเขาก็เข้าใจการตัดสินใจของเด็กสาว เธอรู้ถึงอิทธิพลของนักเรียนชายทั้ง 5 ที่ข่มขืนเธอ พวกเขาไม่ได้ตัวตนธรรมดา เพราะเหตุนี้ เธอจึงไม่อยากให้ครอบครัวเข้าไปยุ่งกับคนพวกนั้น ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหา
ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไป จิวโมไป๋หมดเรี่ยวแรงสองตาเหม่อลอย หัวใจของเขาในตอนนี้ราวกับจะฉีกขาด
เขาไม่รู้ว่าภาพที่เห็นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และภาพพวกนี้มาได้ยังไง ถ้าเป็นเรื่องจริงเขาไม่มีทางปล่อยศัตรูไว้แน่
ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เป็นบาร์แห่งหนึ่ง ถงเหวยกำลังนั่งยิ้มเย้ยหยันมองไปยัง จิวโมเทียนที่นอนอยู่ที่พื้น ในสภาพไม่เหลือชิ้นดี เลือดสีแดงสดไหลนองไปทั่วพื้น
“ลุงให้กำเนิดลูกสาวที่ดีนะ น่าเสียดายที่ตายเร็วไปหน่อย ไม่อย่างนั้นผมจะได้…ฮ่าๆๆ”ถงเหวยพูดด้วยน้ำเสียงน่ารังเกียจ ก่อนที่จะลุกขึ้นและใช้เท้าเขี่ยร่างของจิวโมเทียนให้หง่ายร่างขึ้น และหยิบขวดเหล้าขึ้นและเทเหล้าที่มีแอลกอฮอล์ราดทั่วร่าง
“อ๊ากๆๆ”จิวโมเทียนที่สติเริ่มเลือนรางกับมาได้สติเพราะความเจ็บปวด เขามองไปยังถงเหวยด้วยแววตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“ไอ้เดรัจฉาน! แกทำอย่างนั้นกับลูกสาวของฉันได้ยังไง แต่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า!”
ถงเหวยก้มมองจิวโมเทียน ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“ตลกน่าลุง การขยี้มดตัวเล็กๆ จะไปรู้สึกอะไรได้”
“แก!”จิวโมเทียนพยายามจะลุกขึ้น แต่ถูกบอดี้การ์ดของถงเหวยกดเอาไว้
“เอาไปส่งที่สถานีตำรวจ ที่พ่อของฉันเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจอยู่”ถงเหวยจงใจพูดให้จิวโมเทียนได้ยินว่าพ่อของเขามีตำแหน่งอะไร
จิวโมเทียนได้ยินก็รู้ได้ทันที ว่าเขาไม่สามารถก้แค้นให้ลูกสาวของเขาได้อีกแล้ว แววตาของเขามืดมัวลงราวกับเป็นศพ
ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นห้องขังแห่งหนึ่ง จิวโมเทียนกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางอากาศ คอของเขามีผ้ารัดแน่นห้อยกับสายไฟจากหลอดไฟที่ถูกดึงออกมา ด้านล่างมีร่างของคนในชุดสีดำสนิท กำลังมองการตายของจิวโมเทียนอย่างเงียบสงบ
จิวโมไป๋ที่ตอนนี้สติเริ่มหายไป เขามองไปยังใบหน้าของชายชุดดำ เขาก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่าย เป็นหนึ่งในคนของเซียวหนานจิ้น ที่ไปลอบสังหารเขาที่เกาะโดดเดียว แต่ถูกเขาฆ่าตาย
จิวโมไป๋มองไปยังร่างของพ่อตัวเองที่ค่อยๆหมดลม แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง แต่เขาก็ยังสงบลงอยู่
ก่อนที่ภาพจะเปลี่ยนไป เป็นแม่ของเขาที่กำลังกินยานอนหลับจำนวนมากและล้มลงนอนที่เตียงนอน และค่อยๆตายอย่างช้าๆภายในบ้านที่มีเธอเพียงคนเดียว
จิวโมไป๋มองไปยังร่างของแม่ฮั่นหวูเหยาที่ตายอย่างช้าๆไม่ทรมาน
ภาพทุกอย่างหายไป จิวโมไป๋ปรากฎตัวอีกครั้งในความมืดมิด ด้านของเขามีประตูไม้ เพียงบานเดียว ทำให้เขารู้ว่าในตอนนี้เขาอยู่ภายในประตูไม้ด้านขวาที่เปิด
จิวโมไป๋ยกมือขึ้นมากุมใบหน้าและหัวเราะเสียงดังสนั่นอย่างขมขื่น หยาดน้ำตาค่อยๆไหลผ่านฝ่ามือ ภายในจิตใจของเขาในตอนนี้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส สติจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
จิวโมไป๋หัวเราะจนหมดแรงและทรุดลงนั่ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าที่นี่เป็นการทดสอบจิตมารจริงๆ และมันยังเป็นการทดสอบหนึ่งในจิตมารระดับลึกที่สุดของเขา
ที่เขาไม่สามารถค้นพบได้
ในอดีตเขาเคยไปทดสอบจิตมารหลายสถานที่ แต่ทั้งหมดเป็นแค่มารในใจธรรมดาที่ทุกคนมี เขาสามารถผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อเขาทดสอบรับการเลื่อนระดับไปเป็นปราณนภา
เขาก็พบกับการทดสอบอันรุนแรงกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปหลายเท่า แสดงให้เห็นว่า เขายังมีจิตมารอยู่ในใจ แต่เขาไม่สามารถค้นพบมันได้
ทำให้เขาไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นปราณนภาได้
จิวโมไป๋เคยคาดเดาจิตมารของตัวเอง เอาไว้หลายอย่าง แต่เขาไม่คิดเลยว่าจิตมารในใจของเขาจะเป็นอย่างนี้
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ความรู้สึกผิดบาดลึกในใจ
จิตมารของเขาก็คือ ความรู้สึกผิด
ความรู้สึกผิดที่ทุกครั้ง เมื่อครอบครัวเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่เคยอยู่ตรงนั้นเลยสักครั้งเดียว
ครั้งที่หนึ่ง ในตอนที่ร้านอาหารถูกทำลาย พ่อและแม่บาดเจ็บ ลุงหานพิการตลอดชีวิต ส่วนตัวเขาเอาแต่เศร้าเสียใจที่ผิดหวังในความรัก ไม่สนใจว่าครอบครัวกำลังเดือดร้อน
ครั้งที่สอง ในช่วงเวลาที่ครอบครัวถูกก่อกวนจากกลุ่มอิทธิพลมืด เขาก็มัวแต่หาวิธีทำให้ตำหนักยุทธ์กลับคืนมา เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเขาจะทำไปเพื่อปกป้องครอบครัว แต่มันก็ทำให้ครอบครัวของเขารับภาระหนัก โดยเฉพาะพ่อของเขาที่เป็นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว ที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ทำให้ควาดเครียดทั้งหมดมาอยู่ที่เขา
มันทำให้พ่อของเขาไปขอร้องโจวถิงหาน ในตอนที่สติเริ่มเลอะเลือน จนทำให้ถูกโกงเงินทั้งหมดของครอบครัวไป
ถ้าวันนั้นเขาไปด้วย อย่างน้อยเขาก็สามารถเตือนสติ ไม่ให้พ่อทำอะไรไร้สติไป
ครั้งที่สาม ในวันที่จิวเสวี่ยเหม่ยถูกข่มขืน เขากำลังทดสอบเคล็ดวิชาเปลี่ยนสวรรค์อยู่ ทำให้เขาไม่ได้สนใจครอบครัวไปช่วงเวลาหนึ่ง ในตอนนั้นเขาก็รู้อยู่ว่าครอบครัวกำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต แต่เขาก็ไม่หาทางป้องกัน ปล่อยให้น้องสาวของเขาถูกข่มขืน
ครั้งที่สี่ ในวันที่จิวเสวี่ยเหม่ยฆ่าตัวตาย เขาก็กำลังสืบหาคนร้ายที่ข่มขืนเธอ ถ้าตอนนั้นเขาอยู่พูดคุยกับเธอ มันอาจหยุดการคิดฆ่าตัวตายของเธอได้
ครั้งที่ห้า ในวันที่พ่อจิวโมเทียนไปหาถงเหวย เขาก็ฟื้นฟูการบ่มเพาะพลังกลับมาได้สำเร็จ ทำให้เขาอยู่ที่หอบ่มเพาะพลังของมหาวิทยาลัย ไม่ได้กลับบ้าน และในวันนั้นเองพ่อก็เข้าไปในห้องของเขา และได้พบผลการสืบสวน ที่เขาเผลอวางเอาไว้ในห้อง ทำให้พ่อรู้ว่าคนที่ข่มขืนจิวเสวี่ยเหม่ยเป็นใคร
พ่อออกไปแก้แค้นถงเหวยทันที กว่าจิวโมไป๋จะรู้ พ่อของเขาก็ถูกจับไปแล้ว
ในวันนั้นถ้าเขาไม่ตื่นเต้นที่สามารถฟื้นฟูการบ่มเพาะพลังจนทิ้งผลสืบสวนไว้ในห้อง พ่อของเขาก็คงไม่พบ และออกไปแก้แค้น
ครั้งที่หก ในวันที่พ่อของเขาถูกฆ่า เขาก็เอาแต่ตามสืบเรืองของถงเหวย เพื่อจะแก้แค้นและช่วยพ่อออกจากคุก
ครั้งที่เจ็ด วันที่แม่ของเขาฆ่าตัวตาย เขาก็จมอยู่ในความเศร้า เกือบจะฆ่าตัวตายเช่นกัน แต่เขาก็ตัดสินใจแลกชีวิตกับถงเหวย เขากำลังจะลอบฆ่าถงเหวย แต่ก่อนที่เขาจะลงมือ เขาก็ได้รับการติดต่อมาว่า แม่ของเขาฆ่าตัวตาย ทำให้เขาหยุดและรีบไปหาแม่
ถ้าวันนั้นเขาอยู่กับแม่ และปลอบใจซึ้งกันและกัน แม่ของเขาก็อาจจะไม่ฆ่าตัวตายก็ได้
ความรู้สึกผิด กลายเป็นจิตมารที่ล้ำลึกภายในจิตใจ ไม่แปลกเลยที่เขาไม่สามารถหาได้ และมันก็กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เขาสามารถเลื่อนระดับได้
ประตูไม้เบื้องหน้า ถ้าเขาสามารถเปิดมันได้ เขาจะสามารถกำจัดจิตมากออกไป
แต่ในตอนนี้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะเดินเข้าใกล้ประตูไม้ได้ ไม่ต้องพูดถึงเปิดประตูเลย
จิวโมไป๋ถอนหายใจอย่างปลงตก ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าใส่ จิตมารค่อยๆกลืนกิน ทำลายสติของเขาไปอย่างช้าๆ ความเจ็บปวดที่หัวใจ เหมือนกับว่าเขากำลังกรีดหัวใจทิ้ง
สติของเขาจะถูกทำลายและพ่ายแพ้จิตมาร
ในชั่วเวลาที่จิวโมไป๋กำลังหมดหวัง
ในทะเลสติ ดอกบัวหัวใจพิสุทธิ์ก็หมุนวนอย่างช้าๆ รัศมีเย็นสบายแผ่กระจายไปทั่วร่างปกป้องสติที่กำลังถูกกลืนกิน
จิตมารที่รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม มันก็เร่งกลืนกินสติให้เร็วขึ้น
แต่ดอกบัวหัวใจพิสุทธิ์ก็ยังส่งพลังตอบโต้ป้องกัน
จิวโมไป๋รู้สึกถึงการต่อสู้ของพลังทั้งสอง และเขาก็ได้สติขึ้นมา ก่อนที่ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า
‘ลืมไปได้ยังไง!’จิวโมไป๋ยืดตัวขึ้นนั่ง ดอกบัวหัวใจพิสุทธิ์แผ่กระจายรัศมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าในอดีต จิตมารตนนี้จะไม่สามารถถูกกำจัดได้ เพราะความรู้สึกผิด ที่มันฝั่งลึกลงไปมากจนไม่สามารถแก้ไขได้
แต่ในตอนนี้เขาได้ย้อนเวลากลับมาและได้แก้ไขอดีตไปหมดแล้ว การล้มสลายของครอบครัวไม่เกิดขึ้น จิวเสวี่ยเหม่ยไม่ถูกข่มขืน พ่อแม่ไม่เสียชีวิต
ทุกอย่างมีแต่เรื่องดี ไม่มีทุกข์ ในอนาคตเขาจะไม่ทำเหมือนเดิมอีก จะใส่ใจคนรอบข้างให้มากขึ้น ไม่มุ่งความสนใจทั้งหมดไปแต่เพียงสิ่งเดียว จนทำให้เกิดความผิดพลาดมากมายอีก
เมื่อตระหนักได้ ดอกบัวหัวใจพิสุทธิ์หมุนวนอย่างช้าๆ ก่อนจะเปล่งประกายงดงาม ดอกบัวสีขาวค่อยๆบานออกอย่างช้าๆ ใจกลางดอกบัวมีเกสรเหมือนผลึกแก้วใสสะอาด
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ ขั้นที่ 3!
กลิ่นหอมอ่อนแผ่กระจายออกจารูขุมขนของจิวโมไป๋ จิตมารถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
ห้องสีดำถูกสีขาวกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนกลายเป็นห้องสีขาวสว่าง
ประตูไม้ก็แตกร้าวพร้อมจะพังทลายทุกเมื่อ
จิวโมไป๋ค่อยๆยืนขึ้นและเดินไปยังประตูไม้
การกำจัดจิตมาร จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เพียงแต่ตระหนักรู้เพียงแค่ชั่ววูบก็สามารถกำจัดจิตมารได้แล้ว
แต่การตระหนักรู้เพียงแค่ชั่ววูบ มันไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าใจได้ ต้องอาศัยโชค และโอกาส
ถ้าจิวโมไป๋ไม่ได้ย้อนเวลาแก้ไขอดีต จิตมารความรู้สึกผิด จะฝั่งอยู่ในจิตใจของเขาตลอดไป ไม่สามารถแก้ไขได้เลยตลอดชีวิต
นี่ก็ถือว่าเป็นโชคและโอกาสที่จิวโมไป๋ได้รับ
จิวโมไป๋ผลักประตูไม้เบาๆ ก่อนที่ประตูไม้จะพังทลายลง ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไป เขากลับมายืนอยู่ในความมืดมิด เบื้องหน้ามีประตูไม้อีกหนึ่งบานตั้งอยู่
เขาเดินไปใกล้ประตูไม้และหยุดยืนมองไปยังประตูไม้ แววตาของเขากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง
“จิตมารนี้คงไม่ใช่…”
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ก่อนจะเอื่อมมือไปผลักประตูไม้ ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ร่างของเขาลอยอยู่กลางท้องฟ้าที่มืดมิด เบื้องล่างมีเมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ ห่างจากเมืองออกไปไกล มีภูเขาสูงตระหง่านถึงท้องฟ้า บนยอดเขามีอาณาเขตของตระกูลหนึ่งอาศัยอยู่
ตระกูลเซียว!
ในเวลานี้ตระกูลเซียวกำลังจัดงานเลี้ยงประชุมประจำตระกูล ทำให้ภายในอาณาเขตส่องสว่างจนสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
ในขณะที่คนตระกูลเซียวกำลังกินเลี้ยงกันอย่างครื้นเคร่ง
อยู่ๆก็มีวงแหวนข่ายอาคมสีม่วงรวดลายสลับซับซ้อนยากที่จะเข้าใจปกคลุมทั่วท้องฟ้า พลังของข่ายอาคมทำให้ท้องฟ้าเกินการบิดเบือนเกิดเป็นภาพแปลกประหลาด
ยอดฝีมือของตระกูลเซียวตกตะลึง พวกเขาต่างก็พุ่งตัวลอยออกจากที่อยู่อาศัย
“ใครกัน! ที่กล้าก่อเรื่องที่นี่!”เสียงคำรามจากยอดฝีมือปราณนภาดังสนั่นจนภูเขาสั่นสะเทือน
แต่ในตอนนั้นเอง ข่ายอาคมก็ม้วนตัวและแยกออกเป็นเสา 12 ต้น เรียงรอยกันอย่างดงามและเกิดเป็นปราการสลับซับซ้อนปกคลุมทั้งอาณาเขตตระกูลเซียว
“ข่ายอาคมปราการ 12 นักษัตร ผนึก!”เสียงทุ่มต่ำดังขึ้น ทุกคนในอาณาเขตตระกูลเซียวต่างก็ได้ยิน คลื่นพลังบางอย่างกระจายออกปกคุลมทั่วอาณาเขตตระกูลเซียว
ใบหน้าของผู้บ่มเพาะปรานภาพลันบิดเบี้ยว ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงมาอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมข้าไม่สามารถใช้ปราณนภาได้!”เหล่าผู้บ่มเพาะพลังปราณนภาต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ
—
คอมเม้นต์