ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 255
ความรู้สึกของจิวโมไป๋ย้อนกลับมา เขาลืมตาตื่นขึ้นและถอนหายใจออกมาด้วยความหนักหน่วง ความเจ็บปวดแล่นแปลบที่หัวใจ ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือก ก่อนความเจ็บปวดจะค่อยๆหายไป เหลือเพียงร่องรอยจารึกโบราณที่สลักลงไปบนหัวใจ
จิวโมไป๋สูดลมหายใจ ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ มันเป็นรูปแบบจารึกที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เขาสัมผัสได้ว่ามันช่วยสยบจิตมารไม่ให้มันทำลายวิญญาณของเขา
เขาดึงสติกลับ ก่อนจะก้มคำนับประตูไม้เขตชั้น 2 ของวัดด้วยความเคารพ ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับ ลากร่างอันเหนื่อยล้ากลับไปที่พัก
ชายซอมซ่อเห็นจิวโมไป๋ออกมา เขาก็เพ่งมองด้วยด้วงตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่เอ่ยถาม
จิวโมไป๋เห็นเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเหมย เสี่ยวหวง และเสี่ยวจิน หมดสติ เขาก็เข้าไปตรวจสอบพวกมันด้วยความเป็นห่วง
“พวกมันแค่สลบไปเท่านั้นไม่ต้องกังวล”ชายซอมซ่อกล่าว ก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไป
จิวโมไป๋พยักหน้า แต่ก็ไม่หยุดตรวจสอบร่างของพวกมัน เขาไม่พบการบาดเจ็บอะไร เขาก็เบาใจลง
ไม่นานพวกมันทั้งสี่ก็ฟื้น เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเข้ามาคลอเคลียจิวโมไป๋ด้วยความเป็นห่วง
จิวโมไป๋ปลอบพวกมันเล็กน้อยก่อนจะแยกตัวมาพักฟื้นฟูพลังจนถึงเย็น เขาก็ลุกขึ้นมาทำอาหาร
อีกวันต่อมา จิวโมไป๋ตัดสินใจออกจากที่นี่ เพราะเหลืออีกเพียงแค่ 2 วันก่อนไปรายงานตัวที่หน่วยลับ และเข้ารับการทดสอบครั้งสุดท้าย
ก่อนที่จิวโมไป๋กำลังจะจากไป ชายซอมซ่อก็มาปรากฎตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบและกล่าว
“ถ้าเธอจะออกไป นำวัดแห่งนี้ออกไปด้วย”
จิวโมไป๋มองไปยังชายซอมซ่อด้วยความงุนงง
ไม่รอให้จิวโมไป๋ได้ถาม ชายซอมซ่อก็โบกมือร่างของจิวโมไป๋และสัตว์ทั้งสี่ตัว ก็ลอยลงไปที่ตีนเขา ก่อนที่จะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ภูเขาวัดดอกบัวถูกย่อขนาดเหลือเพียงกำปั้น บริเวณที่วัดดอกบัวเคยตั้งอยู่ก็กลายเป็นห้องโถงหินว่างเปล่า
ชายซอมซ่อปรากฎตัวด้านข้างของจิวโมไป๋ และยืนมือมายังจิวโมไป๋ ส่งภูเขาดอกบัวที่เหลือเพียงขนาดครึ่งฝ่ามือ
“เจ้าหนู ในปัจจุบันมีเธอเพียงแค่คนเดียวที่จะสามารถดูแลวัดแห่งนี้ได้ เอาไป จะเอาไปตั้งไว้ข้างนอก หรือเก็บเอาไว้เอง เธอทำตามที่ต้องการได้เลย”พูดจบร่างของชายซอมซ่อก็หายวับเข้าไปในภูเขาวัดดอกบัว
จิวโมไป๋รับวัดดอกบัวขนาดย่อส่วนมาไว้ในมือด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนที่แววตาของเขาจะเป็นประกาย เมื่อเขาผุดคิดอะไรบางอย่างได้
ไม่รอช้าจิวโมไป๋หยิบกระเป๋าสะพายออกมาและใส่วัดดอกบัวลงไป ภายในวัดดอกบัวไม่สามารถเก็บลงในแหวนมิติเก็บของได้ เขาจำเป็นต้องเก็บลงในกระเป๋า ก่อนที่เขาจะพาสัตว์ทั้งสี่ของเขาออกจากทะเลสาบและตรงกลับไปที่เกาะโดดเดียว
เมื่อเข้าไปในเกาะโดดเดียว จิตสัมผัสของเขาก็พบกับหวังเสี่ยวเป๋าและเฉินหู ที่กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย
เพียงไม่กี่วันระดับการบ่มเพาะพลังของทั้งสองก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านั้นเขาได้บอกถึงการทดสอบสุดท้ายให้ทั้งสองฟัง ทำให้ทั้งสองตั้งใจบ่มเพาะพลังอย่างหนัก
จิวโมไป๋ไม่บอกพี่น้องทั้งสอง เขาเดินไปทางทิศตะวันออกของเกาะโดดเดียว ตรงจุดธาตุไฟของข่ายอาคม 5 ธาตุหนุนเสริม เมื่อไปถึงเขาก็หยิบวัดดอกบัวออกมาและใช้พลังโยนมันออกไป
คลืนนนน ทันทีที่วัดดอกบัวตกลงสู่พื้น ก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างแผ่วเบา
ภูเขาวัดดอกบัวขยายอย่างรวดเร็วจนกลับมามีขนาดเท่าเดิม มีขนาดครึ่งหนึ่งของภูเขาสำนัก ในเวลาเดียวกันคลื่นความร้อนก็แผ่ขยายจากภายในวัดดอกบัว หลอมรวมเข้ากับอาณาเขตข่ายอาคม 5 ธาตุหนุนเสริม ความหนาแน่นของพลังธรรมชาติพลันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดหมอกสีขาวแผ่วเบาล่องลอยเหมือนเป็นแดนสวรรค์
กลิ่นอายกฎแห่งธาตุภายในเกาะโดดเดียวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หวังเสี่ยวเปาและเฉินหูที่กำลังฝึกฝนอยู่ ต่างก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง พวกเขาใช้ท่าร่างไปยังจุดเกิดความผิดปกติด้วยความรสดเร็ว เมื่อพวกเขาเห็นภูเขาลูกใหม่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขายืนงุนงงด้วยความตกใจ
“พี่ใหญ่ พี่รอง”จิวโมไป๋เรียก ทั้งสองเดินตามเสียง เห็นจิวโมไป๋ยืนอยู่ต้นบันไดที่ทอดยาวขึ้นไปบนภูเขา
“น้องเล็ก นี้มันคืออะไร?”หวังเสี่ยวเปาถาม ขณะที่เขามองตามบันไดขึ้นไปเห็นประกำแพงวัดด้านบน เพียงแค่เหลือบตามองเขารู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่โบราณน่าเครารพ
จิวโมไป๋ยิ้มก่อนจะอธิบายให้ทั้งสองฟัง
เมื่อได้ยินพวกเขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาสนใจหอทดสอบที่สามารถฝึกซ้อมการต่อสู้ได้โดยไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพราะประสบการณ์ต่อสู้ของพวกเขาน้อยเกินไป พวกเขารู้สึกว่าความเร็วในการบ่มเพาะพลังช้าเกินไป เหมือนกับว่าใกล้จะถึงคอขวด พวกเขาจึงต้องการต่อสู้เสี่ยงอันตราย เพื่อเพิ่มประสบการณ์จากการต่อสู้ ไม่รอช้าทั้งสองรีบขึ้นบันไดวัดอย่างรวดเร็ว
เดินขึ้นไปเพียงไม่กี่ก้าวพวกเขาก็สัมผัสถึงพลังกดดันที่ทับลงมา แต่พวกเขาก็ยังเดินไปได้ โดยที่ไม่ยากลำบากนัก
จิวโมไป๋ไม่เป็นห่วงทั้งสองนัก พวกเขาฝึกเคล็ดวิชากลั่นกายา ทำให้ร่างสามารถทดแรงกดดันจากการเดินขึ้นวัดได้ไม่ยาก และลักษณะนิสัยพื้นฐานของทั้งสองเป็นคนมีคุณธรรม การขึ้นบันไดวัดดอกบัวจึงไม่สร้างปัญหาให้กับทั้งสอง
จิวโมไป๋เดินตรวจสอบรอบเกาะโดดเดี่ยว เสียวไป๋และตัวอื่นๆก็แยกย้ายไปรอบๆ
ภายในวัดดอกบัว ชายซอมซ่อยืนอยู่บนหอทดสอบ เขาลอบพยักหน้าพอใจ สายตาตรวจสอบข่ายอาคมทั้ง 3 ที่ปกคลุมเกาะโดดเดียว
เวลาผ่านไปอย่าวรวดเร็ว ก็ถึงวันรายงานตัวเข้าหน่วยลับ
จิวโมไป๋ หวังเสี่ยวเปาและเฉินหู แยกกันกลับบ้านรอคนมารับไปรายงานตัว
จิวโมไป๋ส่งข้อความไปบอกพ่อแม่ ว่าเขาจะค้างบ้านเพื่อนหลายวัน เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง ก่อนจะเดินมารอป้ายรถเมย์นอกเมืองเช่นเดิม
เวลาผ่านไปไม่นานรถตู้สีดำก็ขับมาจอดรับเบื้องหน้า เขาขึ้นรถตู้ ประตูก็ปิดลง พร้อมกับมีเสียงราบเรียบดังขึ้นจากลำโพงบอกให้เขาใส่อุปกรณ์บนรถ จิวโมไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อคลุมสีดำเทา เสื้อคลุมสีดำเทาเป็นชุดสำหรับผู้ฝึกหัด เครื่องแบบของสมาชิกระดับต่ำสุดของหน่วยลับ
เขาหยิบกระบี่เหล็กอ่อนออกมาพันรอบเอวและพลองเหล็กออกมา ก่อนจะหยิบตลับเข็มทิศสีดำที่วางเด่นอยู่บนโต๊ะขึ้นมา มันเป็นเข็มทิศบอกทิศทาง เสียงประกาศบอกให้เขาพกเอาไว้เพื่อนำไปรายงานตัว ถ้าทำหายเขาจะเสียสิทธิ์รายงานตัว
จิวโมไป๋หยิบตลับเข็มทิศขึ้นมา และเปิดออก ลูกศรเข็มทิศหมุนวนไปรอบๆไม่หยุด บนฝาตลับด้านบนสลัก หมายเลข 236
เขามองหมายเลขและยิ้มอย่างแผ่วเบาและเก็บลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม และนั่งหลับตารอถึงปลายทาง
รถสีดำขับไปถึงลานพักแห่งหนึ่ง รถจอดไม่นานก็มีรถสีดำอีก 5 คัน เคลื่อนตัวมาจอดด้านข้าง ก่อนที่ประตูรถตู้ทั้ง 6 คันเปิดออก จิวโมไป๋ก็เดินลงไป พร้อมกับคนอื่นๆ
คนในรถตู้สีดำอีก 4 คันเป็นผู้ผ่านเข้าหน่วยลับในภารกิจเดียวกับเขา อีก 1 คันเป็นผู้ใส่เสื้อคลุมสีส้ม ที่เป็นหนึ่งในผู้คุมสอบ
หมายเลข 5 หมายเลข 7 และหมายเลข 8 ร่วมกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว หมายเลข 7 และ 8 เคารพนอบน้อมหมายเลข 5 อย่างชัดเจน
หญิงสาวหมายเลข 1 เดินแยกไปยืนห่างๆไม่รวมกลุ่มกับใคร
จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อยมองทั้งสาม แต่ก็ไม่ประหลาดใจอะไรมากนัก ที่ทั้งสามจะติดต่อกันหลังจากทำภารกิจ
ชายในชุดคุลมสีส้มเดินมาอย่างช้าๆ เขาเหลือบมองมาทางจิวโมไป๋อย่างไม่ตั้งใจ
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงอันตรายจากอีกฝ่าย แม้สัมผัสจะบางเบาแต่เขาก็สัมผัสได้ ในตอนนี้เขาฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ถึงขั้นที่ 3 ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เฉียบคมขึ้นอย่างมาก แม้จะเป็นเจตนาร้ายเพียงเล็กน้อย เขาก็สัมผัสได้
เขาสงบสติอารมณ์ลง ในตอนนี้เขาเข้าหน่วยลับแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านการทดสอบสุดท้าย แต่ครอบครัวของเขาจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐ
เขามั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบสุดท้ายอย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่าครอบครัวจะถูกเล่นงาน
ชายชุดคลุมสีส้มหยุดยืนห่างออกมาเล็กน้อยและกล่าว
“ที่ฉันให้พวกเธอมาอยู่ตรงนี้ก่อนไปรายงานตัว ก็เพราะว่า ฉันต้องการให้พวกเธอร่วมมือกัน เพื่อทำภารกิจทดสอบครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้ารับการรายงานตัว”ชายชุดคลุมสีส้มพูดพร้อมกับกวาดมองไปยังจิวโมไป๋ที่ยังคงสงบ ไม่แสดงออกอะไร ส่วนหมายเลข 1 และ 5 พวกเขามีพื้นหลังที่แข็งแกร่ง พวกเขาต้องได้รู้เกี่ยวกับภารกิจจากครอบครับมาก่อน หมายเลข 7 และ 8 ติดตามหมายเลข 5 ทำให้เขารู้ถึงภารกิจอยู่แล้ว ไม่แปลกเลยที่จะไม่ประหลาดใจอะไร
ชายชุดคลุมสีส้มเลิกคิ้วเล็กน้อยที่จิวโมไป๋ยังรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้
“พวกเธอจะไม่ร่วมมือกันก็ได้ แต่จากสถิติตั้งแต่มีการทดสอบมา มีเพียง 15 ใน 100 คนเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบสุดท้ายไปได้ฉันไม่อยากให้พวกเธอพลาดโอกาส ดังนั้นพวกเธอต้องคิดให้ดีว่าจะร่วมมือกันหรือไม่ ฉันจะให้พวกเธอทำความรู้จักกัน 5 นาที หลังจากนั้นพวกเธอก็ขึ้นรถ มันจะพาพวกเธอไปยังการทดสอบ”พูดจบชายชุดคลุมสีส้มก็เดินขึ้นรถตู้สีดำของเขาไป
เหลือเพียงพวกเขา 5 คนที่ยืนอยู่
หมายเลข 5 กอดอกไม่พูดอะไร บรรยากาศรอบตัวของเขาขับไล่ผู้คนให้ออกห่าง ความเย่อหยิ่งไหลเวียนรอบร่าง มีเพียงหมายเลข 7 และ 8 ที่ยืนประจบเอาใจอยู่ด้านข้าง
จิวโมไป๋เพ่งใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ
ในตอนนี้หมายเลข 5 อยู่ขั้นที่ 6 โลหิตต้นเป็นที่เรียบร้อย เมื่อไม่กี่วันก่อนอีกฝ่ายอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย ไม่แปลกที่จะพัฒนาภายในเวลาไม่กี่วัน
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ท่าทางของหมายเลข 5 ดูเปลี่ยนไป ความก้าวร้าว หุนหันพลันแล่นลดลง เปลี่ยนเป็นความเย่อหยิ่งถึงกระดูก สายตาที่มองผ่านผ้าคลุมเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความอาฆาตและเย้ยหยัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนอีกฝ่ายจะต้องเล่นงานเขาทันทีที่พบ แต่ในตอนนี้กับเก็บอาการลงเหมือนอสรพิษรอเล่นงานเหยื่อ
เวลาผ่านไป 5 นาที ประตูรถตู้ของทั้ง 4 ก็เปิดออก โดยที่ไม่มีใครแนะนำตัวเองเลย เหมือนเป็นการทำอะไรที่เสียเปล่าไร้ประโยชน์
จิวโมไป๋หันหลังเดินขึ้นรถตู้สีดำของตัวเอง
หมายเลข 5 มองตามหลังจิวโมไป๋ มุมปากยกยิ้มเย็นชา ก่อนจะหันหลังกลับไปที่รถของตนเอง
จิวโมไป๋นั่งลงบนที่นั่งภายในรถตู้ก่อนจะวางมือบนตลับเข็มทิศ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
รถทั้ง 6 คันขับออกไปเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนจะหยุดลงหน้ากำแพงสูง 50 เมตร
รถทั้ง 6 แยกคันขับไปจอดบนพื้นโล่งหน้ากำแพงที่ไร้ประตู ก่อนที่พื้นใต้รถจะเคลื่อนตัวลงไปด้านล่าง
จิวโมไป๋สงบนิ่งไม่ตกใจ ก่อนที่เสียงประกาศจะดังขึ้น
“ผู้มีสิทธิ์เข้ารายงานตัวหมายเลข 236 โปรดไปรายงานตัวที่สำนักงานภายใน 7 วัน คุณสามารถดูเส้นทางไปรายงานตัวได้ที่เข็มทิศที่ท่านได้รับ”เสียงราบเรียบหยุดเล็กน้อย เหมือนจะให้หยิบเข็มทิศขึ้นมาดู
จิวโมไปล้วงเข็มทิศขึ้นมา ในตอนนี้ลูกศรเข็มทิศชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“โปรดจำไว้ระยะทางไปยังสำนักงานที่ใกล้ที่สุดคือ 500 กิโลเมตร และเข็มทิศ 1 อันหมายถึง 1 คะแนน ถ้าทำเข็มทิศหายหมายถึงคะแนนเหลือ 0 เมื่อหมดเวลาคุณจะถูกตัดสิทธิ์ทันที แม้ว่าคุณจะไปถึงสำนักงานก็จะถูกตัดสิทธิ์
ในระหว่างทางคุณสามารถต่อสู้กับผู้มีสิทธิ์เข้ารายงานตัวคนอื่นเพื่อชิงเข็มทิศได้ แต่ต้องไม่ถึงแก่ชีวิต
หลังจบการทดสอบ คะแนนจะถูกเปลี่ยนเป็นรางวัล ยิ่งมีคะแนนมากเท่าไหร่ ของรางวัลที่ได้รับจะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้น
สุดท้ายอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดจะถูดตัดขาดไม่สามารถใช้กำไรข้อมือได้…”เสียงประกาศจบลงประตูรถตู้ก็เปิดเป็นช่องทางเล็กๆ ให้เขาเข้าไป
จิวโมไป๋เดินเข้าไปยืนในห้องแคบรอเวลา
“โปรดเตรียมตัว ภารกิจจะเริ่มในอีก 5 นาที”เสียงราบเรียบดังขึ้นอีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ห้องที่เข้าอยู่จะถูกดันขึ้นไป
“3 2 1… เริ่มภารกิจ”เพด้านด้านบนเปิดออก คลื่นความร้อนก็พัดใส่ร่าง
รอบตัวของเขามีแต่ทะเลทรายสีส้มทองอันร้อนระอุ
จิวโมไป๋เดินออกจากตัวเลื่อน ทันทีที่เขาเดินออก มันก็ปิดตัวลง กลายเป็นพื้นทะเลทราย
จิตสัมผัสขยายออกไปโดยรอบ เขาก็พบ หมายเลข 5 อยู่ข้างหน้าห่างออกไป 500 เมตร ไม่ไกลจากที่หมายเลข 5 อยู่ หมายเลข 7 และ 8 ปรากฎตัวห่างกันไม่ถึง 50 เมตร พวกเขาร่วมตัวกันอย่างรวดเร็ว นอกจากทั้ง 3 ยังมีผู้มีสิทธิ์รายงานตัวอีก 9 คน
พวกเขาแบ่งกลุ่มกัน 3 กลุ่ม กลุ่มและ 3 คน รวมกลุ่มของหมายเลข 5 ทั้ง 4 กลุ่มล้อมรอบเขาสี่ทิศ เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย
จิวโมไป๋ยิ้มเย็น ก่อนจะพุ่งตัวฉีกไปด้านข้าง อาศัยที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันตั้งตัวหลบหนีไปก่อน
แต่หลังจากที่เขาจากไปไม่นาน ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตัวว่าจิวโมไป๋หนีไป พวกเขารวมกลุ่มกันและแบ่งกลุ่มแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน กลุ่มหนึ่งติดตามและอีกกลุ่มหนึ่งเดินไปข้างหน้า
โดยที่หมายเลข 5 เป็นกลุ่มที่ไปข้างหน้า
กลุ่มที่ติดตาม กำหนดทิศทาของจิวโมไป๋อย่างรวดเร็ว ไม่มีความลังเล
จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบา เขารู้ว่าเข็มทิศมีเครื่องติดตามติดตั้ง แต่เขาไม่สนใจ ปล่อยสัญญาณติดตามเอาไว้โดยไม่ทำลาย เพราะมันช่วยให้เขาได้รับเหยื่อมากขึ้น โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงเอง ทำไมเขาต้องทำลายสัญญาณติดตาม?
และที่เขาไม่รีบกำจัดกลุ่มของหมายเลข 5 และไปรายงานตัว เพราะเขามีเป้าหมายอื่น และเขายังไม่อยากถูกเพ่งเล็งในตอนนี้ เขาจึงปล่อยหมายเลข 5 ไปก่อน
จิวโมไป๋เร่งความเร็วไปอีกด้านของทะเลทราย ห่างจากทิศทางไปสำนักงานมากขึ้นเรื่อยๆ
คอมเม้นต์