ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 269
อ้าวจินหลงกระโดดไปยังเกาะเล็ก สายตากวาดมองไปรอบๆอย่างน่ากลัว กลิ่นอายบ้าคลั่งแผ่กระจายออกจากร่างของเขาจนเกิดเงาสีแดงจางๆ
“สารเลว!”อ้าวจินหลงร้องคำราม ก่อนจะชกกำปั้นลงไปที่เกาะเล็ก
ตูม! เกาะเล็กพังทลาย แตกเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนที่หมัดอีกนับไม่ถ้วนจะกระหน่ำชกลงไปจนเกิดเป็นหลุมน้ำ
นัยน์ตาของอ้าวจินหลงค่อยๆกลับมาเป็นปกติเมื่อสติกลับมา เขากระโดดมาที่ฝั่งก่อนจะหายตัวไป เขาค้นไปทั้วก็ไม่พบ เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ไม่แปลกใจ
อายุไข 10 ปี มันอาจจะดูไม่มากนัก
แต่สำหรับผู้อาวุโสที่ใกล้สิ้นอายุไขและใกล้จะทะลวงผ่าน มันเป็นสิ่งล้ำค่า เพราะพลังธรรมชาติกำลังเพิ่มขึ้นโอกาสในการทะลวงผ่านก็มากขึ้น ถ้าพวกเขาเสียชีวิตก่อนจะเป็นอะไรที่น่าสลดใจอย่างมาก
ถ้ามีอายุเพิ่มขึ้น 10 ปี อาจถึงวันที่พลังธรรมชาติไปถึงจุดสูงสุด มันอาจทำให้มีโอกาสทะลวงผ่านมากขึ้น
การทะลวงผ่านแต่ละขั้นจะได้รับอายุไขเพิ่มขึ้น มันทำให้เห็นความหวังที่จะก้าวต่อไป
ผู้คนแยกกันไปหาเบาะแส มีเพียงจิวโมไป๋และเทียนคุนเฟิงที่ไม่ขยับ
ใบหน้าของเทียนคุนเฟิงในตอนนี้ก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน แม้พยายามจะรักษาความสงบแต่เขาก็ไม่อาจทำได้
เขาคงมีผู้อาวุโสที่ใกล้จะดับสูญ
จิวโมไป๋คิดเงียบๆ
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ทุกคนก็ไม่พบเจียวกู่หลานม่วงที่หายไป
พวกเขาก็ทยอนกันจากไป
เทียนคุนเฟิงและอ้าวจินหลงกล่าวอำลา สีหน้าของพวกเขาไม่สู้ดีนัก
ที่พวกเขามาทดสอบ ก็เพื่อเจียวกู่หลานม่วง เมื่อไม่ได้พวกเขาก็ถอนตัวทันที ไม่ทดสอบต่อ
ก่อนแยกกันจิวโมไป๋ก็ขอหมายเลขติดต่อกับเทียนคุนเฟิง
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเทียนคุนเฟิงก็ยอมให้หมายเลขติดต่อ ที่เขาให้หมายเลขติดต่อกับจิวโมไป๋เพราะจิวโมไป๋เป็นผู้มีพระคุณ
แม้กำไลข้อมือจะไม่สามารถใช้ได้ แต่การบันทึกหมายเลขง่ายยังทำได้อยู่
จิวโมไป๋รอให้คนจากไปก่อนที่จะเดินไปเนินเขาแห่งหนึ่ง เขาก็พบหลิวยี้เอิน ที่กำลังรออยู่
เขาไม่ให้หลิวยี้เอินปรากฏตัวพร้อมกัน เพราะเยว่ตงหมิงอาจเล็งความโกรธมาที่เธอ แม้ว่าเธอจะมาจากตระกูลระดับสูง แต่มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลผู้พิทักษ์
พวกเขาตกลงที่จะเดินทางไปต่อด้วยกัน แต่ในตอนที่เขากำลังจะไป เขาก็พบคนดักรออยู่ก่อน
หนึ่งในนั้นเป็นเป่ยลั่วที่เคยร่วมมือกันที่โอเอซิส
“ขอโทษที่รบกวนทั้งสองคน ผมจิงมู่หยาน ผมเป็นเพื่อนของเป่ยลั่ว เขาบอกเหตุการณ์ที่โอเอซิสว่าพวกคุณได้ช่วยเหลือเขาไว้อย่างมาก ผมขอบคุณทั้งสองจริงๆ”จิงมู่หยานกล่าวอย่างสุภาพ
“เราแค่รวมมือกันต่อสู้ ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกัน”หลิวยี้เอินพูด
จิงมู่หยานยิ้มก่อนจะกล่าว”ฮ่าๆ อย่างนั้นถือว่าพวกเรามีมิตรภาพร่วมกัน ถ้าในอนาคตคุณทั้งสองเกิดปัญหาสามารถติดต่อผมได้ที่ตระกูลจิง แห่งเมืองโจวจิง”
จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินพยักหน้ารับ
จิงมูงหยางกล่าวลาและพาคนของเขาเดินจากไป ไม่หันกลับมามอง
รอพวกเขาผ่านไป จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินก็มองหน้ากัน พวกเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูด
จิวโมไป๋สังเกตเห็นมาก่อน ว่าเป่ยลั่วไม่ได้เป็นเพื่อนกับจิงมู่หยาง ต่ำแหน่งของเขาดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้มากกว่า
พวกเขาทั้งสองพากันเดินแยกไปอีกทาง
“นายน้อย ให้พวกเราจัดการพวกเขาเลยดีไหม ถ้าพวกเราร่วมเดินทางไปกับพวกเขา พวกเขาไม่น่าจะไหวตัวทัน”เป่ยลั่วกระซิบเสียงเบา แววตาของเขาฉายแววชั่วร้าย
“ปล่อยไปก่อน ให้เขารวบรวมคะแนนได้มากกว่านี้ก่อน พวกเราค่อยไปชิงมันมาให้หมด”จิงมู่หยานยิ้มเยือกเย็น
“นายน้อย ฝีมือของชายคนนั้นไม่ธรรมดา และจากที่เป่ยลั่วบอก ผู้หญิงก็แข็งแกร่งไม่ต่างกัน แค่พวกเรา ผมไม่คิดว่าจะจัดการพวกเขาได้”ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นเสียงของเขาแผ่วเบาไม่แน่ใจ
“เฮ้อ นายเป็นคนใหม่เลยยังไม่รู้อะไร ฉันจะให้อภัยในครั้งนี้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าฉันจะไม่ปล่อยไปแน่”นัยน์ตาของจิงมู่หยานฉายแววโหดเหี้ยม
ชายคนนั้นสั่นระริกด้วยความกลัว
“เป่ยลั่วไปบอกสิว่าต้องทำยังไง”
เป่ยลั่วยิ้มชั่วร้าย มือล้วงไปในเสื้อคลุมและหยิบเศษไม้บางอย่างออกมา มันยังสดอยู่เห็นได้ชัดว่าถูกหยิบมาไม่นาน ก่อนจะกล่าว
“นายน้อยไปผูกมิตรไว้แล้ว เมื่อใกล้จะถึงสำนักงาน พวกเราก็แค่เข้าไปรวมกลุ่มและเดินทางไปด้วยกัน จากนั้นก็ใส่เจ้านี่ลงไปทุกอย่างก็เรียบร้อย”
พวกเขาพูดคุยกันอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง โดยไม่รู้เลยว่าพวกเขาถูกจิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบและได้ยินแผนการทั้งหมดแล้ว
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย อยู่ๆมีคนจะเอาคะแนนมาให้ เขาจะไม่ให้ดีใจได้ยังไง
“มีอะไรเหรอ?”หลิวยี้เอินถามด้วยความสงสัย เมื่อเธอเห็นจิวโมไป๋ยิ้มอย่างไร้เหตุผล
“ไม่มีอะไร”จิวโมไป๋ยิ้มไม่ตอบ
จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินเดินไปถึงถ้ำแห่งหนึ่งใกล้แม้น้ำ หลิวยี้เอิน ใช้กระบี่ตัดต้นไม้ใหญ่ทำเป็นถังน้ำ เขามองง่านฝีมือของเธอ แววตาของเขาก็ฉายแววชื่นชม เขาลงมือช่วยฝีมือของเขาเหนือกว่าหลิวยี้เอินมาก มันไม่แปลกเพราะเขาเป็นปรมาจารย์งานฝีมือพวกนี้เขาทำมานับไม่ถ้วน
หลังจากนั้นหลิวยี้เอินก็ยกน้ำเข้าถ้ำเพื่อเช็ดตัว
จิวโมไป๋ออกไปข้างนอก อย่างมีมารยาท
จิวโมไป๋เดินไปที่มีต้นไม้หนาแน่น ไม่มีใครมองเห็น จากนั้นไม่นาน เสี่ยวหงก็โผล่ออกมา มันวางต้นเจี๋ยวหูหลานม่วงที่พื้นก่อนจะพุ่งมาพันร่างของจิวโมไป๋
“เด็กดีๆ”จิวโมไป๋ลูบมันอย่างอ่อนโยน
เสี่ยวหงออดอ้อนจิวโมไป๋อยู่นาน มันก็พันรอบร่างของจิวโมไป๋ซ่อนในผ้าคลุม
จิวโมไป๋ตรวจสอบเจี๋ยวหูหลานม่วง เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหายหรือบอบช้ำ เขาก็ใช้ข่ายอาคมหยุดการทำงานก่อนจะเก็บลงในแหวนมิติเก็บของ
เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็กลับไปที่ถ้ำหลิวยี้เอินเช็ดตัวเสร็จแล้ว จิวโมไป๋ก็เช็ดตัวบ้าง
เช้าวันต่อมา จิวโมไป๋แกล้งพาหลิวยี้เอินไปเจอแปลงสมุนไพรสองแห่ง ที่เขาเลือกไว้ เขาแบ่งกับเธอคนละครึ่ง พวกเขาใช้เวลา 2 วัน พวกเขาก็มาที่ชายขอบเขต 2
พวกเขาหาที่พักก่อนวันรุ่งขึ้นคอยเดินไปเขต 3 ในวันรุ่งขึ้น
ท้องฟ้าค่อยๆมืด
เส้นแบ่งเขต 2 และเขต 3 ทั้ง 4 ทิศ แต่ละทิศมีคนในชุดคลุมที่เหมือนผู้ทดสอบ 30 คนเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว กำไลข้อมือของพวกเขาใช้งานได้ ไม่ได้หยุดทำงานเหมือนผู้ทดสอบ พวกเขากำลังดูโฮโลแกรมที่กำลังฉายภาพของผู้ทดสอบ เหมือนในห้องผู้ตรวจสอบไม่มีผิด และที่แตกต่างคือมีแผนที่ขนาดใหญ่ของเขตเพาะพันธุิ์ บนแผนที่มีจุดสีแดงนับพัน และมีจุดสีเขียวที่สว่าง 40 ดวง
“มีเวลาเพียง 1 วัน พาตัวเป้าหมายทั้งหมดกลับมาให้ได้ พยายามซ่อนตัวให้ดี แม้กล้องวงจรติดจะไม่สามารถจับภาพพวกเรา แต่ยังมี Nuwa บนท้องฟ้าที่สามารถจับภาพพวกเราได้ และอย่าลืมถอดอุปกรณ์ติดตามตัวของเป้าหมายออกให้หมด อย่าให้ใครตามตัวมาได้”ชายร่างสูงกล่าวเสียงแหบแห้งของคนอายุมาก
“ครับ”คนในชุดคลุมทุกคนขานรับก่อนจะแยกกันไป
เช้าวันต่อมา จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินเตรียมตัวจัดสมุนไพรที่เก็บให้เรียบร้อย และเดินไปเขต 3
บรรยากาศเขตที่ 3 ไม่ได้มีกฎแห่งธาตุหนาแน่นเท่ากับเขต 2 แต่พลังธรรมชาติมากกว่าเกือบเท่าตัว
เดินออกมาไม่เท่าไหร่พวกเขาก็พบฝูงควายป่าร้อยกว่าตัววิ่งผ่านไป แผ่นดินใต้เท้าสั่นไหว กับการวิ่งอันทรงพลังของพวกมัน
จิวโมไป๋บอกให้หลิวยี้เอินผ่านไปอีกด้าน แม้ควายป่าจะไม่กระหายเลือด แต่พวกมันมีมากกว่าร้อยตัว ถ้าบ้าขึ้นมาก็ไม่มีใครห้ามได้
เขต 3 แม้จะเป็นพื้นที่โล่ง แต่ก็มีหนาผาและภูเขาสูงมากมาย แบ่งเป็นอาณาเขตของสัตว์นานาชนิด
จิวโมไป๋ไม่อยากอ้อม เขาเลือกที่จะปีนขึ้นไป หลิวยี้เอินก็ไม่ปฏิเสธ เธอพร้อมลุยอยู่แล้ว จิวโมไป๋เลือกหนาผาที่เชื่อมต่อไปไกล ไม่ต้องปีนขึ้นปีนลงหลายครั้ง
พวกเขาปีนขึ้นไปทันที
ทักษะการปีนเขาของหลิวยี้เอินก็ไม่ธรรมดา การเคลื่อนไหวของเธอเพียงไม่กี่ครั้งก็ไปได้หลายเมตร
หลิวยี้เอินสามารถไต่ขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ปีนตามไปติดๆ ไม่นานก็ถึงยอด พวกเขาเดินไปตามขอบหน้าผาไปเรื่อยๆ
—-
คอมเม้นต์