ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 273
หลังจากจัดการกลุ่มของจิงมู่หยาน พวกเขาก็ไปพักที่ถ้ำเล็กๆไม่ไกลนัก จนถึงเช้าพวกเขาก็ทำธุระช่วงเช้าจนเสร็จ ก็เดินทางกันต่อ
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาทั้งสามก็มาหยุดที่เนินหน้าผา พวกเขามองออกไปเห็นหน้าผาฝั่งตรงข้าม เป็นหน้าผาที่แปลกผิดปกติ มันมีลักษณะเป็นแท่นกลมสูงขึ้นไป 100 เมตร ผนังรอบหน้าผาราบเรียบไม่มีที่ให้ยึดเกาะ ด้านบนเป็นสำนักงานหน่วยลับ มันถูกสร้างซ่อนอยู่ในภูเขาลูกย่อมๆ ทำให้กลืนไปกับสภาพแวดล้อม ถ้าไม่เห็นประตูเหล็กที่เป็นทางเข้าตั้งอยู่ ก็คงไม่รู้ว่ามีอาคารสร้างอยู่ที่นี่
“ในที่สุดพวกเราก็จะถึงแล้ว”หลี่ฟูจิวพูดด้วยความตื่นเต้น ประสบการณ์เกือบ 7 วัน เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาทั้งชีวิต และเขาก็ไม่อยากที่จะได้สัมผัสอีก เขาอยากจะรีบๆผ่านการทดสอบให้จบเร็วๆ เพื่อที่จะได้กลับไปผักผ่อน ร่างกายของเขาอ่อนล้าไปหมดแล้ว
จิวโมไป๋ หลิวยี้เอินไม่พูดอะไร หลิวยี้เอินกวาดตามองไปรอบๆด้วยสีหน้าครุ่นคิด จิวโมไป๋ก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ ระหว่างหน้าผาที่เขาอยู่ไปถึงหน้าผาเป็นทางโล่งระยะ 500 เมตรไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ไม่มีพื้นที่ซ่อนตัว ดังนั้นสถานที่เหมาะที่จะซ่อนตัวก็คือบริเวณโดยรอบและด้านล่าง ที่มีหน้าผาหลายแห่งถูกแบ่งเป็นรอยแยก และมีพื้นที่เป็นเนินสูงต่ำสลับซับซ้อน มีก้อนหินขนาดใหญ่วางขวางเป็นมุมอับ ทำให้ยากที่จะค้นหา
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสแผ่กระจายออกในระยะ 5 ตารางกิโลเมตร ก็พบว่ามีคนซ่อนตัวอยู่หลายคน พวกเขาร่วมกลุ่มกันและกระจายอยู่พื้นที่โดยรอบ บริเวณที่เขาอยู่มีอยู่หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีคนน้อยที่สุด 3 คน มากสุด 10 คน
จิวโมไป๋แตะแขนหลิวยี้เอินเบาๆ
“ตรงนั้นและตรงนั้น คนสามารถซ่อนตัวได้ ถ้ามีคนซ่อนอยู่ พวกเราจะลำบาก เดินลงไปทางเส้นนั้นน่าจะผ่านไปได้”จิวโมไป๋ชี้มือไปยังช่องแคบลงไปด้านล่างที่อยู่มุมอับ พื้นลงลำบากเล็กน้อย
หลิวยี้เอินมองตามและพยักหน้าเห็นด้วย เธอและจิวโมไป๋เดินทางด้วยกันมาหลายวัน พวกเขาไม่พบอันตรายเลย ทำให้เธอมั่นใจในการเลือกเส้นทางของจิวโมไป๋มาก แต่ถึงจะผิด เธอก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของพวกเขาที่จะผ่านไปได้
สำหรับหลี่ฟูจิว เขาเป็นผู้เข้าทดสอบหน่วยวิจัย ไม่มีใครทำอะไรเขาแน่ เพราะผู้ที่สามารถเข้าทดสอบหน่วยวิจัยได้ จะต้องเป็นผู้มีศักยภาพสูงและเป็นอัจฉริยะที่หายาก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ผ่านการทดสอบ พวกเขาก็ยังสามารถพัฒนาได้ด้วยตัวเอง
โดยเฉพาะนักปรุงยา พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีใครอยากผิดใจด้วย เพราะนักปรุงยาอัจฉริยะนั้นหายาก ในอนาคตพวกเขาอาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการกรุงยา ถ้าผิดใจกับอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายไม่ปรุงยาให้ พวกเขาจะต้องเสียใจจนตายแน่
นี่เป็นอีกเหตุผลที่หน่วยวิจัยและหน่วยนักรบ ทดสอบพร้อมกัน เพราะว่าพวกเขาต้องการให้ ผู้เข้าทดสอบทั้งสองหน่วยทำความรู้จักกันในระหว่างทดสอบ
เมื่อเข้าหน่วยลับแล้วทั้งสองหน่วยจะแยกกันทันที ถ้าไม่ทำความรู้จักเอาไว้ก่อน ก็ยากที่จะพบกันอีก การทำความรู้จักกันในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสหายาก ถ้าสำเร็จเมื่อเข้าหน่วยลับโอกาสที่จะได้รับอะไรดีๆก็มากขึ้น
แต่ถึงแม้ว่าคนที่ทำความรู้จัก จะไม่ได้เข้าหน่วยลับ พวกเขาก็สามารถพูดคุยกันข้างนอกได้ คนที่มีสิทธิ์เข้าทอสอบหน่วยลับ ไม่ได้เป็นคนธรรมดา พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่หายาก
นี่ก็เป็นกกฎลับอีกอย่างที่ทำขึ้น แต่ก็ไม่มีใครพูดถึง
ทำให้นอกจากจะไม่มีใครทำอะไรผู้เข้าทดสอบหน่วยหน่วยวิจัยแล้ว พวกเขายังอยากเข้าใกล้ด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋และหลิวยี้เอิน เดินไปช่องแคบและค่อยๆไต่ลงอย่างช้าๆระมัดระวัง หลี่ฟูจิวเดินตามไม่ห่าง
พวกเขาทั้งสามใช้เวลาไม่นานก็ลงมาได้สำเร็จ ก่อนที่จะพากันเดินอย่างช้าๆ สายตาสอดส่องไปรอบๆ
หลี่ฟูจิวก็เงียบไม่พูดอะไร
พวกเขาเดินผ่านมาจนเกือบจะออกจากเขตหน้าผาไปถึงพื้นที่โล่ง ถ้าผ่านไปได้โอกาสที่จะถูกโจมตีก็จะน้อยลง ไม่มีใครอยากไล่ตามไปต่อสู้ที่โล่งกว้าง เพราะถ้าพวกเขาไล่ตามมันจะเรียกความสนใจจากคนกลุ่มอื่น แม้จะชนะได้รับคะแนนมา กลุ่มอื่นอาจจะเข้ามาขย้ำจากด้านหลังชิงคะแนนที่ได้มาไป
กลุ่มคนที่ซ่อนอยู่จึงจะโจมตี เฉพาะคนที่โชคร้ายหลงมาที่เส้นทางของพวกเขาเท่านั้น
ช่องทางเดินระหว่างหน้าผาแคบลงเรื่อยๆ ทำให้ต้องเดินเรียงหนึ่ง จิวโมไป๋เดินนำหน้า หลิวยี้เอินอยู่ด้านหลัง หลี่ฟูจิวเดินตรงกลาง
เกือบจะถึงพื้นที่โล่ง ทางเดินก็แคบลงจนมีพื้นที่แค่ 2 คนตัวใหญ่เดินเบียดกัน จิวโมไป๋ก็หันมามองสบตากับหลิวยี้เอินที่อยู่ด้านหลัง และหยักหน้าเบาๆจนแทบสังเกตไม่เห็น
ในเวลาเดียวกันก็มีเงา 2 ร่างกระโดดลงมาขวางหน้า และหลังจากนั้นก็มีคนอีก 2 คน กระโดดมาดักด้านหลัง พวกเขาทั้ง 4 ยืนปิดทางเข้าและออก
“ส่งเข็มทิศทั้งหมดมา!”ชายร่างสูงตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงสูงเล็กน้อย เขาพยายามดัดเสียง ไม่ให้รู้ตัวตน
ในชั่วเวลาเพียงกระพริบตาเดียว จิวโมไป๋และหลิวยี้เอินก็ขยับโดยที่ไม่ต้องบอกอะไรกัน
หลิวยี้เอินแทงกระบี่โจมตีคนที่ขวางด้านหลัง
จิวโมไป๋พุ่งตัวไปข้างหน้าทันที พลองเหล็กเหวี่ยงขึ้นสูงก่อนจะฟาดลงมาอย่างรุนแรง ในพื้นที่แคบยากที่จะขยับตัวหลบ มีทางเดียวคือตั้งรับการโจมตีเท่านั้น
ผู้เข้าทดสอบทั้งสองคนด้านหน้าตกตะลึง พวกเขารีบยกอาวุธขึ้นมา แต่ก็ทุลักทุเล เพราะพวกเขาทั้งสองยืนเบียดกันอยู่ เดิมทีพวกเขาจะขวางทางเพื่อปิดทางหนี และข่มขู่ให้กลัว แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโจมตีโดยไม่พูดไม่จาอะไรเลย
เปรี้ยง! พลองเหล็กฟาดใส่ดาบเหล็กของทั้งสองเล่มที่ยกขึ้นมาป้องกันกระเด็นหลุดจากมือ มือที่กุมด้ามดาบปวดร้าวราวกับจะแตกหัก
ยังไม่ทันทีทั้งสองจะได้อ้าปากกรีดร้อง ในชั่วอึดใจต่อมา เท้าของจิวโมไป๋ก็ถีบเท้าออกสองครั้งซ้อน กระแทกเข้าที่กลางลำตัวของทั้งสองอย่างหนักหน่วง ส่งร่างของทั้งสองกระเด็นไปตามช่องแคบก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างแรงและหมดสติไปในทันที
ในเวลานั้นเองรอบร่างของทั้งสอง ก็มีพลังงานสั่นสะเทือนรอบร่างกายและมีเสียงสัญญาณเตือนดังเบาๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองถูกตัดออกจากการทดสอบ
“อ๊ากก!”เสียงกรีดร้องดังขึ้นที่ด้านหลัง จิวโมไป๋หันไปมอง ก็เห็นหลิวยี้เอินจัดการทั้งสองคนที่ดักด้านหลัง ล้มนอนโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
จิวโมไป๋หันกลับมาและไปค้นตัวของทั้งสองคนตรงหน้า และได้เข็มทิศมา 15 อัน
ทางด้านหลิวยี้เอินเธอได้เข็มทิศมา 11 อัน
พวกเขาแบ่งกันคนละครึ่ง โดยไม่ต้องคิดอะไร
“จะไปเลยหรือรอที่นี่ก่อน? ถ้ารออาจได้คะแนนเพิ่ม”หลิวยี้เอินถาม
จิวโมไป๋คิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
“พวกเราได้คะแนนมาเยอะพอแล้ว อย่าเสียรอเวลาอีกเลย ถ้ารออาจโชคร้ายพบกลุ่มคนที่ร่วมมือกันหลายคน เราอาจถูกกำจัดได้”
หลิวยี้เอินพยักหน้าเห็นด้วย
หลี่ฟูจิวเดินตามเงียบๆมองจิวโมไป๋และหลิวยี้เอินด้วยความชื่นชมในความแข็งแกร่งของทั้งสอง
พวกเขาเดินออกจากช่องแคบก็เห็นพื้นที่โล่งไปจนถึงหน้าผา จิวโมไป๋ก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ เห็นคนที่กระจายซ่อนตัว
จิวโมไป๋ก็เดินผ่านพื้นที่โล่งไปทันที จิตสัมผัสยังคงเฝ้าดูคนที่ซ่อนอยู่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกเมื่อ
เดินไปครึ่งทาง ก็ไม่มีใครตามมาเขาก็ผ่อนคลายเล็กน้อย แววตาแฝงความเสียดายเล็กน้อย
คนพวกนี้ฉลาดเกินไป
แต่ก็สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี พวกเขาไม่เสี่ยงอันตราย ต่อสู้ เพื่อคะแนนที่ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไหร่ และคงจะเห็นหลี่ฟูจิว ที่เป็นผู้ทดสอบหน่วยวิจัย พวกเขาจึงตัดสินใจไม่ลงมือ
พวกเขาทั้งสามเดินมาถึงหน้าผาสูงตั้งฉากกับพื้นโลก ผนังหน้าผาเรียบสนิท ไม่มีพื้นที่ให้ยืดเกาะแม้แต่น้อย
หลี่ฟูจิวเดินมาลูบด้วยความสงสัย เขามองซ้ายมองขวาก็ไม่พบเส้นทางปีนให้ขึ้นไปได้เลย เขาหันกลับมาถาม
“พวกเราต้องเดินไปทางอื่น เพื่อหาทางขึ้นไปหรือเปล่า?”
“ผนังหน้าผาเป็นแบบนี้ทั้งหมด จะขึ้นไปต้องปีนขึ้นไปอย่างเดียวเท่านั้น”หลิวยี้เอินตอบ
“แล้วเราจะปีนขึ้นไปยังไง?”หลี่ฟูจิวถาม เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดหน้าผา เขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย หน้าผาสูง 100 เมตร ไม่มีพื้นที่ให้ยึดเกาะ เขาไม่มีทางปีนขึ้นไปได้แน่
เขาส่องสายตาไปรอบๆเพื่อหาอะไรช่วย จนกระทั้งสายตาของเขามาหยุดที่อาวุธในมือของจิวโมไป๋
จิวโมไป๋รู้ว่าหลี่ฟูจิวกำลังคิดอะไร เขาไม่พูดอะไร เดินไปที่หน้าผนังหน้าผา ก่อนจะฟาดพลองเหล็กใส่หน้าผาอย่างรุนแรง
โครม! เสียงปะทะกันดังสนั่น หลี่ฟูจิวเดินมาดูก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะผนังหน้าผาไม่มีแม้แต่รอยบุบเล็กๆ
คอมเม้นต์