ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 275
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านภูเขา ลมหายใจของหลี่ฟูจิวค่อยๆสงบลง เขาลืมตาและพยุงตัวขึ้น ความรู้สึกปวดแสบเกิดขึ้นตรงนิ้วมือทั้งสองข้าง ใบหน้าของเขาเหยเกด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเหลือบตามอง เห็นนิ้วมือห่อเลือดม่วงแดง นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองมีมีเลือดไหลออกมา
จิวโมไป๋เห็นท่าทางของหลี่ฟูจิวไม่ดีนัก เขาจึงช่วยพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหยิบสมุนไพรห้ามเลือดที่เขาเก็บได้ในระหว่างทาง เขาใช้นิ้วบีบสมุนไพรจนละแหลกเอียดกลายเป็นน้ำสมุนไพร และป้ายที่นิ้วและมือของหลี่ฟูจิวทั้งสองข้าง
หลี่ฟูจิวสูดลมหายใจข่มความเจ็บปวด ไม่นานเลือดที่นิ้วก็หยุดไหล เขากล่าวขอบคุณจิวโมไป๋
หลิวยี้เอินหยิบกระติกใส่น้ำขนาดเล็กที่สร้างจากไม้ออกมาให้หลี่ฟูจิวและจิวโมไป๋ดื่ม
พวกเขาพักกันครู่หนึ่ง ร่างกายของหลี่ฟูจิวก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย พวกเขาก็ลุกขึ้นและเดินกันต่อ เดินไม่นาน พวกเขาก็เห็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ฝังอยู่ในภูเขา บอกตำแหน่งทางเข้าสำนักงานอย่างชัดเจน
หน้าประตูเหล็กมีบ้านไม้ที่สร้างง่ายๆหนึ่งหลังตั้งอยู่ ด้านหน้ามีคนในชุดคลุมสีดำ 3 คน กำลังนั่งรออยู่ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ด้านหน้าบ้านไม้มีแท่นหินเรียบขนาดใหญ่ตั้งอยู่
เมื่อพวกเขาเดินไปถึง ผู้ตรวจสอบคนหนึ่งก็กล่าวอย่างเย็นชา
“วางเข็มทิศและสิ่งของที่ได้มาในระหว่างการทดสอบที่แท่นตรวจสอบ แล้วไปตรวจสอบร่างกายด้านในบ้าน”ผู้ตรวจสอบให้วางของที่แท่นหินเรียบและชี้ไปที่บ้านไม้ด้านหลัง
จิวโมไป๋เดินไปเป็นคนแรก เขาหยิบทุกอย่างออกมา เข็มทิศจำนวนมากกองบนแท่นหิน ผู้ตรวจสอบเห็นดังนั้นก็ตกตะลึง
ปกติแล้วผู้แข็งแกร่งจริงๆจะดักรอเพื่อล่าเข็มทิศ พวกเขาจะไม่รีบจบการทดสอบ
ทุกเข็มทิศมีค่าเป็นคะแนนเครดิต แต่ละเครดิตมีค่า สามารถแลกสิ่งของที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังได้ ไม่มีใครอยากเสียโอกาสในการได้รับคะแนนเครดิตไป โดยเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ คนที่มาก่อนส่วนใหญ่จะเป็นคนอ่อนแอ ที่ไม่สามารถต่อสู้แย่งชิงเข็มทิศได้
ไม่แปลกที่พวกเขาจะตกใจที่ จิวโมไป๋มีเข็มทิศมากมายขนาดนี้
ดวงตาในผ้าคลุมเต็มไปด้วยความโลภ พวกเขาได้แต่อิจฉาในใจ ไม่สามารถทำอะไรได้
จิวโมไป๋วางของจนหมด ในตอนนี้เอง เสี่ยวหงที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมก็โผล่ออกจากเสื้อคลุมทางช่องแขน
ทุกคนที่เห็นก็ตกใจกับรัศมีพลังอันดุร้ายจากร่างของมัน
“งูโลหิตเดือดพล่าน!”ผู้ตรวจสอบที่เห็นก็จำสัตว์อันตรายตัวนี้ได้ทันที พวกเขารีบถอยไปด้านหลังด้วยความกลัว
แม้พวกเขาจะสามารถจัดการงูโลหิตเดือดพล่านได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถมั่นใจว่าจะไม่ถูกพิษ แม้จะไม่เสียชีวิตทันที พวกเขาก็ไม่อยากลิ้มรศความเจ็บปวดจากพิษโลหิตเดือดพล่านที่ล้ำลือ
หลี่ฟูจิวเป็นนักปรุงยา เขาเคยอ่านข้อมูลเกี่ยวกับงูโลหิตเดือดพล่านมาเล็กน้อย เขารู้ถึงความน่ากลัวของมัน เขาถอยไปไกลกลายสิบเมตรไม่กล้าเข้าใกล้
ทุกคนจ่างถอยห่างไม่กล้าเข้าใกล้ ยกเว้นหลิวยี้เอินที่ดวงตาสองข้างเป็นประกายแวววาว
“จิวโมไป๋ ขอฉันจับตัวมันได้ไหม”หลิวยี้เอินกระโดดเข้ามาประชิดตัวจิวโมไป๋จนแทบจะสัมผัสกัน ดวงตางดงามมองเสี่ยวหงไม่ละสายตา
จิวโมไป๋เห็นดวงตาเป็นประกาย เขาก็ไม่ปฏิเสธพยักหน้า
หลิวยี้เอินยื่นมือออกมาด้วยความตื่นเต้น มือเรียวงามสั่นเบาๆ ไม่ได้เพราะความกลัว แต่เพราะว่าเธอพยายามห้ามตัวเอง ไม่ให้ยื่นมือไปเร็วเกินไป เธอกลัวว่าจำทำให้เสี่ยวหงตกใจ
เสี่ยวหงเป็นสัตว์สายพันธุ์งู มันมีประสาทสัมผัสทั้ง 5 เฉียบคม มันสัมผัสได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่มีอันตรายต่อมัน มันจึงยอมให้จับ
หลิวยี้เอินลูบไล้ไปตามเกล็ดของเสี่ยวหงอย่างแผ่วเบา เสี่ยวหงขยับตัวเล็กน้อยตามการสัมผัส มันชอบความรู้สึกที่ถูกหลิวยี้เอินจับ เพราะหลิวยี้เอินเป็นผู้ใช้กฎแห่งธาตุน้ำ
ร่างการของงูโลหิตเดือดพล่าน มีความร้อนสูงมาก ทำให้มันแทบจะไม่สามารถรู้สึกถึงความรู้สึกอื่นเลย ความรู้ลึกเย็นสะบายอ่อนโยน ทำให้มันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มันเลื้อยออกจากเสื้อคลุมของจิวโมไป๋และไปพันรอบร่างของหลิวยี้เอิน มันทิ้งจิวโมไป๋อย่างไม่ใยดี
หลิวยี้เอินไม่มีท่าทางตกใจหรือเกรงกลัว เธอหัวเราะเบาๆวางมือบนหัวของเสี่ยวหง มันก็ขยับหัวกับฝ่ามืออย่างยืนดี
จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบา ก่อนจะมองไปยังผู้ตรวจสอบ
“ผมเอาของออกมาหมดแล้ว”
ผู้ตรวจสอบที่ใจกล้าทำเป็นไม่สนใจเสี่ยวหง เดินมาหน้าแท่นทดสอบแล้ว กดลงไปที่ด้านข้างของแท่นหิน ก่อนจะมีแสงสว่างลากผ่านสิ่งของทั้งหมดด้านบน
ภาพโฮโลแกรมสี่เหลี่ยมก็ปรากฎขึ้นเหนือแท่นตรวจสอบ
เข็มทิศ 103 อัน…
สมุนไพร…
รายชื่อสิ่งของปรากฎเรียงลำดับ ก่อนที่จะหยุดลง
ผู้ตรวจสอบพยักหน้า ก่อนจะหยิบถุงใส่ของสีดำออกมาสองชิ้นและยื่นให้จิวโมไป๋
“หนึ่งถุงใส่เข็มทิศ วันจบการทดสอบ เข็มทิศจะเปลี่ยนเป็นคะแนนเครดิต สามารถนำไปแลกอาวุธ โอสถ หรือเช่าห้องบ่มเพาะพลังเพื่อฝึกฝนได้ อีกหนึ่งถุงใส่ของที่นายเก็บมาในระหว่างทดสอบ ของทั้งหมดจะเป็นของนาย สามารถนำกลับไปได้ สำหรับ…”ผู้ตรวจสอบเหลือบตามองเสี่ยวหงก่อนจะพูด”งูโลหิตเดือดพล่านจะต้องลงทะเบียนสัตว์พิทักษ์ก่อน นายถึงจะสามารถพามันออกไปได้ วันจบการทดสอบนายสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อลงทะเบียนสัตว์พิทักษ์”
จิวโมไป๋พยักหน้า ก่อนจะเก็บทุกอย่างบนแท่นทดสอบลงถุงทั้งสอง
ผู้ตรวจสอบชายอีกคนเดินมาและพาจิวโมไป๋ไปที่บ้านไม้ด้านหลัง มีเครื่องสแกนร่างกายตั้งอยู่ ไม่ต้องทำอะไรมากแค่เดินผ่านร่างกายของเขาก็ถูกตรวจสอบ เมื่อไม่พออะไรผิดปกติ ผู้ตรวจสอบชายก็พยักหน้า
“ยินดีด้วย นายผ่านการทดสอบแล้ว ตอนนี้นายเข้าไปรอที่ห้องพัก เพื่อรอหมดเวลาทดสอบ เมื่อถึงเวลาจะมีสัญญาณเรียกรวมตัวเพื่อจัดอันดับและแนะนำเกี่ยวกับหน้าที่ของพวกเรา”ผู้ตรวจสอบชายก็บอกให้จิวโมไป่เดินเข้าไปที่ประตูด้านหลัง
จิวโมไป๋ยังไม่เข้าไปเขาหันไปพูดกับผู้ตรวจสอบ
“ผมขอรอเพื่อนก่อนได้ไหม”
“ได้”ผู้ตรวจสอบชายพยักหน้า ก่อนที่เขาจะเดินออกไป
รอไม่นานหลิวยี้เอินก็เดินมาพร้อมกับผู้ตรวจสอบหญิง เสี่ยวหงยังคงพันร่างของหญิงสาวไม่ปล่อย อีกครู่หนึ่งหลี่ฟูจิวก็เดินมาพร้อมผู้ตรวจสอบชายอีกคน หลังจากหลี่ฟูจิวสแกนร่างกาย พวกเขาก็เข้าประตูด้านหลังบ้านไม้ มันเป็นลิฟต์เลื่อนลงไปด้านล่าง
จิวโมไป๋ไม่แปลกใจเพราะประตูเหล็กขนาดใหญ่เป็นประตูหลอก ทางเข้าหน่วยลับจริงๆคือตรงนี้
เมื่อลิฟต์ลงไปด้านล่างประตูก็เปิด มีทางเดินแคบๆแยกไป 2 ทาง หลี่ฟูจิวและผู้ตรวจสอบชายจะเดินไปอีกทาง จิวโมไป๋ หลิวยี้เอินและผู้ตรวจสอบหญิงเดินไปอีกทาง
ทั้งสองทาง เป็นทางแยกของหน่วยวิจัยและหน่วยนักรบ
ก่อนที่พวกเขาจะแยกกัน จิวโมไป๋ก็พูดกับผู้ตรวจสอบ
“ผมมีอะไรจะรายงานครับ”
จิวโมไป๋พูดถึงคนร้ายที่พยายามลักพาตัวหลี่ฟูจิว เขาแค่รายงานคร่าวๆ ไม่รายงานทั้งหมด
ผู้ตรวจสอบชายขมวดคิ้วท่าทางไม่เชื่อที่จิวโมไป๋พูด หลี่ฟูจิวและหลิวยี้เอินยืนยันว่าจิวโมไป๋พูดความจริง
ผู้ตรวจสอบชายมองไปยังผู้ตรวจสอบหญิง ทั้งสองพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับมา
“ฉันรับการงานของนายแล้ว ฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ไปตรวจสอบ”
พูดจบเขาก็พาหลี่ฟูจิวเดินจากไปยังทางเดินหน่วยวิจัย
เห็นท่าทางไม่ใส่ใจของผู้ตรวจสอบชาย จิวโมไป๋ก็ยักไหล่ ผู้ตรวจสอบหญิงไม่พูดอะไร เธอพาจิวโมไป๋และหลิวยี้เอินเดินไปอีกด้าน มีประตูเลื่อนขวางอีกครั้ง เมื่อประตูเลื่อนเปิดออก มันก็เป็นโถงทางเดินที่สองด้านมีห้องพักนับไม่ถ้วนเรียงเป็นแถวยาวไปสุดสายตา
ผู้ตรวจสอบหญิงพาพวกเขาเดินผ่านห้องพักไป เกือบ 30 ห้อง ก่อนจะหยุดลง
“พวกเธอพักที่ 2 ห้องนี้ เลือกเองได้เลยว่าจะเข้าห้องไหน ระหว่างรอหมดการทดสอบจะไม่สามารถออกมาได้ ทุกช่วงเช้า กลางวัน และเย็น จะมีคนนำอาหารมาให้”ผู้ตรวจสอบหญิงผู้จบก็จากไปทันที
จิวโมไป๋หันมาบอกลาหลิวยี้เอิน และจะนำเสี่ยวหงไปด้วย แต่มันรัดหลิวยี้เอินแน่นไม่ยอมปล่อย
สุดท้ายจิวโมไป๋ก็ยอมให้มันอยู่กับหลิวยี้เอิน
เขาวางมือเครื่องสแกนด้านข้าง ประตูห้องก็เปิดออก เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้อง ไฟในห้องก็เปิด ประตูด้านหลังก็ปิดทันที
เขาทดลองใช้จิตสัมผัสก็ไม่สามารถมองผ่านกำแพงห้องได้ เขาก็ไม่แปลกใจ เพราะผนังทั้งหมดสร้างจากวัสดุพิเศษและฝังฉนวนไฟฟ้า ทำให้พลังวิญญาณไม่สามารถผ่านได้
ที่พวกเขาทำแบบนี้เพาะมีเคล็ดวิชาที่สามารถมองทะลุ หรือฟังเสียงระยะไกลได้ พวกเขาทำเพื่อปิดกันวิชาพวกนั้น จิวโมไป๋เดินเข้าห้องน้ำและอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ก่อนจะล้มตัวลงนอน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
จนถึงวันจบการทดสอบ กำไลข้อมือก็ส่งเสียงเรียก จิวโมไป๋ลุกอย่างช้าๆและเดินออกจากห้องพัก นอกห้องผู้ผ่านการทดสอบคนอื่นๆก็ทยอยออกจากห้องพัก เขารอครู่หนึ่งหลิวยี้เอินก็ออกมาพร้อมกับเสี่ยวหงที่พันอยู่รอบแขนของเธอ
ผู้ทดสอบที่เห็นเสี่ยวหงพวกเขาขยับหนีทันที
จิวโมไป๋เดินไปหาหลิวยี้เอิน และพากันเดินไปตามทาง จนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบโดยรอบพบว่ามีผู้ผ่านการทดสอบอยู่ 150 คน และเขาก็สังเกตเห็นคนคุ้นเคยหลายคน
หวังเสี่ยวเปา เหยาติงหลง เซียลี่เยว์ จูหวังเฉิน หลิวหวงเทียน พวกเขาแยกกันยืนคนละที่ เพราะใส่เสื้อคลุมทำให้ไม่รู้จักกัน
จิวโมไป๋เดินไปหาหวังเสี่ยวเปาและแตะไหล่ๆเบาๆ หวังเสี่ยวเปาหันมามองจิวโมไป๋ ไม่นานเขาก็จำได้ เขาตบไหล่จิวโมไป๋ด้วยความดีใจ
จิวโมไป๋ไม่พูดอะไร เขามองไปรอบๆ
“เฉินหูไม่ผ่านการทดสอบเหรอ?”จิวโมไป๋พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ แม้ระดับการบ่มเพาะพลังของเฉินหูจะน้อยกว่าผู้ทดสอบคนอื่นๆ แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปหลายขั้น และเฉินหูยังเป็นผู้ใช้กฎแห่งธาตุทองระดับกลางอันทรงพลัง
เฉินหูไม่น่าจะตกรอบได้
คิ้วของจิวโมไป๋ขมวดแน่น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ
—
คอมเม้นต์