ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 320
อีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านวัฒนธรรม อิวะ โซตะและหงหยุนและหงฟาง พวกเขากำลังติดตามหลังเทนงูที่บาดเจ็บ แต่ก็ได้คาดสายตาจากมัน เมื่อพวกเขาเข้ามายังเขตศาลเจ้าโบราณ
เสาโทริอิสีแดงเข้มขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าทางขึ้นศาลเจ้า บันไดหินกว้าง 12 เมตร พอที่จะให้คนนับสิบขึ้นไปพร้อมกันได้ บันไดหินและเสาโทริอิทอดเรียงรายทอดยาวขึ้นไปสุดสายตาจนไม่เห็นด้านบน รอบทางขึ้นมีต้นสนสูงนับไม่ถ้วนล้อมรอบอาณาเขตทั้งหมด มีทางเดียวที่จะผ่านขึ้นไปคือไปบันไดหิน
ท้องฟ้าไร้เมฆมีดวงจันทร์สีเหลืองกลมโตผิดปกติลอยอยู่กลางท้องฟ้า แสงที่ส่องลงมาอาบบริเวณศาลเจ้า ขับเน้นให้ศาลเจ้าดูศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยความสูงส่ง ขัดกับบรรยากาศเงียบงัน ไร้เสียงใดๆ ความวังเวงปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ความแปลกแยกแตกต่างทำให้ศาลเจ้าดูน่าสะพรึงกลัว
อิวะ โซตะและหงหยุนและหงฟาง หยุดอยู่หน้าศาลเจ้า อิวะ โซตะเงยหน้ามองดวงจันทร์กลมโตคิ้วก็ขมวดขึ้น สัญชาตญาณของเขาร้องบอกว่า ที่นี่มีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างรุนแรง
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหงหยุนและหงฟาง ที่กำลังกวาดตาสำรวจโดยรอบ พวกเขาก็พบความผิดปกติเช่นกัน พวกเขาทั้งสามมองกันเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร อิวะโซตะก็ตันสินใจเดินนำขึ้นไป หงหยุนและหงฟางเดินตามหลังไม่ห่าง
เมื่อพวกเขาได้เยียบก้าวแรกของบันไดหินความเย็นยะเยือกก็ลูบไล้ผ่านผิวกายของพวกเขา
เกาะ R อยู่พื้นที่เขตร้อน ทำให้ช่วงฤดูหนาวเกาะ R ไม่มีหิมะตก แม้ในช่วงฤดูหนาวอากาศจะยังคงหนาวเย็น แต่มันก็ไม่เย็นยะเยือกราวกับตกไปในถังน้ำแข็งแบบนี้!
ในชั่วพริบตานั้นเอง อิวะ โซตะก็ชกหมัดออกไปในทันทีโดยไม่ต้องคิด หงหยุนและหงฟางที่ยืนอยู่ด้านหลังตกตะลึง
เปรี้ยง! หมัดของอิวะ โซตะปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง
ก่อนที่จะมีเกล็ดน้ำแข็งสีขาวแตกกระจายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า เกล็ดน้ำแข็งที่แตกออกกระจายออกไปโดยรอบ บันไดและเสาโทริอิค่อยๆถูกความหนาวเย็นปกคลุมจนขาวโพลน พื้นที่โดยรอบกลายเป็นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก
คิ้วของอิวะ โซตะย่น เขาถอยร่นออกมา หงหยุนและหงฟางยืนอยู่หน้าสุดแทน
พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นร่างของเด็กสาวอายุประมาณ 10 ปี ผิวขาวซีดบอบบางราวน้ำแข็ง ผมสีดำมืดไร้ประกายยาวปิดบังใบหน้า เธอใส่เสื้อกิโมโนสีขาวลวดลายสีฟ้าคล้ายเกล็กหิมะ มันทำให้เธอเหมือนปีศาจหิมะ
พื้นด้านล่างค่อยๆถูกน้ำแข็งเคลือบ จนมาถึงเท้าของหงหยุนและหงฟาง ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ก่อนที่ร่างของพวกเขาเปร่งประกายสีขาวทองเจิดจ้า
หงหยุน ศิษย์พี่ใหญ่ฝาดฝ่ามือสีทองออกอย่างแผ่วเบา แต่คลื่นพลังปะทุออกอย่างดุดันทรงพลัง เงาฝ่ามือพุ่งขึ้นไปตามขั้นบันไดปกคลุมพื้นที่ด้านในของเสาโทริอิสีแดง ทำลายอาณาเขตน้ำแข็งจนแตกร้าวไปตามทาง
ปีศาจหิมะยืนอยู่กับที่ราวกับว่ากำลังหวาดกลัว เมื่อพลังฝ่ามือเข้ามาถึง ร่างของเธอก็ถูกพลังทำลายกลายเป็นเศษน้ำแข็ง
เศษน้ำแข็งที่ถูกทำลายหมุนวนราวกับมีชีวิต มันกลายเป็นพายุหิมะพุ่งลงมาจากขั้นบันได โถมเข้าโจมตี อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างน่ากลัว
แต่ในตอนนั้นเองหงฟางศิษย์คนน้องปรากฎตัวด้านหลัง เขาเดินก้าวเดิมข้ามผ่านการโจมตีเหมือนแหวกมิติ เขามองไม่เห็นร่างของปีศาจหิมะ แต่เขาก็ฝาดฝ่ามือออกไปนับสิบครั้ง คลื่นพลังล้อบรอบพื้นที่ทั้งหมด มันบีบอัดบดขยี้กลุ่มพายุหิมะตรงกลางให้แหลกละเอียด
เปรี๊ยะ! เสียงแตกหักดังขึ้นอย่างแปลกประหลาดกลุ่มพายุหิมะพัดออกไปโดยรอบร่างของปีศาจหิมะปรากฎขึ้นตรงกลาง ร่างของเธอมีรอยร้าวทั่วร่างไอหมอกสีขาวที่หนาวเย็นปะทุออกตามรอยแตก แต่ไม่นานรอยแตกก็ค่อยๆสมานกัน ปีศาจหิมะยืนมองไปยังหงฟางด้วยใบหน้าใบหน้าโร้ความรู้สึก ไม่สามารถอ่านความคิดได้ ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองหงหยุนที่อยู่ด้านล่าง
หงฟางที่อยู่ๆก็ถูกละเลย เขาเห็นช่องว่างที่ปีศาจหิมะเปิดเผยอย่างชัดเจน เขาไม่ลังเล เขาก้าวลงบันไดอย่างช้าๆ แต่ร่างของเขาหายวับไปราวกับก้าวพริบตา ร่างของเขาเข้าปะชิดร่างของปีศาจหิมะ ฝ่ามือสีทองกำลังยกขึ้นเพื่อโจมตี
แต่ในตอนนั้นเอง
วูบ เสียงบางอย่างแหวกอากาศก็ดังขึ้นจากด้านข้าง กว่าที่จะรู้ตัวหมัดอันทรงพลังก็ชกเข้าที่ใบหน้าด้านขวาอย่างรุนแรง!
เปรี้ยง! ร่างของหงฟางถูกโจมตีกระเด็นออกไป ลอยไปปะทะเข้ากับเสาโทริอิสีแดงที่อยู่ข้างๆจนเกิดเสียงดังสนั่น แต่เสาโทริอิยังคงตั้งตรง ไม่มีร่องรอยความเสียหายใดๆ
ร่างของหงฟางตกลงไปที่พื้นนอนพิงเสาโอริอิครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสะบัดหัวไล่ความมึนงงประคองร่างลุกขึ้น เลือดสีแดงไหลออกมาทางจมูก เขาบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เพราะถูกโจมตีที่ส่วนหัว ทำให้เขามีอาการมึนงงเล็กน้อย
หงหยุนเห็นศิษย์น้องถูกโจมตีเขาจะเข้าไปช่วย แต่ก่อนที่เขาจะขยับเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า พลังกดดันอันน่ากลัวโถมเข้ามาอย่างรุนแรง พร้อมกับหมัดขนาดใหญ่ชกเข้าที่ร่างของเขา
เปรี้ยง! เสียงปะทะดังสนั่น ร่างของหงหยุนกระเด็นลงจากบันไดลงไป มือสองข้างของเขาที่ยกขึ้นมาป้องกันแสบร้อน เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์แต่สูงใหญ่กว่า 3 เมตร ใบหน้าสีแดงเข้มดุร้ายปากมีเขี้ยวแหลมคม สวนหัวมีเขาแหลมสองข้าง กล้ามเนื้อขนาดใหญ่สีน้ำตาลหยาบกร้านอันแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลังกลิ่นอายดุร้ายแผ่ขยายออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกถูกสะกดข่ม
หงหยุนประหลาดใจกับสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
“เป็นพวกต้องคำสาปจริงๆ”อิวะ โซตะเดินมายืนข้างๆหงหยุนเขามอง โอนิ ยักษ์ร้ายตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดาบในมือกระชับแน่น
เขามองขึ้นไปก็เห็นโอนิอีกตัว ยืนอยู่ด้านหลังปีศาจหิมะ มันกำลังคุมเชิงกับหงฟางที่อยู่ด้านบน
—
กลับมาแล้วครับ^^ ขอโทษที่หายไปนานครับ ช่วงที่หายไปผมขอเวลาพักปรับสภาพการทำงานก่อนครับ ออกจากงานประจำแล้วเขียนแต่นิยายมันไม่ชิน(ขี้เกียจ) สิ่งเร้ามันเยอะครับแหะๆ
ช่วงที่หยุดเขียน ผมซื้อนิยายมาอ่านหลายเล่ม (ส่วนใหญ่นิยายรักจีนโบราณ) จนผมอยากจะแต่งนิยายเรื่องใหม่ แต่ต้องหยุดความคิดไว้ก่อนไม่ได้เริ่มเขียน ผมกลัวว่าถ้าเขียนนิยายเรื่องใหม่ มันจะทำให้นิยายเรื่องนี้ยิ่งช้าลงฮ่าๆ(กลัวเขียนเรื่องใหม่แล้วไม่สนุก)
ดังนั้นผมเลยตั้งเป้าหมายว่าจะเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบ ก่อนจะเริ่มเขียนเรื่องใหม่ครับ(ไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปแน่ๆครับ)
นิยายเรื่องนี้ ผมวางแผนเอาไว้ มันจะจบในอีก 3 ภาค จำนวนตอนที่เหลือน่าจะประมาณ 300-400 ตอน หรือก็คือผมเขียนนิยายเรื่องนี้มาครึ่งทางแล้วครับ
ถ้าผมเขียนนิยายลงอย่างน้อยวันละ 2 หรือ 3 ตอน เรื่องนี้ก็จะจบภายใน 1 ปีครับ(ถ้าไม่ขี้เกียจ หรือสมองตันเขียนไม่ได้ไปซะก่อน)
ดังนั้นผมขอให้ทุกคนติดตามนิยายเรื่องนี้ไปอีก 1 ปีนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดโดยไม่ทิ้งผมไปไหนนะครับ^^
วันนี้ลง 5 ตอน อ่านตอนต่อๆไปได้เลยครับ
คอมเม้นต์