ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 439 เก็บเพลิงผลาญธุลี
ไม่กี่นาทีหลังจากที่หยุนปิงจัดการฮิโรกิได้ ทหารและคนของหน่วยเงา ต่างก็เข้ามายังพื้นที่อย่างรวดเร็ว พวกเขาเข้าจับกุมคนของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้า เค้นหาสาเหตุการโจมตีสำนักดาบสายฟ้าคำรณ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังเพราะไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย พวกเขาได้รับคำตอบเพียงแค่ เหตุผลธรรมดา ไม่มีอะไรซับซ้อน
ที่พวกเขาโจมตีสำนักดาบสายฟ้าคำรณ ก็เพราะว่า พวกเขาต้องการเข้าครอบครองสิ่งของบางอย่างในโบราณสถานบนภูเขาขาด
คำตอบของพวกเขา ไม่มีใครเชื่อ รัฐบาลมีข้อมูลโบราณสถานของสำนักดาบสายฟ้าคำรณ พวกเขารู้ว่า สิ่งที่อยู่ในโบราณสถาน มีประโยชน์สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ตระหนักกฎแห่งธาตุสายฟ้า ผู้บ่มเพาะพลังที่ตระหนักกฎแห่งธาตุอื่นแทบจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆกับการเข้าไปในโบราณสถาน
ผู้บ่มเพาะพลังของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าต่างก็ตระหนักกฎแห่งไฟ พวกเขาจะเอาสำนักของตัวเองมาเดิมพัน เพื่อที่จะเอาสิ่งที่ไร้ประโยชน์มาทำไม
ทำให้ไม่มีใครเชื่อ พวกเขาจึงเร่งการตรวจสอบหาสาเหตุหรือแรงจูงใจอื่นๆ การสืบสวนกินเวลายาวนาน แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ การบุกโจมตีเป็นการตัดสินใจของชนชั้นสูงของสำนัก แต่พวกเขาต่างก็ปิดปากเงียบ ไม่ว่าจะเค้นถามยังไงก็ไม่ตอบ
พวกเขาไม่สามารถใช้วิธีทรมานได้
แม้คนของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าจะผิดที่ทำการโจมตีสำนักอื่น ในช่วงเวลาที่มีกฎพิเศษ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องใช้การทรมานเพื่อเค้นหาคำตอบ
พวกเขาจึงได้แต่ใช้วิธีอื่น เพื่อหาสาเหต
เหตุการณ์ต่อสู้ของสำนักดาบสายฟ้าคำรณและดาบเพลิงทลายฟ้ากลายเป็นข่าวใหญ่ ที่ทุกคนต่างพูดถึง
คนธรรมดาทั่วไปไม่พบความผิดปกติใดๆที่สองสำนักต่อสู้กัน การต่อสู้ระหว่างสำนักเป็นเรื่องปกติของประเทศเกาะ ในอดีตมีข่าวการต่อสู้ระหว่างสำนักแทบจะทุกๆสัปดาห์ แต่บุคคลระดับสูงต่างรู้กันว่าในช่วงเวลานี้มีกฎพิเศษห้ามต่อสู้ขนาดใหญ่ เพราะทุกคนต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับเหตุการณ์ผิดปกติ หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
แต่ครั้งนี้สำนักดาบเพลิงทลายฟ้าฝ่าฝืนกฎอย่างโจ่งแจ้ง!
ในการโจมตีครั้งนี้ บรรพบุรุษของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าถึงกับนำเพลิงทลายฟ้า สมบัติสูงสุดของสำนักไปโจมตี พวกเขาโจมตีสุดกำลังไม่สนใจกฎหมาย การฝ่าฝืนกฎหมายของประเทศในครั้งนี้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรง จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง
โทษหนักที่สุดคือ บรรพบุรุษสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าอาจต้องสละชีวิตหรือการบ่มเพาะพลัง เพื่อเป็นคำขอโทษด้วยซ้ำ
สำนัก ตระกูล นิกายต่างๆในประเทศเกาะ ต่างเรียกประชุมสมาชิกด่วน เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ พวกเขากังวลว่าจะมีใครที่บ้าบิ้นบุกโจมตีสำนัก ตระกูล หรือนิกายของพวกเขาเป็นรายต่อไป
คืนนี้กลายเป็นคืนที่คนประเทศเกาะนอนไม่หลับ…
ท้องฟ้าเริ่มมืืด ดวงจันทร์สีเหลืองนวลลอยขึ้นกลางท้องฟ้า กลางคืนวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้ก้อนเมฆทำให้ดวงจันทร์ดูส่องสว่างงดงามกว่าปกติ
จิวโมไป๋ในชุดดำลอบออกจากบ้านพักอย่างช้าๆ โดยที่ไม่มีใครสามารถตรวจพบตัวตนของเขาได้
จิวโมไป๋มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เขาซ่อนโคลมไป ระหว่างทางก็ต้องผ่านทหารที่ตรวจตราอย่างหนัก แทบไม่มีช่องว่างให้ผ่าน
เขาใช้จิตสัมผัสบางเบาเพื่อหาเส้นทางที่จะออกไป เขาต้องกระโดดขึ้นต้นไม้และกระโดดไปตามกิ่งไม้ของต้นไม้อีกต้น เพื่อออกไป
หาทางออกไม่นาน เขาก็พบบริเวณที่มีคนน้อยกว่าทางอื่นๆ อาจเพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่โล่งทำให้มองเห็นโดยรอบได้ง่าย การตรวจตราจึงน้อย
เขาจะกระโดดลงจากต้นไม้และใช้ท่าร่างอันรวดเร็วข้ามผ่านพื้นที่โล่ง พร้อมกับหลบหลีกสายตาผู้คน ไม่นานก็พ้นจากพื้นที่โล่ง เขาลงจากภูเขา ตรงไปยังที่ซ่อนโคลมไฟเพลิงผลาญธุลี
เมื่อไปถึง เขาไม่รอช้า โบกมือวงแหวนข่ายอาคมสีทองดำอ่อนก็ปกคลุมโคลมไฟ
เพลิงผลาญธุลีตอบสนองกับพลังภายนอกที่กำลังรุกรานมัน เปลวเพลิงสีแดงน้ำตาลทองลุกไหม้อย่างรวดเร็ว คลื่นความร้อนพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่สามารถระงับได้ จะมีคนค้นพบความผิดปกติ
จิวโมไป๋โบกมือสองข้างอย่างใจเย็น ข่ายอาคมนับสี่อันหมุนวนปกปิดเปลวเพลิง ก่อนที่จะมีอักขระบางอย่างอยู่ในใจกลางข่ายอาคม ในตอนนั้นเอง จิวโมไป๋ก็ตบฝ่ามือไปที่โคลมไฟ วงแหวนข่ายอาคมทั้งหมดก็หดตัวและประทับบนโคลมไฟ
เพลิงผลาญธุลีพยายามระเบิดพลังเพื่อต้านทาน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมันถูกใช้งานอ่อนกำลัง ในการต่อสู้ก่อนหน้า ทำให้มันถูกจิวโมไป๋ฉวยโอกาสผนึกมันได้
ข่ายอาคมสลักลวดลายบนโคลมไฟ ผนึกเพลิงผลาญธุลีอย่างสิ้นเชิง มันไม่สามารถออกมาได้ชั่วคราว
เมื่อผนึกเสร็จจิวโมไป๋ก็เก็บโคลมไฟลงแหวนมิติเก็บของทันที
ในสภาวะปกติเพลิงต่างๆจะไม่สามารถเก็บในแหวนมิติเก็บของได้ เพราะพวกมันถือว่าเป็นพลังงานกึ่งมีสติปัญญา ทำให้ไม่สามารถเก็บในอุปกรณ์มิติได้ ถ้าจะเก็บจะต้องใช้วิธีพิเศษ
ที่จิวโมไป๋ทำคือการผนึกให้เพลิงผลาญธุลี ให้อยู่ในสภาวะหลับไหลและปกปิดร่องรอยพลังงาน ทำให้สามารถเก็บในแหวนมิติได้ชั่วคราว
จิวโมไป๋โบกมืออีกครั้งกำจัดร่องรอยทั้งหมด ก่อนจะใช้ท่าร่างกลับไปทางขึ้นเขา ผ่านทหารที่ตรวจตราอย่างเข้มงวด ไม่นานเขาก็มาถึงบริเวณด้านใน
ในตอนที่เขากำลังผ่านต้นไม้สูง
“น้องชายนายก็ออกมาชมจันทร์ด้วยเหรอ?”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นกระทันหัน จิวโมไป๋สะดุ้งสุดตัว เขาหันควับ มองไปด้านบนต้นไหม้ ก็เห็นจี้หยางเฟยในชุดคลุมขาวตัวยาว มือข้างหนึ่งถือไหเหล้าสีน้ำตาลเก่าแก่ ด้วยท่าทางเอ้อระเหยเฉยชา
คอมเม้นต์