ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 440 ดื่มสุราเคล้าจันทรา
“พี่จี้?”จิวโมไป๋พูดด้วยความตกใจ
“น้องชายขึ้นมาดื่มด้วยกัน ฉันพบสุราชั้นเลิศจากห้องลับเล็กๆ รสชาติของมันหอมน่าหลงใหลมาก น่าเสียดายจริงๆที่ไม่รู้ชื่อของมัน”จี้หยางเฟยยกไหสุราขึ้นชูให้จิวโมไป๋เห็น ใบหน้าแดงของเขาระเรือเล็กน้อย
จิวโมไป๋มองใต้ต้นไม้ เขาก็พบไหสุราอีก 6 เหยือก กองอยู่บนพื้น แสดงว่าจี้หยางเฟยดื่มที่นี่นานแล้ว
จิวโมไป๋คิดเล็กน้อยก่อนจะใช้ท่าร่าง กระโดดขึ้นไปนั่งบนกิ้งไม้อีกอัน ข้างๆกิ่งไม้ที่จี้หยางเฟย เขาก็พบไหสุราอีกหลายเหยือก แขวนอยู่กิ้งไม้ข้างๆ
จี้หยางเฟยเอื่อมมือไปหยิบไหสุราหนึ่งเหยือกและยื่นให้กับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋จับสุรา และเปิดผนึกปากไหที่แน่นหน้า กลิ่นหอมเข้มข้นไหลออกมากระทบจมูก ดวงตาจิวโมไป๋เป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะยกทั้งเหยือกขึ้นดื่ม สุราไหลเข้าปาก กลิ่นหอมหวานแตกกระจาย ส่งกลิ่นหอม ตามมาด้วยความร้อนเผาไหม้ ไหลตามลำคอลงไปในกระเพาะ ก่อนที่คลื่นความร้อนจะกระจายไหลไปตามเส้นเลือด ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“สุราชั้นยอด!”จิวโมไป๋ยกมือซ้ายเช็ดสุราที่ติดมุมปาก ก่อนจะยกดื่มอีก เขาไม่ถามที่มาของสุราที่ดื่ม เขามั่นใจว่าห้องลับเล็กๆที่จี้หยางเฟยพูด ไม่ใช้ห้องลับธรรมดาอย่างแน่นอน สุราที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างและฟื้นฟูความเหนื่อยล้าได้ ไม่ใช้สุราทั่วไป
จี้หยางเฟยก็ไม่ถามที่จิวโมไป๋ทำอะไรหลบๆซ่อนๆตอนกลางดึก
ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
เวลาผ่านไปจนเที่ยงคืน พวกเขาดื่มสุราไปเกือบโหล เหลือสุรา 2 เหยือกในมือของพวกเขา
จี้หยางเฟยกระดกสุราไหสุดท้าย ก่อนจะหันมามองจิวโมไป๋
“น้องชาย นายมั่นใจในประเทศไหม”
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตากับจี้หยางเฟย
“พี่จี้หมายความว่ายังไง?”จิวโมไป๋แกล้งซื่อถามย้อนกลับ เพราะคำถามของจี้หยางเฟยซุ่มเสี่ยงอย่างมาก
“ฮ่าๆ ฉันพูดผิดไป ฉันแค่สงสัย ว่าทำไมน้องชายถึงพยายามซ่อนความสามารถ ไม่แสดงออกมา รู้ไหมว่าตอนนี้ประเทศต้องการผู้นำรุ่นไหมที่จะสามารถนำคนรุ่นไหมไปข้างหน้า หรือว่านายกลัวว่าถ้านายแสดงความสามารถมากเกินไป จะมีคนทำร้ายนายหรือครอบครัวของนาย นายไม่มั่นใจในระบบคุ้มครองบุคคลผู้มีความสามารถของประเทศหรือไง”จี้หยางเฟยพูดอย่างช้าๆ ดวงตาที่มึนเมาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
จิวโมไป๋เห็นว่าแกล้งโง่ไม่ได้ เขาจึงกระดกสุราอึกหนึ่งก่อนจะหันมามองและตอบ
“ฉันมั่นใจในกฎหมายและความแข็งแกร่งของประเทศ แต่ฉันไม่มั่นใจบุคคลระดับสูงบางคนที่กุมอำนาจของประเทศอยู่”
จี้หยางเฟยได้ยิน ก็ยิ้มอย่างไม่แปลกใจ เขาเห็นความพยายามในการทำตัวให้ต่ำ แกล้งทำเป็นหมู ทั้งที่ความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ สามารถเป็นอัจฉริยะรุ่นใหม่หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วยซ้ำ และความสามารถในการปรุงยาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยความสามารถทั้งสองอย่าง จิวโมไป๋สามารถกลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศได้ เขาไม่คิดว่าที่จิวโมไป๋ซ่อนความสามารถเพราะมีแผนร้ายกับประเทศ แต่ที่พยายามซ่อนความแข็งแกร่งอาจเพราะ ไม่มั่นใจในประเทศ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“นั้นสินะ คนเราก็มีดีและชั่วปะปนกัน ไม่ว่าจะตำแหน่งสูงหรือต่ำ ก็ต้องมีคนชั่วที่โลภมากอยู่ ซ่อนความสามารถก็ดี แต่นายไม่ควรซ่อนจนมิดชิดอย่างนี้”จี้หยางเฟยมองจิวโมไป๋ท่าทางเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น
“ที่พวกเรามาที่นี่ ไม่ใช้เพราะต้องการรับตัวท่านเจ้าอาวาสหงหมิงเพียงอย่างเดียว”จี้หยางเฟยโยนให้สุราสุดท้ายลงพื้น ก่อนจะเงยหน้ามองจิวโมไป๋และยิ้ม”ฉันไม่สามารถพูดอะไรมากได้ ฉันบอกได้แค่ว่าหน่วยวิจัยของเราได้รับบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากความสามารถของนาย น้องชายมั่นใจได้ ประเทศจะไม่ทำให้นายผิดหวัง พวกเขาจะปกปิดตัวตนของนาย แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ไม่มีทางรู้ตัวตนของนายได้ ถ้านายไม่ต้องการเข้าร่วมก็สามารถปฏิเสธได้ ไม่มีใครกล่าวโทษนาย แต่ฉันแนะนำให้นายตกลง เพราะการค้นพบครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างก้าวกระโดด”
จี้หยางเฟยถอนหายใจก่อนจะกระโดดลงจากต้นไม้และหันมาพูด
“นายมีเวลาคิดหนึ่งคืน เมื่อกลับประเทศแล้ว นายจะต้องให้คำตอบ”จบคำจี้หยางเฟยก็ใช้ท่าร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว การค้นพบที่ต้องใช้ความสามารถของเขา คงไม่พ้นความสามารถในการปรุงยา แต่การค้นพบอะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เขานิ่งคิดไม่นานก็ได้คำตอบ ไม่กี่วันก่อนเขาได้ทำลายฐานขององค์กรที่มียายีนพันธุกรรม แม้เขาจะทำลายข้อมูลทั้งหมด แต่รัฐบาลก็สามารถสืบร่องรอย เพื่อหาฐานลับอื่นๆและเข้าโจมตี ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะได้ข้อมูลของยาพันธุกรรมจากฐานลับที่อื่นๆ
ยาพันธุกรรมเกิดจากโอสถทั้ง 12 ชนิดของเขา ทำให้หน่วยวิจัยต้องการตัวเขาอย่างเร่งด้วยเพื่อช่วยเหลือในการวิจัย
ถ้ารัฐบาลสามารถสร้างยาพันธุกรรมได้ หน่วยงานแรกที่จะได้รับคือทหาร เมื่อทหารแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งของประเทศจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด!
จิวโมไป๋ใช้ความคิดอย่างหนัก ถ้าโลหิตมังกรของเขาไม่ถูกผนึกความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ประมาณผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจรที่อ่อนแอที่สุด เขาสามารถจัดการผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลายอย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก
เขาสามารถต่อสู้กับขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้นได้ แต่ไม่สามารถเอาชนะ ขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลายได้
แม้ในปัจจุบันผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 กระดูกต้นจะเป็นหัวกระทิของโลก
แต่ก็มียอดฝีมืออีกนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่า
ถ้าเขาเปิดเผยความสามารถในการปรุงยา แม้จะได้รับการปกปิดข้อมูลอย่างดี แต่ในปัจจุบันหน่วยมังกรซ่อนมีหนอนมากมาย ที่คอยกัดกินผู้คนอยู่
เขาไม่รู้ว่าจะปกปิดตัวตนได้จนกว่าเขาจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองไหม
เขาไม่ห่วงตัวเอง แต่ห่วงครอบครัวที่อาจต้องได้รับอันตราย
เขาไม่อยากสูญเสียครอบครัวไปอีก
ความรู้สึกภายในใจตีกันอย่างรุนแรง จิวโมไป๋กระดกสุราจนหมด ก่อนจะโบกมือไหสุราทั้งหมดถูกเก็บเข้าไปในแหวนมิติเก็บของ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจ ดวงตาเป็นประกายความคิดบางอย่าง ก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากต้นไม้ใช้ท่าร่างกลับบ้านพัก
คอมเม้นต์