ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 41
ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์เมืองเทียนซู ปกติจะไม่อนุญาติให้มีผู้คนภายนอกได้เข้ามาภายใน
แต่ในตอนนี้อาคารส่วนหน้าของศูนย์วิจัย ได้เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาร่วมงานเทคโนโลยีโลกอนาคต แต่ผู้มีสิทธิ์เข้างานจะต้องมีบัตรอนุญาติเข้างานเท่านั้น ถ้าไม่มีบัตรจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปในศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์อย่างเด็ดขาด
จิวโมไป๋ในชุดเสื้อโค๊ทสีดำยาว ด้านข้างของเขามีเด็กสาวอายุประมาณ 14 ปี ใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตสุกสกาว ในชุดเดรสลูกไม้สีขาว ขับเน้นให้เเด็กสาวดูน่ารัก น่าทะนุถนอมราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
ในวันนี้เด็กสาวดูอารมณ์ดีอย่างมาก เธอยิ้มกว้างตลอดเวลา จนผู้คนที่พบเห็นต้องเผลอยิ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดู
จิวโมไป๋เห็นท่าทางคึกคักเกินเหตุของน้องสาว เขาก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน ที่น้อยครั้งจะแสดงให้คนอื่นได้เห็น มือขวาจับกลุ่มมือของเด็กสาวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องวิ่งวุ่นวายไปทั่วอย่างแน่นอน
“หนูไม่ได้เด็กแล้วนะ พี่ชายไม่ต้องจับมือหนูก็ได้”จิวเสวี่ยเหม่ยพูดบ่นอุบอิบเสียงเบา แต่ใบหน้ายิ้มดีใจ มือของเธอกำมือใหญ่แน่นขึ้น เธอแทบจะจำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่เธอได้จับมือพี่ชายของเธอเมื่อไหร่
สองพี่น้องยื่นบัตรเข้างานให้พนักงานตรวจสอบด้านหน้างาน พนักงานกดกดหน้าจอโฮโลแกรม ก่อนที่จะส่งข้อความยืนยัน
กำไลข้อมือของจิวโมไป๋และน้องสาวก็ส่งเสียงร้องดังขึ้น จากนั้นพนักงานก็เอาบัตรเข้างานเสียบเข้าป้ายคล้องคอ แล้วยื่นมาให้เขาและน้องสาวใส่คล้องคอ เพื่อยืนยันตัวตน ถ้าทำหายเขาจะถูกส่งออกจากงานในทันที
เขาหันมาใส่ป้ายคล้องคอให้เด็กสาว ก่อนที่จะใส่ให้กับตัวเอง แล้วพากันเดินเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างกว่า 800 เมตร เพดานสูงกว่า 20 เมตร ภายในอาคารขนาดใหญ่ถูกจัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามประเภทของผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์อย่างชัดเจน
“พี่คะ ดูโน้นสิ”จิวเสวี่ยเหม่ยคึกคักเต็มที่ลากแขนของเขา เดินไปที่โซนขนาดกลาง ตั้งอยู่ด้านข้างประตูเข้างาน จากชื่อบริษัทที่ไม่คุ้นเคย ดูแล้วน่าจะเป็นบริษัทที่พึ่งเปิดใหม่ แต่ได้สิทธิ์ในการขายข้างประตูทางเข้าแบบนี้ แสดงว่าพื้นหลังของบริษัทต้องดีมากอย่างแน่นนอน จิวเสวี่ยเหม่ยพาเขาเดินเข้าไปตรงกลางมีสิ่งประดิษฐ์ไฮไลท์ของบริษัท วางไว้อย่างโดดเด่น เป็นอุปรณ์คล้ายหูฟังลวดลายสวยงามเหมาะสำหรับผู้หญิง มันเป็นเครื่องแปลภาษาทุกภาษาบนโลก มีความเร็วในการแปล 0.01 วินาที
จิวเสวี่ยเหม่ยแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนที่จะลากเขาออกไปโซนอื่น
ในยุคการบ่มเพาะพลัง พลังธรรมชาติหนาแน่น ทำให้สมองของมนุษย์ค่อยๆพัฒนาขึ้น แม้จะน้อยนิด แต่ประโยชน์ของมันคือ ทำให้มนุษย์เรียนรู้และจดจำได้ดีขึ้น ในยุคปัจจุบันการเรียนภาษาที่ 3-4 ภาษา เป็นเรื่องง่ายมากๆ
เครื่องแปลภาษาจึงไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก โดยเฉพาะกับเด็กสาวเช่นจิวเสวี่ยเหม่ย
พวกเขาเดินมาถึงด้านหน้าสุดของงาน มีโซนเทคโนโลยีกำไลข้อมือจำนวนมาก แทบจะเต็มพื้นที่ส่วนหน้าทั้งหมด แต่ละโซนมีการพัฒนากำไลข้อมือรุ่นใหม่หลายรุ่น แนวทางการพัฒนาส่วนมาก จะเป็นการเพิ่มหน่วยการประมวลผลให้เร็วขึ้น หรือเพิ่มฟังก์ชั่นและระบบต่างๆ
เทคโนโลยีกำไลข้อมือ พึ่งจะเริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกำไลข้อมือจึงดุเดือดอย่างมาก แต่โชคร้ายประสิทธิ์ภาพของกำไลข้อมือ ที่พวกเขาผลิตยังไม่ทิ้งห่างกันมากนัก ทำให้ยังไม่เกิดเจ้าตลาด ที่จะครอบครองส่วนแบ่งชิ้นใหญ่ของเทคโนโลยีกำไรข้อมือไปได้
ในปัจจุบันเกิดกำไลข้อมือรุ่นต่างๆมากมาย ดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไป
เหมือนยุคโทรศัพท์มือถือ ที่พัฒนาจนมีโทรศัพท์มือถือมากกว่าพันรุ่น
นอกจากโซนเทคโนโลยีกำไลข้อมือ ก็มีโซนเล็กๆ ของบริษัทใหม่ที่พึ่งเข้าตลาดเทคโนโลยี ได้ไม่นาน สิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น ยังไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ แม้จะมีบางชิ้นที่น่าสนใจอยู่บ้างก็ตาม
จิวโมไป๋มีประสบการณ์ชีวิตมาเกือบร้อยปี เขาได้เห็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่า 100 ปีมาแล้ว ทำให้พวกมันไม่สร้างความตื่นเต้นให้เขามากนัก แตกต่างจากจิวเสวี่ยเหม่ย ที่เห็นอะไรก็รู้สึกแปลกตา เธอวิ่งไปมาไม่หยุด เขาได้แต่หัวเราะเบาๆก่อนที่จะเดินตามแรงดึงไปตลอดทาง
ยิ่งเข้าไปด้านใน ก็มีการจัดแสดงเทคโนโลยีชั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทที่จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ส่วนมาก จะเป็นบริษัทที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ทำให้สิ่งประดิษฐ์พวกนี้ทันสมัยและสวยงาม แค่เห็นการออกแบบ มันก็เชิญชวนให้คนเสียเงินซื้อพวกมันแล้ว แม้จะยังไม่รู้คุณสมบัติของพวกมันก็ตาม
จิวเสวี่ยเหม่ยวิ่งไปที่โซน สเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถลอยเหนือพื้นได้ 30 เซนติเมตร พนักงานสาวเดินเข้ามาตอนรับอย่างดี เพราะเห็นหน้าตาน่ารักของจิวเสวี่ยเหม่ย เด็กสาวขอเล่นสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้าอย่างกระตือรือล้น พนักงานสาวจึงหยิบสเก็ตบอร์ดมาให้เด็กสาวได้ทดลองเล่น
พนักงานสาวยืนแนะนำวิธีการเล่นอยู่ด้านข้าง เด็กสาวฝึกบังคับมันไม่นานก็สามารถบังคับมันได้ ก่อนที่เธอจะเล่นสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้า ที่ลานสเก็ตบอร์ดที่เขาจัดไว้ให้
เมื่อเห็นเด็กสาวน่าตาน่ารักกำลังเล่นสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้า ก็เริ่มมีคนมามุงดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พนักงานสาวยิ้มอย่างดีใจ ก่อนที่จะพูดอธิบายประสิทธิ์ภาพของสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้าเสียงดัง เรียกจำนวนผู้คนให้เข้ามาที่โซนของเธอเพิ่มขึ้นไปอีก
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจิวเสวี่ยเหม่ยก็เล่นจนพอใจ เธอก็กล่าวขอบคุณพนักงานสาว ก่อนที่จะกระโดดเกาะแขนของจิวโมไป๋ราวลูกแมวน้อยแสนซน ก่อนที่จะลากเขาไปโซนอื่น
แต่ก่อนที่จะเดินออกไป ก็มีหญิงวัยกลางคนถือกล่องสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้าออกมา ยื่นให้เด็กสาว
“ขอบคุณหนู ที่ช่วยโปรโมทดึงดูดลูกค้าให้นะจ๊ะ นี้เป็นของตอบแทนหนูเอาไปเล่นได้เลย”พูดจบเธอก็ยื่นกล่องสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้าให้เด็กสาว ก่อนที่จะส่งนามบัตรให้
“ถ้ามีอะไรติดต่อมาได้เลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สาว”จิวเสวี่ยรับกล่องสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้ามากอด ก่อนที่จะร้องขอบคุณเสียงหวาน
หญิงวัยกลางคนยิ้มเอ็นดูก่อนที่จะลูบหัวน้อยๆเบาๆ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปตอนรับลูกค้าที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เก่งจริงๆ น้องพี่ ไปป่วนเขาแป๊บเดียวก็ได้ของติดมือมาด้วย”จิวโมไป๋ขยี้ผมบนหัวของเด็กสาวเบาๆ
“อย่ายุ่งกับหัวของหนู เดี๋ยวผมเสียทรง”เด็กสาวโยกหัวหลบพลางบนอุบอิบไม่พอใจ
“เล่นอะไรก็ระวังหน่อย น้องใส่กระโปรงอยู่นะ”จิวโมไป๋เตือนเสียงเบา ก่อนที่จะรับกล่องสเก็ตบอร์ดพลังงานไฟฟ้า มาถือแล้วใช้มือที่ว่างจับมือเด็กสาวไว้แล้วเดินไปโซนอื่นๆ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย กระโปรงยาวตั้งข้อเท้า”พูดจบเด็กสาวแกล้งทำเมินไม่สนใจ ดวงตากลมโตสดใส กวาดมองรอบด้านด้วยความกระตือรือร้น
จิวโมไป๋ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจพลางหัวเราะเบาๆ
เมื่อเห็นว่ามีอะไรน่าสนใจเด็กสาวจะลากจิวโมไป๋เข้าไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาพร้อมกับสิ่งของจำนวนมาก จนผ่านไปเกือบ 10 โซน มือของจิวโมไป๋ก็เต็มไปด้วยสิ่งของ
เขาจึงพาเด็กสาวมาที่โซนบริการส่งของ ใช้เวลาไม่นานเขาก็ลงทะเบียนส่งของจนหมด ของทั้งหมดจะไปส่งที่ร้านอาหารตระกูลจิว
พวกเขาจึงพากันเดินดูสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีที่โซนอื่นๆต่อ จนเกือบจะถึงด้านในสุด
ตลอดทั้งงานถ้าสังเกตจะพบว่า แม้จะมีสิ่งประดิษฐ์ที่มีเทคโนโลยีคุณภาพสูงจำนวนมาก แต่มันก็ไม่มีบริษัทไหนเลยที่ผลิต หุ่นยนต์
เหตุผลที่ไม่มีใครสร้างหุ่นยนต์ ก็เพราะว่าโลกได้ออกกฏหมาย ห้ามผลิตหุ่นยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าหุ่นยนต์จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์หรือไม่ก็ตาม
แม้การมีหุ่นยนต์ช่วยทำงานแทน จะทำให้มนุษย์สะดวกสบายขึ้น แต่ถ้ามนุษย์เกิดความเคยชินกับการปรนนิบัติเหล่าขึ้นมา มนุษย์จะหยุดการพัฒนาตัวเอง แม้จะไม่สามารถมองเห็นผลกระทบได้ชัดเจนในตอนนี้ แต่จะส่งผลต่อรุ่นต่อๆไป มนุษย์จะเริ่มขี้เกียจขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ต้องทำงาน จนเกิดปัญหาทางด้านสังคมต่างๆตามมามากมาย
แม้ว่าในยุคสมัยนี้จะเป็นยุคบ่มเพาะ กฏหมายก็ยังไม่อนุญาติให้มีการสร้างหุ่นยนต์อำนายความสะดวกอยู่่ดี เพราะมันจะยิ่งส่งผลต่อความเลื่อมล้ำของฐานะมากยิ่งขึ้น
สำหรับระบบปัญญาประดิษฐ์ จะแยกออกจาก ปัญญาประดิษฐ์ของหุ่นยนต์ แม้ทั้งสองประเภท จะเป็นปัญญาประดิษฐ์เหมือนกันก็ตาม แต่ระบบปัญญาประดิษฐ์ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือ เพียงแค่การจัดการปัญหาเล็กๆเท่านั้น เช่นคอยดูแลการทดสอบที่เป็นความลับ ที่ไม่สามารถเปิดเผยให้แก่บุคคลที่สอง หรือช่วยดูแลและตรวจสอบระบบต่างๆ ซึ่งมันแทบจะไม่ส่งผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
แต่ก็มีระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูง ที่มีความฉลาดสูงส่ง พวกมันจะค่อยกำกับกฏระเบียบและสอดส่องดูแลโลกอยู่ห่างๆ เมื่อโลกเกิดปัญหาร้ายแรง พวกมันจะส่งข้อมูลลงไปยังประเทศที่พวกมันดูแล เพื่อรีบแก้ไขปัญหา
ระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงมีทั้งหมด 8 ตน และ Nuwa ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูง ที่เหนือล้ำกว่าปัญญาประดิษฐ์อื่นๆก็ตาม แต่พวกมันต้องปฏิบัติตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้
ทำให้พวกมันไม่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตหรือช่วยเหลือมนุษย์มากเกินไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดคดีขึ้นมา ถ้าไม่ใช้คดีลอบฆ่าสังหารกันเองของคนในชาติ หรือการก่อคดีร้ายแรงระดับที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้ตำรวจหรือองค์กรลับ เข้าไปจัดการกันเอง
ถึงแม้ภายหลังพวกเขาจะไม่สามารถหาหลักฐานแก้ไขคดีได้ ระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูงก็ไม่ลงมือช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้พวกเขาสืบคดีต่อไปเอง
ด้วยการออกกฏเหล่านี้ ทำให้โลกยังคงก้าวเดินอย่างที่มันควรเป็น ไม่สะดวกสบายจนเกินไป แต่ก็ไม่ยากลำบากมากเช่นกัน
—
ทำไมยิ่งเขียนข้อมูลยิ่งเยอะ
ถือว่าตอนนี้ ตอบคำถามว่าทำไมโลกมันล้ำยุคไปไกลจนมีปัญญาประดิษฐ์ที่สุดยอด แต่ไม่มีหุ่นยนต์นะครับ
คอมเม้นต์