ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 70

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 70 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
โครงกระดูกในถ้ำ

เกาะโดดเดี่ยว

ด้านหลังภูเขา มีถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่ปกปิด ถ้าไม่ตั้งใจหาอาจจะผ่านถ้ำแห่งนี้ไปโดยไม่รู้ตัว ภายในถ้ำมีพื้นที่ไม่ลึกมากนัก แต่มีความสูงกว่า 6-7 เมตร

จิวโมไป๋และเสี่ยวไป๋เดินเข้ามาถึงด้านในสุดของถ้ำ ตรงข้อมือของจิวโมไป๋ มีสร้อยข้อมือที่ถูกร้อยจากก้อนหินสีน้ำเงินขนาดเล็ก มันสร้างแสงสว่างสีฟ้าอ่อนกระจายออกมา มันทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดของถ้ำได้ โดยไม่ต้องใช้ไฟฉาย

“เจ้าเหมียว ไปเล่นที่อื่นก่อน เดี๋ยวฉันทำธุระเสร็จจะออกไปทำอาหารให้กิน”จิวโมไป๋หันมาพูดกับเสี่ยวไป๋ ที่ตอนนี้ร่างกายของอ้วนขึ้นเล็กน้อย สิ่งสกปรกที่ติดตามขนของมันถูกชำระล้างทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลา ขนสีดำสกปรกกลายเป็นสีขาวประกายเงินส่องสว่างแม้ในพื้นที่มืด

ทำให้เสี่ยวไป๋ในเวลานี้น่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะลูบขนของมัน แต่มันหวงตัวไม่ยอมให้เขาจับง่ายๆ ต้องใช้สาระพัดวิธีที่จะได้จับตัวของมัน

“โฮกกก”เสี่ยวไป๋คำรามไม่พอใจ มันไม่ชอบที่ถุูกเรียกว่าเจ้าเหมียว

เห็นว่าเสี่ยวไป๋ไม่ยอมออกไป จิวโมไป๋ก็ยักไหล่ก่อนที่จะพูดย้ำ”จะตามเข้าไปก็ได้ แต่พอเข้าไปข้างในแล้ว แกห้ามอยู่ห่างจากฉัน เข้าใจไหม”

เสี่ยวไป๋พยักหัวเล็กๆเบาๆ ก่อนจะกระโดดมายืนข้างจิวโมไป๋พร้อมเอียงคอสบตาอย่างน่ารัก

จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของมันอย่างเอ็นดู เสี่ยวไป๋โยกหัวไปมาทำท่าจะหลบ แต่ตัวของมันยืนนิ่งไม่ขยับหลบไปไหน ทำให้มันถูกจิวโมไป๋ลูบหัวจนได้ เสี่ยวไป๋ร้องออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ไม่นานมันก็เผลอตัว ใช้หัวของมันคลอเคลียฝ่ามือไปมา

เล่นกับเจ้าเหมียวเสร็จ จิวโมไป๋ก็หันกลับมามองผนังดินด้านในสุดของถ้ำ มันเป็นผนังดินที่ราบเรียบธรรมดา ดูเหมือนไม่มีอะไร จิวโมไป๋เปิดแหวนมิติก่อนที่จะเรียก พลองยาวออกมา

เป็นพลองสีดำยาว 6 ฟุต (1.8เมตร) ตรงปลายพลองทั้งสองด้าน ถูกหุ้มด้วยแร่สีน้ำตาลเข้ม และมีห่วงขนาดเล็กซ้อนกันตรงปลายพลองข้างและ 9 ห่วง รวมทั้งสองข้างเป็น 18 ห่วง ห่วงขนาดเล็กทำจากแร่สามชนิด สีภายนอกของพวกมันแตกต่างกันมีสีเขียวอ่อน ม่วง และแดง แบ่งห่วงสามสีข้างละ 3 ห่วง ว่างสลับกัน น้ำหนักของพลองยาว 128 กิโลกรัม แต่สมดุลของพลองนั้นสมบูรณ์แบบ ไม่หนักหรือเบาไปที่ข้างใดข้างหนึ่ง และ ตัวพลองไม่แข็งจนเกินไปมันมีความยืดหยุ่นเล็กน้อย

น้ำหนักของพลองยาว ทำให้เมื่อจิวโมไป๋เรียกมันออกมาเขาต้องประคองมันด้วยมือทั้งสองข้าง เขาหมุนควงพลองปรับสมดุลไม่กี่ครั้ง ก็หยุดมือเขาลอบพยักหน้าชื่นชมตัวเอง ที่สามารถสร้างพลองอันนี้ขึ้นมาได้

ในอดีตการตีเหล็ก เป็นทักษะที่เขาอ่อนแอที่สุด มีโอกาสน้อยมากที่เขาจะลงมือตีเหล็กสร้างอาวุธ ไม่ต้องพูดการสร้างพลอง ที่ไม่คอยมีคนนิยมใช้กันมากนัก ทำให้ในอดีตเขาไม่เคยสร้างพลองมาก่อน

พูดได้ว่าพลองยาวอันนี้ เป็นพลองอันแรกที่เขาสร้างขึ้นมาก็ว่าได้

พลองอันนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้าผสมกับแร่ที่มีคุณสมบัติในการทำให้สิ่งที่มันผสมมีความเหนียวแน่นยืดหยุ่นทนทาน และ แร่อีก 3 ชนิดที่มีคุณสมบัติชักนำพลังธาตุลม สายฟ้าและไฟ เขาตั้งชื่อพลองอันนี้ว่า พลองผ่านฟ้า มันถูกจัดให้เป็นสมบัติมนุษย์ ระดับ 3

จิวโมไป๋เดินตรวจสอบผนังอีกหนึ่งรอบ ก่อนที่จะยกพลองผ่านฟ้าขึ้นมาและหวดใส่ผนังอย่างแรง

ตูมมม!!!

เศษดินแตกกระจายไปทั้วบริเวณ จิวโมไป๋กระชับพลองผ่านฟ้าแน่นก่อนที่จะหมุนควงและหวดพลองใส่ผนังดินติดๆ กันอีก 3 ครั้งซ้อน

ผนังดินรับแรงโจมตีไม่ไหว มันก็ถล่มลงมา ด้านหลังผนังดินพลันปรากฏประตูหินสีเทาด้าน สูงกว่า 5 เมตร กลิ่นอายโบราณแผ่กระจายออกมา ทำให้ผู้คนที่มองเห็นแค่แวบแรกก็สามารถรับรู้ได้ถึงความเก่าแก่ของมัน

“ฮ่าๆ มันเป็นความจริง”จิวโมไป๋หัวเราะเสียงดังอย่างตื่นเต้น เขาเดินเข้าไปตรวจสอบประตูหินอย่างรวดเร็ว

ประตูหินเป็นประตูโบราณ มันถูกสร้างขึ้นมานานกว่าหมื่นปี อายุของมันยาวนานกว่าอายุของประเทศมังกรเสียอีก!

บานประตูแกะสลักด้วยลวดลายแปลกประหลาดที่ซับซ้อนดูไม่เป็นระเบียบ บนประตูมีภาพภูทผีปีศาจหลายร้อยตัวกำลังกรีดร้อง และมีภาพมนุษย์หลายพันคนกำลังคุกเข่ากราบไหว้อะไรบางอย่างดูไร้ทิศทาง ด้านบนสุดมีภาพเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ ลวดลายการแกะสลักดูหยาบกระด้าง แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความเชื่อในยุคสมัยนั้น

จิวโมไป๋ลูบคล้ําพนังหินไม่กี่ครั้งเขาก็ถอยออกมา กวาดตามองอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเดินเข้าไปกดบนรูปสลัก

คลืนนนน รูปสลักที่กดถูกดันเข้าไปด้านในจากนั้น รูปสลักต่างๆก็ถูกแยกออกคล้ายตัวเลื่อน บางอันถูกดันลึกลงไป บางอันถูกผลักขึ้น และมีช่องว่างเล็กๆระหว่างรูปแกะสลัก จิวโมไป๋ผลักรูปสลักทั้งหมดสลับไปมา

ใช้เวลาอยูาพักใหญ่ ภาพแกะสลักทั้งหมดก็เข้าที่ เปลวไฟอยู่ด้านบนสุดของประตู ตามด้วยภาพภูทผีที่กำลังกรีดร้องโหยหวนอยู่ในหลุม และภาพมนุษย์อยู่นอกสุด พวกเขากำลังคุกเข่ากราบไหว้ไปทางเปลวไฟ

คลึกๆๆ

เสียงเหมือนกลไกบางอย่างทำงาน รูปสลักทั้งหมดจมลงไปในบานประตู กลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นบานประตูหินก็ถูกเปิดออกอย่างน่าอัศจรรย์

เป็นกลไกเปิดประตูโบราณที่ดูล้ำยุคอย่างมาก

แต่ในตอนที่ประตูเปิดออกนั้นเอง ควันสีเทาพร้อมกลิ่นเหม็นอับชื้นลอยกระทบจมูก ทำให้จิวโมไป๋ต้องถอยออกมาอยู่ไกลๆ เสี่ยวไป๋ถอยไปยืนหน้าปากถ้ำลอบมองอยู่ห่างๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งอากาศก็ถูกระบายออกจนหมด จิวโมไป๋ก็เดินเข้าไปด้านในประตู เป็นบันไดหินปูเป็นทางลาดลงลึกเข้าไปด้านใน จิวโมไป๋กระชับพลองผ่านฟ้าในมือแน่นก่อนที่จะค่อยๆเดินลงไป เสี่ยวไป๋เดินตามหลังไม่ห่าง

ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ บรรยากาศโดยรอบค่อยๆอึดอัดขึ้น ราวกับพลังชีวิตค่อยๆถูกดูดออกไป จิวโมไป๋ล้วงแผ่นยันต์ออกมาเผาด้วยจิตวิญญาณ และโยนแผ่นยันต์อีกแผ่นไปให้เสี่ยวไป๋ บรรยากาศอึดอัดจึงบรรเทาลง

เมื่อลงไปถึงด้านล่างก็พบประตูหินอีกบาน แต่บานนี้ไม่ได้มีกลไกอะไร จิวโมไป๋นิ่งมองบานประตูครู่หนึ่งก่อนใช้จิตสัมผัสกระจายออกตรวจจับทุกสิ่งรอบด้าน ท่าทางชองเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนที่จะออกแรงผลักเบาๆ ประตูก็สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

ในตอนนั้นเอง จิตสัมผัสของเขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่พุ่งออกมา จิวโมไป๋คว้าเสี่ยวไป๋ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนที่จะกระโดดหลบอย่างหวุดหวิด

โครม! เสียงกระแทกบันไดดังสนั่น จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสสำรวจอย่างรวดเร็ว เป็นโครงกระดูกมนุษย์สีขาวเหลือง ช่องว่างดวงตาทั้งสองข้างบนหัวกระโหลก มีประกายแสงสีเขียวเข้มราวเปลวไฟที่ลุกไหม้ เมื่อมองเข้าไปเหมือนพลังชีวิตกำลังถูกเผาผลาญหาย

โครงกระดูกร่างนั้นกระแทกขั้นบันไดอย่างแรง จนเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่ว จิตสัมผัสของจิวโมไป๋กระตุ้นเตือนอีกครั้ง เขารีบหมุนควงพลองผ่านฟ้าในมือเป็นวงกลมรอบร่างกาย หวดใส่โครงกระดูกอีก 2 ร่างที่กำลังกระโจนเข้ามา

ผลัวะ! กร๊อบ เสียงกระดูกแตกเป็นชิ้นๆ เสี่ยวไป๋กระโดดออกมามือของจิวโมไป๋ ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกที่กำลังเดินเข้ามา มันใช้กรงเล็บเล็กๆตะปบเข้าใส่หัวกะโหลก จนหลุดกระเด็นออกไปกระแทกกับผนังด้านข้างแตกเป็นเสี่ยงๆ

การต่อสู้กินเวลาไปพักใหญ่ จิวโมไป๋ก็สามารถจัดการโครงกระดูกหลายสิบร่างที่เข้ามาได้ จนเกิดพื้นที่ว่างขึ้น เขาจึงมีเวลาใช้จิตสัมผัส สำรวจโดยรอบ เขาก็เข้าใจว่าในตอนนี้เขาอยู่ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ที่มีทางเชื่อมยาวออกไปเชื่อมต่อกับห้องอื่นๆ

ตรงทางเชื่อมมีร่างของโครงกระดูกสีขาวเหลืองหลายสิบร่าง กำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆไม่ยอมหมด จิวโมไป๋กระชับด้ามพลองผ่านฟ้าแน่น ก่อนจะพุ่งเข้าไปหมุนควงพลองหวดใส่อย่างไม่ออมแรง

กร๊อบ! เสียงกระโหลกแตกเป็นชิ้นๆ ดวงตาสีเขียวบนหัวกระโหลกพลันดับลง จิวโมไป๋ก็หันไปจัดการโครงกระดูกอื่นๆต่อ

เขาไม่มีทีท่าวิตกกังวลกับจำนวนโครงกระดูกที่มากมายมหาศาลราวกับไม่มีวันหมด เพราะเขาพอจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าด้านในถ้ำนี้มีอะไรอยู่ ในตอนนี้เขาต้องกำจัดโครงกระดูกพวกนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด