ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 86
หมู่บ้านใบไม้ร่วง
แสงแดดอันอบอุ่นยามสายของวัน แปรเปลี่ยนเป็นพายุฝนฟ้าคะนองในพริบตา ดอกไม้ใบไม้และอุปกรณ์ตกแต่งที่ถูกประดับไว้ทั่วหมู่บ้านอย่างงดงามราวแดนเทพนิยาย ถูกลมพายุอันเกรี้ยวกราดและสายฝนอันรุนแรง เข้าทำลายทุกอย่างกลายเป็นเศษซากในไม่กี่วินาที
กลางหมู่บ้าน เวทีขนาดใหญ่และโต๊ะอาหารนับร้อย ถูกพายุฝนหอบพัดปลิวกระจัดกระจาย ไปทุกทิศทางอย่างไม่อาจควบคุม ทำให้ผู้คนต้องวิ่งหาที่หลบภัยกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย มีบางคนหลบไม่พ้น ถูกโต๊ะไม้เนื้อหนากระแทกอย่างแรงจนบาดเจ็บสาหัส
เม็ดฝนห่าใหญ่ราวฟ้ารั่ว ตกกระทบทำลายข้าวของจนย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี ไม่อาจนำกับมาใช้ไหมได้อีก
บนอาคารสูง เนี่ยฟูหานยืนนิ่งสงบท่ามกลางสายฝน ร่างกายของเขายืนหยัดอย่างมั่นคง เขาไม่ได้รับผลกระทบจากพายุและสายฝนที่รุนแรงเลยแม้แต่น้อย ราวกับร่างกายของเขาทำมาจากเหล็กกล้า เสื้อผ้าหลากสีของเขาที่โบกสะบัดไปมาตามแรงลม
เนี่ยฟูหานมองผ่านสายฝนออกไปทางป่าสวรรค์โบราณ ราวกับว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ห่างไกลออกไป
อาอี้ บอดีการ์ดคนสนิท ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเนี่ยฟูหานอย่างไร้ร่องรอย ร่างกายของเขาส่งพลังกดดันออกมาจากร่างกายอย่างบางเบา ทำให้เม็ดฝนไม่กระทบถูกตัวของเขาเลยแม้แต่เม็ดเดียว เสื้อสูทสีดำไม่มีแม้แต่ความชื่นบนเนื้อผ้า
“นายน้อยคนของเรา ที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณหนูฉิน รายงานมาว่าที่เหมืองแร่ประกายแสงเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูง ตอนนี้คนของกองทัพได้เข้าควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็เดินทางกลับมาที่หมู่บ้าน…”
“เหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูง มันไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติระดับนี้ได้”เนี่ยฟูหานส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะนิ่งเงียบไม่พูดต่อ
เหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูงที่เขาเคยพบ มันไม่สามารถสร้างพายุฝนกินพื้นที่กว่า 40 กิโลเมตรแบบนี้ได้แน่
มองพายุฝนที่ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จิตใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที มันทำให้เขารู้สึกกระวนกระวานใจ
ใบหน้าของเนี่ยฟูหานพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด สัญชาตญาณของเขากำลังร้องบอกว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ และเขาก็มั่นใจว่าสัญชาตญาณของเขามีความถูกต้องกว่า 100%
ที่เขาสามารถอยู่รอดได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ถูกม้วนเข้าสู่การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล ก็เพราะสัญชาตญาณที่เฉียบคมแข็งแกร่งเหนือกว่าคนทั่วไปของเขา
ทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงจุดเสี่ยงอันตราย และถอยออกมาก่อนได้ทุกครั้ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เนี่ยฟูหานก็เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เขาพุ่งทะยานร่างตรงไปทิศทางที่ตั้งของเหมืองแร่ประกายแสงทันที เพียงพริบตาเดียวเขาก็ห่างออกไปกว่า 100 เมตร
อาอี้เห็นดังนั้นก็รีบเหินร่างตามไปติดๆ
…
เหมืองแร่ประกายแสง
เพราะพายุฝนทำให้ตอนนี้อาคารไม้ที่เป็นสถานที่ตั้งแค้มป์ของนักวิจัย เต็นท์ของนักผจญภัยต่างก็พังทลายลงเป็นชิ้นๆ พื้นดินโดยรอบเป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะความรุนแรงของเม็ดฝนที่ตกลงมา
นักผจญภัยต่างก็หาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น แต่เพราะพื้นที่โดยรอบนี้เป็นภูเขาหินโล้นเรียบ แทบไม่มีต้นไม้หรือสถานที่พอให้หลบฝนได้เลย ทำให้ยิ่งนานยิ่งมีผู้บาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
หน้าทางเข้าเหมืองแร่ประกายแสงในตอนนี้ มีทหารในชุดสีเขียวเข้ม เกือบ 50 คน ยืนล้อมปิดทางเข้าเหมืองแร่ไม่ให้ใครเข้าใกล้
แม้ว่านักผจญภัยจะขอร้อง ให้พวกเขาได้เข้าไปหลบฝน แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
มีบางคนที่ไม่พอใจเข้าไปต่อสู้กับทหาร แต่ก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บหนักและถูกโยนออกมา
มันสร้างความไม่พอใจให้กับนักผจญภัยเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรอีก พวกเขาได้แต่หาช่องแคบเล็กๆที่พอหลบฝนได้ แต่เพราะมีนักผจญภัยหลายร้อนคน ทำให้เบียดยังไงก็ไม่พอ ทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้นอีก
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บานปลาย แสงสีเหลืองนวลที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าค่อยๆลดขนาดลงจนหายไปในที่สุด จากนั้นพายุฝนค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ แต่ก็ยังคงมีสายฝนตกลงมาอยู่ไม่ได้หยุดลง โชคดีที่เม็ดฝนมีเล็กลงจนกลายมาเป็นขนาดปกติ ไม่สร้างความเสียหายได้อีก
ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
มีเงาร่างหนึ่งคอยๆถอยออกมาจากเหมืองแร่ประกายแสงอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
เมื่อเขาหาที่หลบซ่อนได้แล้วเขาก็เปิดกำไรข้อมืออย่างรวดเร็ว
เพียงเสียววินาทีก็มีคนรับการติดต่อ
“ตอนนี้‘ของ’ได้ถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว กำลังถูกนำออกมา…”
“ดีมาก จับตาดูไว้ให้ดี ถ้า‘ของ’ถูกสับเปลี่ยน รีบแจ้งมาทันที อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาด”
“ตอนนี้‘งู’เป็นผู้ถือ‘ของ’และกำลังเคลื่อนตัว มาตามแผนที่วางไว้ เมื่อถึงระยะที่กำหนดจะติดต่อไปอีกที”
“…”
พูดเพียงไม่กี่ประโยชน์ก็ปิดการติดต่ออย่างรวดเร็ว แต่ในขณะนั้นเอง เขาก็ตรวจจับอันตรายได้ในพริบตา แต่ก่อนจะได้ทันตั้งตัว เงาสีดำแดงก็พุ่งผ่านตัวเขาจากทางด้านหลัง
เห็นเป็นมีดสีดำประกายแดงดูอันตราย ใบมีดมีความยาวกว่ามีดปกติจนคล้ายดาบสั้น และก่อนจะได้ทำอะไรภาพทั้งหมดก็มืดลง…
จิวโมไป๋มองร่างที่ทรุดตัวลงไปบนพื้นพร้อมหัวที่หลุดจากบ่าอย่างเฉยชา บนใบมีดสีดำประกายแดงไม่มีหยดเลือดติดอยู่เลยแม้แต่น้อย เขาเก็บมีดไว้ในแหวนมิติก่อนจะส่งพลังจิตวิญญาณไปที่กำไลมิติของอีกฝ่าย ก่อนจะทำการหยุดทำงานของกำไลข้อมือ
ปกติแล้วพวกองค์กรนักฆ่าจะออกแบบกำไลข้อมือให้มีความสามารถในการตรวจจับการเต้นของหัวใจ เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของกำไรข้อมือยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต
เพราะในการทำภารกิจลอบสังหาร ถ้าอยู่ๆมีคนเสียชีวิตโดยไม่มีสาเหตุที่เกี่ยวกับภารกิจ พวกเขาจะสามารถรู้ได้ทันที ว่ามีเหตุแทรกซ้อนหรือเป้าหมายรู้ตัว
เพราะกำไรข้อมือตรวจจับพลังชีวิต ทำให้การป้องกันมือสังหารเป็นเรื่องยากมาก จนกระทั้งหลายสิบปีต่อมาผู้ใช้พลังจิตวิญญาณ ค้นพบวิธีหยุดการทำงานของกำไลข้อมือได้ชั่วคราว ทำให้พวกเขามีเวลาจัดการมือสังหารคนอื่นก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวได้
โดยปกติผู้ใช้พลังจิตวิญญาณระดับเงิน สามารถหยุดกำไรข้อมือได้ 20-30 นาที แต่เขาสามารถหยุดได้ 1 ชั่วโมง
ทำให้เขาสามารถไปตรวจสอบนักฆ่าคนอื่นได้ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว
เมื่อเก็บมีดแล้วจิวโมไป๋ก็เดินไปที่ร่างไร้หัว ที่ตอนนี้ตรงส่วนที่ถูกตัดมีเลือดหยดเล็กๆค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ
เขาไม่รู้สึกแปลกที่เลือดไม่พุ่งออกมาอย่างที่ควรเป็น เพราะมีดที่เขาใช้ทำมาจาก เหล็กผนึกโลหิต
เหล็กที่มีความแข็งแกร่ง ทนทานและคมกว่าเหล็กกล้าถึง 3 เท่า และมันมีความสามารถพิเศษคือ ชะลอการไหลของเลือด บาดแผลที่ถูกฟันหรือแทงจะไม่มีเลือดไหลออกมาหลายสิบนาที ก่อนที่เลือดจะค่อยๆไหลออกมาจากบาดแผลตามปกติ
แม้แต่การตัดหัวที่ปกติแล้วจะทำให้เลือดพุ่งออกมาจากคออย่างรุนแรง มันก็สามารถยับยั้งการไหลของเลือดเอาไว้ได้ แม้จะไม่เต็ม 10 ส่วนก็ตาม
เหล็กผนึกโลหิต เป็นแร่หายากแม้แต่ในอนาคตที่แร่ล้ำค่านับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏขึ้น ทำให้ราคาของมันแพงกว่าเหล็กเขียวขจีหลายสิบเท่า
ด้วยคุณสมบัติของเหล็กผนึกโลหิต ทำให้มันกลายเป็นเหล็กที่นักฆ่าทั้งหลายต้องการ
มีคำพูดในหมู่มือสังหารว่า นักฆ่าที่ไม่มีอาวุธที่สร้างจากเหล็กผนึกโลหิต ไม่ถูกเรียกว่านักฆ่าที่แท้จริง
จิวโมไป๋ ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบร่างกายอย่างระเอียด เมื่อใช้จิตสัมผัสในระยะใกล้พลังของมันแข็งแกร่งกว่าใช้ในระยะไกลหลายเท่า ทำให้เขาตรวจสอบร่างกายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
อุปกรณ์บนร่าง นอกจากผิวหนังเทียม เสื้อผ้าและกำไรข้อมือแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ระบุตัวตนได้เลย
อีกฝ่ายไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เป็นหลักฐานนอกจาก ตัวตนของอีกฝ่ายว่าเป็นคนทวีปตะวันตก
แต่ก่อนที่จิวโมไป๋จะถอดใจ จิตสัมผัสของเขาก็ตรวจพบ สัญลักษณ์ พิเศษตรงไหล่ด้านขวาที่อยู่ใต้หนังเทียม ไม่รอช้าเขาใช้มือที่สวมถุงมือหนัง ฉีกเสื้อผ้าของอีกฝ่ายทิ้งก่อนจะฉีกหนังเทียมของอีกฝ่ายออกจนหมด ทำให้เห็นผิวที่ขาวกว่าคนทวีปตะวันออก
ทันทีที่ผิวหนังเทียมตรงไหล่ขวาถูกฉีกออก ก็ปรากฏ รอยสักรูปไม้กลางเขนกลับหัวสีดำที่ถูกอาบด้วยเลือดสีเงิน แม้จะเป็นแค่รอยสัก แต่ราวกับว่ามันมีพลังบางอย่าง ทำให้มันดูเหมือนของจริง ผู้ที่มองรู้สึกเหมือนเลือดในร่างถูกแช่แข็ง ราวถูกคำสาป
“องค์กรโลหิตนิรันดร์”ใบหน้าของจิวโมไป๋พลันเคร่งเครียด อย่างที่ไม่เคยเป็น
คอมเม้นต์