ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 110
จิวโมไป๋ตรวจสอบในรถมีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 สามคน ขั้นที่ 4 ถึง สองคน ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ไม่ใช้การลักพาตัวธรรมดาอย่างแน่นอน เขาตรวจสอบเด็กสาวอายุประมาณ 18-19 ปี ใส่เสื้อคลุมตัวยาว เธอคงกำลังออกจากโครลอสเซียมเทียนหลงแล้วโดนลักพาตัวทันที
เขารีบตามไปทันที พวกนี้เป็นแก๊งสีดำ ที่ลักพาตัวเหยื่อไปเรียกค่าไถ่ แม้ว่าจะไม่ฆ่าเหยื่อ แต่ก็อาจทำอะไรร้ายแรงได้
การลักพาตัวไม่ใช้เหตุการณ์ก่อการร้ายหรือคดีสังหารร้ายแรง Nuwaจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว คดีแบบนี้ตำรวจจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งดูจากระดับการบ่มเพาะพลังของแก๊งสีดำแล้ว มันยากที่ตำรวจธรรมดาจะแก้ปัญหาได้
จิวโมไป๋ถือวัวเหลืองไว้ในมือ โบกรถโดยสารแล้วขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ขับไปเรื่อยๆครับ เดียวผมบอกทาง”จิวโมไป๋บอกคนขับขณะที่ใช่จิตสัมผัสตามหลังรถตู้ เขาทิ้งระยะหางเกือบ 100 เมตร รถตู้ด้านหน้าไม่มีทางสงสัยได้แน่
คนขับรถขับไปอย่างช้าๆด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พูดอะไร จนรถค่อยๆออกจากพื้นที่หนาแน่น
เมื่อรถตู้หยุดจิวโมไป๋ก็บอกให้คนขับรถหยุดรถ ก่อนที่เขาจะจ่ายเงิน
พื้นที่โดยรอบเป็น พื้นที่อพาร์ทเม้นท์เก่า มีคนเช่าอยู่อาศัยเบาบาง จิตสัมผัสของเขาล๊อกเป้าไปที่อาคาร 3 ชั้นห่างออกไป 80 เมตร จิวโมไป๋หลบไปเปลี่ยนเสื้อคลุมมิดชิด แก๊งลักพาตัวหยุดรถแล้วอุ้มร่างของเด็กสาวลงไปชั้นใต้ดิน
เมื่อเห็นภาพจากจิตสัมผัส เขาแปลกใจเล็กน้อยเพราะชั้นใต้ดินเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ มีคนรออยู่ด้านล่าง 5 คนแต่ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาแค่ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 เท่านั้น
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว เขาก็ลงมือทันที แค่คนเท่านี้เขาไม่มีปัญหาเลยที่จะช่วยเด็กสาวออกมา จิวโมไป๋ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางอาคาร 3 ชั้น เมื่อไม่มีใครเขาก็เดินไปที่ทางลงชั้นใต้ดิน ที่ซ่อนไว้หลังกล่องจำนวนมาก เขาใช้พลังวิญญาณสีเงินเลื่อนกล่องออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะเดินลงไป เขาก็หันกลับมาเลื่อนกล่องกลับที่เดิม
เขาค่อยๆลงไปตามทางอย่างช้าๆ จิตสัมผัสของเขาระบุตัวคนทั้ง 11 คน เมื่อลงมาเขาก็แอบไปด้านหลังกล่องใหญ่ใบหนึ่ง ในมือของเขาถือมีดผนึกโลหิต
ความชั่วร้ายต้องชดใช้กรรม แม้ว่าเขาจะไม่ฆ่าแต่อย่างน้อยเขาต้องทำให้พวกมันพิการ
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าช่วยเหลือเด็กสาว พื้นที่โดยรอบก็ปรากฏหมอกสีเทาค่อยๆล้อมรอบอาคาร
“อาณาเขตวิญญาณ!”
จิวโมไป๋ชะงักร่างอยู่ที่เดิม เขาไม่คิดเลยว่าในวันเดียวเขาจะพบ เหตุการณ์วิญญาณถึง 2 ครั้ง! จิวโมไป๋ซ่อนตัวไม่รีบออกไป เพราะเขาไม่รู้ว่าวิญญาณตนนี้ เป็นวิญญาณเป็นกลาง หรือวิญญาณร้าย การต่อสู้กับวิญญาณ โดยไม่รู้พลังของอาณาเขตวิญญาณ มันก็เหมือนการฆ่าตัวตาย เขาซ่อนตัวรอดูสถานการณ์ยังไม่เข้าไป
ในตอนที่หมอกหนาแน่น แก๊งสีดำทั้ง 11 คน เหมือนกับไม่รู้สึกตัว พวกเขาอยู่ๆก็ล้มลงเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดเชือก
จิวโมไป๋ตกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าความสามารถของอาณาเขตวิญญาณคืออะไร เขาเปรียบเทียบกับอาณาเขตวิญญาณที่เคยพบ ก็ไม่เหมือนกับอาณาเขตวิญญาณนี้เลย เขารู้ว่านี้คืออาณาเขตวิญญาณแต่ เขาสัมผัสวิญญาณไม่ได้เลย มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้…
เมื่อคนทั้งหมดล้มลงไป หมอกก็ค่อยๆรวมตัวกัน เป็นหญิงสาวสีขาวเทาไร้ใบหน้า จิวโมไป๋มองเห็นแต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่า หญิงสาวไร้ใบหน้าไม่มีตัวตน
เขาไม่รู้ว่านี้คืออาณาเขตวิญญาณอะไร แต่ที่แน่ๆคือ มันเป็นอาณาเขตวิญญาณที่ทรงพลังอย่างแน่นอน
หญิงสาวไร้ใบหน้า ค่อยๆลอยอย่างช้าๆ ไปทางแก๊งสีดำทั้ง 11 คน ท่าทางของเธอต้องไม่ใช้การตรวจสอบอาการอย่างแน่นอน จิวโมไป๋ลังเลเล็กน้อยก่อนจะยืนขึ้น
“หยุด! อย่าฆ่าพวกเขาไม่อย่างนั้น เธอจะมีบาปติดตัวกลายเป็นวิญญาณร้าย ไม่สามารถเกิดใหม่ได้”
หญิงสาวไร้ใบหน้าหยุดลง ก่อนที่ร่างของเธอจะหันทั้งตัวมาทางจิวโมไป๋ เพราะประสาทรัับรู้ทั้งหมดยกเว้นการมองเห็นไม่สามารถสัมผัสรับรู้ถึงเธอได้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ในตอนนั้นเอง ร่างของหญิงไร้ใบหน้าก็แยกตัวออก กลายเป็นหมอกล้อมรอบร่างของจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ร้องว่าแย่ในใจ ก่อนจะท่องเคล็ดบ่มเพาะวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์อย่างรวดเร็ว
แต่ดูเหมือนอาณาเขตวิญญาณจะทรงพลังเกินไป ภาพเบื้องหน้าของจิวโมไปพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นทางเดินสีดำมืดสนิท
“นี่มันอาณาเขตวิญญาณอะไร?”จิวโมไป๋เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ เขารู้ดีว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในอาณาเขตวิญญาณแล้ว 3 วิธีที่จะออกไปได้คือ ทำตามเงื่อนไขของอาณาเขตวิญญาณ หรือเจ้าของอาณาเขตวิญญาณปล่อยออกไป และวิธีสุดท้ายฝืนฝ่าออกไปตรงๆ
การยืนอยู่เฉยๆถือว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า
จิวโมไป๋เดินตรงไปเรื่อยๆ ภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏร่างของเด็กสาวในชุดคลุมกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้ เธอนอนหมดสติไร้การรับรู้
ในตอนนั้นเองจิตสำนึกของเขาก็ได้รับข้อความ
ฆ่า ถึงจะออกไปได้
จิวโมไป๋มองร่างของเด็กสาว แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสว่ามีอยู่จริง มองเห็นแต่ไม่สามารถรับรู้ เหมือนตอนที่เขามองหญิงไร้ใบหน้า จิวโมไป๋ยกมือของตัวเองมาก่อนจะบีบอย่างแรง แต่ก็ไม่พบความเจ็บปวดใดๆ เหมือนอยู่ในความฝัน
“เรากำลังฝันอยู่เหรอ?”จิวโมไป๋รู้สึกสับสนขึ้นมา เมื่อนึกไปถึงแก๊งสีดำทั้ง 11 คนที่หมดสติไป
“หรือว่าความสามารถในการดึงคนเข้าไปในความฝันและสร้างภาพลวงตา”จิวโมไป๋มองร่างของเด็กสาว ก่อนมองมีดผนึกโลหิตในมือ
“ไม่”จิวโมไป๋พูดออกมาอย่างแผ่วเบา สติที่ถูกชักจูงของเขาถูกดึงกลับ
“ถึงจะเป็นแค่ความฝัน ฉันก็จะไม่ทำลายปณิธานของตัวเอง!”
ในตอนนั้นเอง ตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้นหมุนวนอย่างช้าๆ พลังคุณธรรมเปร่งประกายในความมืดมิด โดยไม่คาดคิด ตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้นที่อยู่ขั้นที่ 1 ปลาย ทะลวงผ่านขั้นที่ 2 อย่างรวดเร็ว ร่างกายของจิวโมไป๋สั่นเล็กน้อย ในตอนนั้นเองเขาจับสัมผัสกลิ่นอายชีวิตจากร่างกายได้เล็กน้อย
“นี้ไม่ใช่ความฝัน”เมื่อคิดได้เขาก็แทงมีดผลึกโลหิตที่มือซ้ายตัวเองอย่างแรงจนทะลุไปอีกด้าน
เมื่อกายเนื้อสัมผัสความเจ็บปวด ภาพสีดำรอบด้านก็หายไป เขากลับมายืนอยู่กลางห้องใต้ดิน เบื้องหน้าของเขามีร่างไร้สติของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 นั่งอยู่บนเก้าอี้แทยที่ร่างของเด็กสาว
จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงมีดผนึกโลหิตออก เขารีบหยิบผ้าพันแผลออกมาพันมือทันที ในตอนนั้นเอง เขาก็หันไปเห็นจิ้งจอกน้อยสีขาวขนปุยตัวหนึ่งกำลังนั่งมองเขาอยู่ แววตาของมันทอประกายแห่งปัญญา
“เจ้าของอาณาเขตวิญญาณคือแกสินะ”เมื่อเห็นจิ้งจอกน้อยเขาก็ไม่ตกใจ สีหน้าของเขาเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์กึ่งวิญญาณ ไม่แปลกที่มันจะใช้อาณาเขตวิญญาณได้ แต่มีสุนัขจิ้งจอกจำนวนน้อยมากที่มีอาณาเขตวิญญาณ สุนัขจิ้งจอกที่มีอาณาเขตวิญญาณส่วนมากจะเป็นสุนัขจิ้งจอกที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธิ์ ในอดีตมีจิ้งจอกตัวหนึ่งที่เขาเคยพบมันมีความสามารถในการใช้ภาพมายา
ความสามารถของจิ้งจอกตัวนี้คงไม่แตกต่างกันมากนัก
เห็นว่าจิ้งจอกขาวตัวน้อยไม่มีท่าทางอันตราย เขาก็ละความสนใจจากมัน เขาอุ้มร่างของเด็กสาวที่ไม่ได้สติขึ้นก่อนจะพาออกจากอาคาร 3 ชั้น เขาเดินมาด้านข้างอาคารก่อนจะอุ้มร่างตัวเล็กของวัวเหลือง ก่อนจะเดินไปที่ถนนใหญ่ ที่เริ่มมีรถขับผ่านไปมา เขาก็วางร่างของหญิงสาวไว้บนม้านั่งข้างถนน แล้วใช้พลังวิญญาณสีเงิน เปิดกำไลข้อมือของเธอ กดหมายเลขฉุกเฉิน เมื่อเสร็จแล้วเขาก็จากไป
เดินผ่านถนนหลายสาย จิวโมไป๋ก็หันหลังกลับมา
ขนจิ้งจอกสีขาวเปร่งประกายสะท้อนแสงจันทร์ ตรงหน้าผากของมันมีขนสีแดงสด ก่อตัวเป็นรูปดอกเหมยสีแดง นัยน์ตาสีฟ้าดุจท้องทะเล มันเป็นจิ้งจอกที่งดงามอย่างมาก แต่ตัวของมันไม่รวมหางมีขนาดเล็กแค่ 30 เซนติเมตร เท่านั้น
“จะตามฉันมาใช่ไหม”จิวโมไป๋ส่งยิ้มอ่อนโยน ให้จิ้งจอกน้อยที่เดินตามไม่ห่าง
จิ้งจอกน้อยรีบหลบไปด้านข้าง โผล่หัวน้อยๆของมันมามองจิวโมไป๋อย่างเขินอาย
จิวโมไป๋ใช้มือข้างหนึ่งอุ้มวัวเหลือง อีกมือยื่นออกมาอย่างช้าๆ ก่อนกล่าวว่า”ถ้าไม่มีที่ไปก็มากับฉันก่อน ถ้าในอนาคตอยากจะจากไปฉันจะไม่ห้าม”
จิ้งจอกน้อยลังเลเล็กน้อย ไม่นานมันค่อยๆเดินมาหาจิ้วโมไป๋ มันยื่นลิ้นสีแดงเลียนิ้วจิ้วโมไป๋
จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะลูบหัวมัน จิ้งจอกน้อยครางเบาๆ แล้วหายตัวไปอยู่ในอ้อมแขนจิวโมไป๋อย่างรวดเร็ว จิวโมไป๋หัวเราะเบาๆขณะอุ้มมัน
“ขนสีแดงลายดอกเหมย… จากนี้ฉันจะเรียกแกว่าเสี่ยวเหมยก็แล้วกัน”
จิ้งจอกน้อยลืมตามองจิ้วโมไป๋ขยับหัวกับอกของจิวโมไป๋อย่างพอใจ แต่เมื่อหางยาวของมันโบกไปกระทบร่างของวัวเหลืองที่หลับไม่ได้สติอีกแขนของจิวโมไป๋ มันก็ร้องออกมา จิวโมไป๋หัวเราะเบาๆแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อเขาโทรไปหาหนิงหานเป่ย ก็พบว่าอีกฝ่ายสามารถแก้ไขเหตุการณ์วิญญาณได้สำเร็จ ได้รับวิญญาณของชายหลังประตูและตอนนี้หนิงหานเป่ยอยู่ที่พักร้านอาหารตระกูลจิว จิวโมไป๋ก็ตรงกลับไปที่ร้านอาหารทันที
ร้านอาหารตระกูลจืวปิดเที่ยงคืน ทำให้ยังมีลูกค้าอยู่ จิวโมไป๋จึงเดินอ้อมไปหลังร้าน เดินไปห้องพักพนังงาน แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึง เงาร่างสีขาวก็กระโดดมายืนดักหน้าของเขา
“เสี่ยวไป๋แกมารอฉันเหรอ”จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย
แต่เสี่ยวไป๋ไม่สนใจจิวโมไป๋ สายตาของมันจ้องเขม่งมองจิ้งจอกขาวในอ้อมแขนของจิวโมไป๋
เสี่ยวเหมยสัมผัสได้ถึงการคุมคาม มันผงกหัวมองเสี่ยวไป๋ ทันทีที่สายตาสบกัน ทั้งสองกลายเป็นประกายสีขาว พุ่งเข้าใส่กันกลางอากาศ พริบตาเดียวพวกมันปะทะกันกว่า 10 ครั้ง
ปัง! แรงกระแทกสุดท้ายส่งร่างของทั้งสองแยกออกจากกัน
โฮกกกก
ฮึมมมม
—
อาณาเขตวิญญาณมายาฝัน ความสามารถ สร้างภาพลวงตา ลบการสัมผัสและความรู้สึกทุกชนิด ราวกับอยู่ในความฝัน
คอมเม้นต์