ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 111
นัยน์ตาสีเขียวและฟ้าจ้องเขม่งปะทะกัน ราวกับศัตรูคู่ฟ้าที่ไม่อาจอยู่รวมโลกกันได้
จิวโมไป๋แปลกใจเล็กน้อยเพราะความเร็วของทั้งสองนั้นเร็วมากจนเขามองตามไม่ทัน มันเหนือกว่าความเร็วของเนี่ยฟูหานที่ใช้ท่าร่างผสมพลังธาตุสายฟ้าเสียอีก ความแข็งแกร่งของทั้งสองเหนือกว่าสร้างฐานขั้นที่ 7 กระดูกอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าปะทะกันอีกครั้ง วัวเหลืองตัวน้อยสัมผัสถึงรังสีฆ่าฟันของสัตว์ร้าย สัญชาติญาณเอาชีวิตรอดในร่างของมันถูกปลุกขึ้น มันลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มันตื่นขึ้นมาร่างของมันก็ขยายขึ้นจนกลับมาเป็นวัวตัวใหญ่สูง 2 เมตรเต็มไปด้วยพลัง วัวเหลืองหลุดจากแขนจิวโมไป๋ มันก็เหยียดตัวเต็มที่ก่อนจะร้องออกมา
“มอออ…”
ยังไม่ทันที่มันจะร้องจนสุดเสียง สัมผัสของมันก็พบอันตรายถึงตาย มันก้มลงมองร่างสีขาวสองร่างที่เตี้ยกว่ามัน ทันที่ที่สบตา ร่างของมันก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว มันพลิกตัวไม่สมกับเป็นวัวหลบไปที่ด้านหลังจิวโมไป๋ ร่างของมันสั่นระริกอย่างขาดกลัว
เพราะวัวเหลืองที่อยู่ๆก็โผล่มา ทำให้บรรยากาศที่กำลังเดือดพล่านสงบลง จิวโมไป๋ถือโอกาศเดินมาหยิบหลังคอเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยลอยขึ้นกลางอากาศ
โฮกกก
ฮึมมม
เมื่อถูกยกทั้งสองดิ้นไปดิ้นมาอย่างรุนแรงอย่างไม่พอใจ
“หยุดๆ อย่าทะเลาะกัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ทำอาหารให้พวกแกกิน”จิวโมไป๋พูดขู่ เสี่ยวไป๋ที่เห็นแก่กินหยุดดิ้นทันที เสี่ยวเหมยที่ไม่เคยกินอาหารที่จิวโมไป๋ทำมาก่อน มันก็หยุดดิ้น ส่งสายตาดูถูกไปยังเสี่ยวไป๋
“ตอนนี้ พวกแกมาอยู่กับฉันแล้ว ห้ามทะเลาะกันเด็ดขาด เข้าใจไหม?”จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อยมองทั้งสองเหมือนมองเด็กที่แย่งของเล่นกัน
“ตามมา ฉันจะทำอาหารให้กิน”พูดจบจิวโมไป๋ก็วางทั้งสองลงพื้น พร้อมสงสายตาดุไปให้เมื่อทั้งสองทำท่าจะตีกันอีก เมื่อทั้งสองไม่ทะเลาะกันแล้ว จิวโมไป๋ก็เดินนำไปด้านหลังร้านอาหาร เดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็หันกลับมา ทั้งสองไม่ตีกันแล้วเขาก็เบาใจ
“ตามมาเร็ว”จิวโมไป๋ย้ำอีกครั้ง เสี่ยวไป๋เป็นตัวแรกที่พุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไปมันเลือบมองเสี่ยวเหมยเล็กน้อย เหมือนจะแสดงความเหนือกว่า
เสี่ยวเหมยร้องเบาๆไม่พอใจก่อนจะตามไปติดๆ
วัวเหลืองที่ยืนงุนงงอยู่ก็ค่อยๆเดินตามไปอย่างช้าๆ มันไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสอง
จิวโมไป๋เข้าไปทำอาหารในห้องครัวเล็กหลังร้านอาหาร ปล่อยให้ทั้งสามรออยู่ที่โต๊ะหินด้านนอก วัวเหลืองถอยไปยืนอยู่ห่างๆทำราวกับว่ามันไม่มีตัวตน
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยจ้องตามองกันเขม่งอยู่บนพื้นคนละด้าน
‘ไม่คิดเลยว่าข้าจะเจอเจ้า ยัยจิ้งจอกมีตำหนิ’เสี่ยวไป๋ร้องคำรามเสียงต่ำเป็นภาษาสัตว์
เสี่ยวเหมยแยกเขี้ยวไม่พอใจ มันมองเสี่ยวไป๋อย่างดูแคลน’เหอะ! เจ้าเสือตาพิการ เห็นแก่ความน่าสงสารของเจ้า ข้าจะไม่ถือสาเอาความกับเจ้า’
‘เจ้าว่าใครน่าสงสาร!’ขนทั่วร่่างของเสี่ยวไป๋ผลันลุกตั้ง นัยร์ตาสีเขียวมรกตส่องประกายลุกไหม้ เพลิงสีเขียวเข้มน่าสยองขวัญค่อยๆห่อหุ้มร่างของมัน
เสี่ยวเหมยเชิดหัวเล็กๆไปอีกทางอย่างเย่อหยิ่ง มันทำเป็นไม่สนใจเสี่ยวไป๋ที่กำลังโกรธอยู่เลย
‘หรือไม่ใช่เรื่องจริง? อ่อเจ้าคงลืมไปแล้วสินะ… หลังจากที่เจ้าใช้ร่างกายของตัวเองเป็นสื่อกลางดึงพลังของเพลิงนิรันดร์ เพื่อเปิดประตูมิติ คนในตระกูลเทพพยัคฆ์ขาวและพ่อของเจ้า เทพพยัคฆ์ขาวสัตว์เทพประจำทิศตะวันตก ที่มีพลังแข็งแกร่ง ต่างก็จากไปทันที ไม่มีใครสนใจจะช่วยเหลือเจ้าที่กำลังจะตายเลยแม้แต่คนเดียว โชคดีที่เจ้าไม่ตายแต่ถูกปิดผนึกไปพร้อมกับเพลิงนิรันดร์ หึหึ ผ่านไปก็หมื่นปีจนถึงตอนนี้ คนในตระกูลของเจ้าก็ไม่เคยกลับมาช่วยเหลือเจ้าเลยแม้แต่คนเดียว ข้าเรียกเจ้าว่าเจ้าคนน่าสงสารก็ไม่ผิด’
ได้ยินอดีตอันขมขื่นของตนเอง เพลิงบนร่างเสี่ยวไป๋มอดดับลงทันที แม้ว่ามันจะพยายามลืม แต่การที่ถูกพ่อและคนในเผ่าพันธุ์ของตนทอดทิ้ง มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่เพียงไม่นานมันก็เชิดหน้ามองเสี่ยวเหมยด้วยประกายสงสัย
‘การกระทำของข้า มันเป็นการเสียสละเพื่อเผ่าพันธุ์ แม้ข้าจะต้องตายข้าก็ไม่เสียใจ”เสี่ยวไป๋พูดอย่างหนักแน่น ‘แล้วเจ้าล่ะ มีข้าเป็นแบบอย่างเผ่าพันอื่นๆคงใช้วิธีคล้ายๆกับวิธีที่ข้าใช้ เพื่อเปิดประตูมิติ พวกเจ้าคงเปิดประตูมิติผ่านไปได้ง่ายๆ แต่ทำไมเจ้าที่เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เทพปีศาจแห่งภัยพิบัติ ถึงอยู่ที่นี่’
ร่างของเสี่ยวเหมยเกรงเล็กน้อยแต่เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ มันเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไร
เสี่ยวไป๋เห็นดังนั้นมันก็แยกเขี้ยวหัวเราะทันที
‘ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่าเผ่าพันธุ์ที่ชอบดูถูกเผ่าพันสัตว์อสูรอื่นๆ ว่าด้อยปัญญาอย่างพวกเจ้า เลือกใช้วิธีเดียวกับที่ข้าใช้’
เสี่ยวเหมยไม่ตอบ มันยิ่งทำให้เสี่ยวไป๋ หัวเราะออกมาหนักขึ้น’ฮ่าๆ ไม่อยากจะเชื่อ เผ่าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางถึงกับยอมเสียสละ ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของตัวเองเพื่อเปิดประตูมิติ’
นัยน์ตาสีเขียวของเสี่ยวไป๋มองขนสีแดงกลางหน้าผากของเสี่ยวเหมยที่เรียงรายกันเป็น ดอกเหมยสีแดงสดเป็นประกาย ราวกับว่าเป็นดอกเหมยจริงๆ
‘หึๆ เผ่าพันธุ์ของเจ้าลงทุนไม่น้อย’
เสี่ยวเหมยที่ทนฟังอยู่ก็โกรธขึ้นมา’ใครจะน่าละอายเหมือนเผ่าพันธุ์ของเจ้า ที่ใช้เพลิงนิรันดร์ในสุสานต้องห้าม เพื่อเปิดประตูมิติ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาเผ่าพันธุ์ของเจ้าทั้งหมดตายล้านครั้งก็ชดใช้ไม่หมด’
เสี่ยวไป๋แยกเขี้ยวอย่างภูมิใจ’ถ้ามัวแต่ขี้ขลาดแบบพวกเจ้า เผ่าพันธุ์ของข้าก็ต้องล้มสลายแน่ สุดท้ายเป็นยังไง พวกเจ้าก็ต้องทำแบบเดียวกับข้าอยู่ดี’
เสี่ยวเหมยโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงสุดท้ายมันก็ต้องสงบลง ตัวมันพึ่งถูกปล่อยออกจากผนึก ความแข็งแกร่งของมันยังไม่ฟื้น ตอนนี้มันอ่อนแออย่างมาก มันรู้ตัวดีว่าใช้แรงปะทะตรงๆกับอีกฝ่ายไม่ได้ มันได้แต่กลืนความโกรธลงไป
‘รอก่อนเถอะ ถ้าความแข็งแกร่งของข้ากลับมาเมื่อไหร่ เจ้าตายแน่!’เสี่ยวเหมยร้องขู่ ก่อนจะกระโดดไปนั่งบนโต๊ะหินอีกด้าน
‘ใครจะกลัว ภาพมายาอ่อนหัดทำอะไรข้าไม่ได้หรอก’เสี่ยวไป๋แค่นเสียงไม่พอใจมันกระโดดไปนั่งบนโต๊ะหินอีกฝั่ง พร้อมหันหน้าไปอีกทางอย่างไม่พอใจ
อีกครู่หนึ่งจิวโมไป๋ยกถาดอาหารมา บนถาดมีจานเนื้อย่างสองจาน อีกจานเป็นพืชผักและถั่วกองพูน เขาเห็นว่าเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยไม่ทะเลาะกันเขาก็เบาใจลง
“มากินกันเร็ว”จิวโมไป๋วางจานเนื้อที่เยอะที่สุดไปให้เสี่ยวเหมย วางจานเนื้อไม่กี่ชิ้นไปให้เสี่ยวไป๋
“เสี่ยวไป๋เมื่อตอนเย็นแกกินไปเยอะแล้ว ตอนนี้กินแค่นี้พอ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
โฮกกก เสี่ยวไป๋ร้องคำรามไม่พอใจ
—
เทพพยัคฆ์ขาว สัตว์เทพประจำทิศตะวันตก
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง เทพปีศาจแห่งภัยพิบัติ
คอมเม้นต์