ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 124
จิวโมไป๋เดินเข้าบ้าน เสี่ยวไป๋วิ่งเข้ามาในบ้าน มันกระโดดไปนอนบนเก้าอี้ไม้ข้างประตู ตั้งแต่ที่เสี่ยวไป๋ไปที่เมืองเทียนซูนิสัยของมันเริ่มแสดงความเกียจคร้านออกมา เหมือนแมวเข้าไปทุกที เสี่ยวเหมยเดินเข้าบ้านอย่างช้าๆ มันมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนใจ มันหันหลังวิ่งออกไปนอกบ้าน
จิวโมไป๋วางกรงลูกนกอินทรีบนโต๊ะกลางห้อง เขาเปิดกรงนก หยิบกุนแจจากแหวนมิติเก็บของ ออกมาไขโซ่ล๊อคขาลูกนก อินทรี ปล่อยให้มันเป็นอิสระ
ลูกนกอินทรีที่เปิดสติปัญญาแล้ว มันฉลาดกว่าเสี่ยวหวง มันไม่หลบหนี ยืนนิ่งเงียบอยู่ในกรง มันรับรู้ได้ถึงอันตรายจากจิวโมไป๋และเสี่ยวไป๋ที่นอนอยู่
“แกจะไปจากที่นี่เลยก็ได้ แต่ถ้าไม่มีที่ไป แกสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ก่อน”จิวโมไป๋พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“แต่แกห้ามทำร้ายสัตว์บนบก แกสามารถหาปลาในแม่น้ำกินได้ ถ้าจะจากไป ห้ามทำร้ายมนุษย์เป็นอันขาด เพราะแกอาจถูกตามล่าได้”จิวโมไป๋เดินห่างออกมา เพื่อให้ลูกนกอินทรีออกมาจากกรง ลูกนกอินทรีเอียงคอมอง แววตาของมันฉายแววสงสัย
เห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ทำร้ายมัน ลูกนกอินทรีกระพือปีกเบาๆ กระโดดออกจากกรง แล้วกางปีกบินออกไปทันที
จิวโมไป๋มองตามหลังลูกนกอินทรีที่บินไป เขาขัดขวาง เพราะเขามันใจว่า ลูกนกอินทรีจะไม่จากไปแน่ ถึงมันจะออกจากเกาะโดดเดี่ยว ไม่นานมันก็ต้องกลับมา เพราะพลังธรรมชาติบนเกาะโดดเดี่ยวหนาแน่นอย่างมาก
มันเป็นสัญชาติญาณของสัตว์และผู้บ่มเพาะพลัง ที่ต้องการพื้นที่ที่มีพลังธรรมชาติสูง เพื่อเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลัง
จิวโมไป๋ละความสนใจจากลูกนกอินทรี เขาหันไปพูดกับเสี่ยวไป๋ให้มันตามเขาออกไป แต่เสี่ยวไป๋ขดตัวเป็นก้อนขาวกลมนอนหลับไป จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย เดินออกจากบ้านไปตรวจสอบ ข่ายอาคมทั้ง 3 ที่เขาเปิดรอบเกาะโดดเดี่ยว
…
โรงงานอาหารกระป๋องแห่งหนึ่ง
นอกโรงงานมีร่างของสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์ นอนตายอยู่จำนวนมาก ทุกตัวหัวถูกตัดหรือถูกทำลาย แทบไม่เหลือสภาพเดิม เลือดของพวกมันมีสีดำ เหมือนยางเหลว แตกต่างจากเลือดของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ไม่ไกลนัก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย กำลังล้อมรอบทางเข้าออกของโรงงาน
“หัวหน้า เจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไร”เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยคนหนึ่งเอ่ยถาม ร่างของเขาและตำรวจอีกหลายนายมอง ร่างบนพื้นด้วยความหวาดกลัว
ตำรวจวัยกลางคน ที่ผ่านคดีมานับไม่ถ้วน กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขามองร่างเหล่านั้นด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน แต่เขาต้องแกล้งตีสีหน้าจริงจัง เพื่อไม่ให้เสียหน้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ที่พลังธรรมชาติของโลกค่อยๆเพิ่มขึ้น สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันไม่แปลกที่จะมีสิ่งมีชีวิตประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็แย่สิครับหัวหน้า!”เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ยืนก็หน้าซีด เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้น ตำรวจต้องเป็นคนจัดการเป็นทีมแรก เขาหันมามองร่างที่นอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าที่แย่ยิ่งกว่าเดิม
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงร้องดังขึ้นจากด้านข้างของเขา
“แย่แล้ว! มันลุกขึ้นมาอีกแล้ว”เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งร้องขึ้นเสียงหลง เขายกปืนขึ้นรัวยิงไปที่ร่างนั้นหลายสิบนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ก็ยกปืนขึ้นมายิงรัวไม่ต่างกัน
ร่างของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ แต่ส่วนหัวของมันถูกทุบจนแหลกเกือบครึ่ง เดินมาอย่างช้าๆ เมื่อปะทะกระสุนปืน ร่างของมันสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง ตามแรงกระแทก แต่มันก็ไม่ล้มลง ลูกกระสุนปืนบางนัดยิงทะลุผ่านร่าง ทิ้งรูกลวงไว้บนร่างกายของสิ่งมีชีวิตประหลาด แต่มันก็ไม่เป็นอะไรเลย
“เจ้าพวกโง่! เล็งยิงอะไรกันอยู่ ยิงไปที่หัว!”ตำรวจวัยกลางคนคำรามลั่น เขายิงไปที่หัวของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์หลายนัด แต่มันก็แค่ทำให้หยุกชะงักไปเท่านั้น เขาเห็นว่าสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ กำลังไปถึงตำรวจชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง ตำรวจวัยกลางคนกัดฟันหยิบกระบองตำรวจออกมา
“ทุกถอยไป!”พูดจบตำรวจวัยกลางคนก็พุ่งเข้าไปหาสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ ด้วยตัวคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึง เงากระบี่สีขาวพุ่งเข้าไปตัดหัวของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ด้วยความเร็วสูง จนศีษระกลมลอยกระเด็นไปในอากาศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนนิ่งค้างไปเล็กน้อย หันไปทางโรงงาน ชายในชุดคลุมสีขาวปิดคลุมหัวมิดชิดกำลังเดินออกมา กระบี่สีขาวในมือพันรอบเอวเหมือนเข็มขัด ด้านหลังของเขามีคนในชุดคลุม 4 คนกำลังเดินตามมา
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลที่นี่ ผมจะเขียนรายงานให้พวกคุณ”ชายในชุดคลุมสีขาวพูดขึ้น ก่อนจะหันไปมองร่างของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์”สถานที่นี้ พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่หนึ่งจะมีคนมาเก็บกวาด พวกคุณไปป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาที่โรงงาน”
“ครับ!”เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางรับคำสั่ง ก่อนหันมาสั่งงานเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นอย่างรวดเร็ว
“เหมือนพลังของผู้มีสายเลือดแวมไพร์”คนในชุดคลุมสีแดงสดที่เอวของเธอห้อยแส้สีแดงคล้ำ เดินมายืนข้างคนในชุดคลุมสีขาว
“อย่าด่วนสรุป รอผลการตรวจสอบก่อน”
คนในชุดคลุมสีแดงสดส่ายหัวเบาๆ”ถูกอย่างที่นายพูด ขออย่าให้เป็นผู้มีสายเลือดแปลกๆเลย เพราะที่เรากำจัดไปมีแต่พวกอ่อนแอ ถ้ามีหลบหนีออกไปได้ละก็…”
คนในชุดคลุมสีขาวมองกำไลข้อมือของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปเล็กน้อยเพื่อรับสาย
“แปลกมากครับหัวหน้า ผมตรวจสอบข้อมูลของคนพวกนี้แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน คนพวกนี้บางคน เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นผู้บ่มเพาะพลัง และที่แปลกคือ… ทุกคนเหมือนถูกสะกดจิตครับหัวหน้า ผมไม่สามารถหาข้อมูลอะไรจากพวกเขาได้เลย”เสียงปลายสายพูดอย่างรวดเร็ว
คนในชุดคลุมสีขาวเงียบไปเล็กน้อยก่อนพูด
“ส่งคนไปที่เกาะโดดเดี่ยว คุ้มกันจิวโมไป๋ให้ดี เดี่ยวฉันจัดการที่นี่เสร็จแล้วจะตามไป”พูดจบคนในชุดคลุมสีขาวก็ตัดสาย
…
เกาะโดดเดี่ยว
จิวโมไป๋ขึ้นมาบนกำแพงรอบเกาะ เขาตรวจสอบข่ายอาคมทั้งสามอยู่หนึ่งรอบ ข่ายอาคมยังคงทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีข้อบกพร่อง
ในระหว่างข่ายอาคมทั้งสาม ข่ายอาคม 5 ธาตุหนุนเสริม กำลังเสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะพลังธรรมชาติที่หนาแน่น ทำให้วงจรห้าธาตุของข่ายอาคม ค่อยๆสะสมพลังและพัฒนาความแข็งแกร่งของเกาะโดดเดี่ยว ให้สมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อสัตว์ที่เขาซื้อมาปล่อยที่เกาะโดดเดี่ยว ปรับตัวกับระบบนิเวชของเกาะ วงจร 5 ธาตุหนุนเสริม จะยิ่งเพิ่มพลังมากขึ้น น่าเสียดายที่เขาไม่มีวัตถุธาตุที่ทรงพลัง ถ้าเขาสามารถนำวัตถุธาตุทั้ง 5 มาประสานกับข่ายอาคม 5 ธาตุหนุนเสริมได้ ข่ายอาคม 5 ธาตุหนุนเสริมจะแข็งแกร่งขึ้น การสะสมพลังจะเร็วขึ้น เกาะโดดเดี่ยวจะสามารถพัฒนาจนยากแกการทำลาย กลายเป็นเกาะที่เหมือนดินแดนของผู้บ่มเพาะอย่างแท้จริง
ข่ายอาคมเมฆหมอกลวงตา ในตอนนี้แม้จะไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพมากนัก แต่ภาพลวงตารอบเกาะยังคงเพิ่มขึ้นอยู่อย่างช้าๆ
แตกต่างจากข่ายอาคมปราการ 12 นักษัตร ที่ยังคงเหมือนเดิม เหมือนตอนเปิดข่ายอาคม เพราะความแข็งแกร่งของข่ายอาคมข่ายอาคมปราการ 12 นักษัตร ขึ้นอยู่กับ สัญญาวิญญาณกับสัตว์อสูร เมื่อไม่มีสัตว์สัญญา ความแข็งแกร่งของข่ายอาคมปราการ 12 นักษัตรก็ไม่เพิ่มขึ้น
ขณะที่จิวโมไปกำลังจะเดินลงจากหน้าผารอบเกาะโดดเดี่ยว จิตสัมผัสของเขาก็ตรวจพบว่า มีคนกำลังมาที่เกาะโดดเดี่ยว เขาเรียกกระบองผ่านฟ้ามาบนมืออย่างรวดเร็ว
คอมเม้นต์