ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 191
แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าบนเสาไฟฟ้าข้างถนน ส่องลงมากระทบร่างสูงของชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงอยู่ จิวโมไป๋มองเพียงครั้งเดียวก็จำได้ทันที
หม่าคุณ! คุณชายสวะไร้ค่า แห่งสำนักแพรหยก
เมื่อเห็นคนที่เขาดักรออยู่นานปรากฏตัว หม่าคุนเดินช้าๆมาทางจิวโมไป๋ เขากวาดตาสำรวจร่างในชุดคุลมหน้ากากไม้ ด้วยแววตาเป็นประกาย
“สามารถเข้าไปและหนีออกมา จากการเฝ้าระวังของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ถึงสามคน และผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 อีกหลายสิบคนได้ โดยไร้บาดแผล ยอดเยี่ยมจริงๆ”หม่าคุนพยักหน้าแผ่วเบาพร้อมกล่าวยกย่อง ก่อนจะหยุดเท้าลงห่างจากจิวโมไป๋ 10 เมตร
จิวโมไป๋ตั้งท่าระมัดระวัง สามารถมาดักรอทางหนีของเขาได้ หม่าคุนไม่ธรรมดาอย่างที่เขาแสดงให้คนอื่นได้เห็น เขาไม่ได้เป็นขยะไร้ค่าอย่างที่คนอื่นคิด
“รู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาทางนี้”จิวโมไป่ถาม จิตสัมผัสตรวจสอบโดยรอบ มีเพียงหม่าคุนที่ดักรอ ไม่มีใครอื่นอีก คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัย
หม่าคุนยิ้มก่อนจะตอบ”ถ้าเป็นที่อื่น มันก็คาดเดาไม่ง่ายแบบนี้หรอก แต่โชคร้ายที่ฉันเคยวิเคราะห์พื้นที่บริเวณนี้ไว้ก่อนแล้ว”
จิวโมไป๋นิ่งเงียบ
หม่าคุนยิ้มเยาะออกมาอย่างแผ่วเบา”รสนิยมของผู้สืบทอดตระกูลถัง ในหมู่คนระดับสูง พวกเขาต่างก็รู้ดี แต่่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่สามารถหาหลักฐาน ที่จะเล่นงานผิดถังฉีหลงได้ แม้พวกเขาจะรู้ว่าสามารถหาหลักฐาน จากโรงแรมแห่งนี้ได้ แต่โรมแรมแห่งนี้ได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นหนา ไม่มีใครเสี่ยงที่จะเอาคนของตัวเองไปหาที่ตาย และไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลถังอย่างเปิดเผย
พวกเขาได้แต่จับตามองโรมแรมแห่งนี้อยู่ห่างๆและตรวจสอบบริเวณทั้งหมด เพื่อรอโอกาสเข้าไปหาหลัก”
จิวโมไป๋ก็เข้าใจ
หม่าคุนเห็นจิวโมไป๋เงียบไป เขากกล่าวอีกว่า”ฉันดูการวางเหยื่อล่อทั้งหมดของนาย และวิเคราะห์ทางหลบหนีที่จะใช้ได้ทั้งหมด 3 ทาง
เส้นทางที่ 1 ทางทิศใต้ เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ยามรักษษความปลอดภัยถูกดึงดูดความสนใจออกไปหมด ทำให้ง่ายต่อการหลบหนี แต่ทิศทางนั้นเป็นพื้นที่รอบนอก มีคนอาศัยอยู่น้อย ทำให้ง่ายต่อการทิ้งร่องรอยบนกล้องวงจรติด ให้ติดตามได้ เส้นทางหลบหนีที่ 1 สามารถหลบหนีได้ง่าย ปลอดภัย แต่มันก็อาจก่อปัญหาภายหลัง
เส้นทางที่ 2 ทางทิศตระวันออก เป็นเส้นทางที่อันตรายที่สุด เพราะตอนนี้มีผู้บ่มเพาะพลังกำลังต่อสู้กัน และตำรวจกำลังปิดพื้นที่โดยรอบ แต่ถ้าสามารถแฝงตัวไปเข้าไปได้ สามารถหลบหนีได้อย่างไร้ข้อกังขา ถ้าซ่อนตัวได้ดีไม่มีใครตามหาได้แน่
สุดท้ายเส้นทางที่ 3 ทางทิศเหนือ เป็นเส้นทางที่ไม่ปลอดภัยและไม่อันตรายจนเกินไป เพราะยามรักษาความปลอดภัย ถูกดึงดูดความสนใจออกไปเกือบหมด ทำให้สามารถหลบหนีได้ง่าย แต่เพราะทางทิศเหนือ เชื่อมต่อกับเขตสถานบันเทิง ทำให้มีกล่องวงกรติดจำนวนมาก ทำให้ยากแกการหลบซ่อน แต่เพราะมีคนจำนวนมากที่มาเที่ยวกลางคืน ทำให้ง่ายต่อการปลอมตัวและหลบหนีออกไป
ปกติแล้ว ผู้หลบหนีจะเลือกทางที่ 1 แต่คนที่ฉลาด จะเลือกทางที่ 2 เพราะถึงแม้ว่าทางที่ 2 มันจะเสี่ยงอันตรายอย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้ยากอะไรนัก สำหรับคนที่มีความสามารถ ถึงขนาดเข้าไปในโรงแรมที่มีการคุ้มกันแน่นหนาได้ การแฝงตัวไปกับกลุ่มคนแค่นี้ไม่ยากนักหรอก”
“ถ้านายคิดอย่างนั้น ทำไมมาดักรอที่นี่”จิวโมไป๋ถาม
หม่าคุนหัวเราะเบาๆ
“เพราะถ้าวิเคราะห์ดีๆแล้ว ใครๆก็คิดว่าคนหลบหนีจะต้องหลบไปเส้นที่ 1 หรือ 2 ไม่มีใครคิดหรอกว่า ผู้หลบหนีจะหลบไปเส้นที่ 3 ที่ดูเหมือนจะยากกว่าและไม่สามารถสลัดผู้ติดตามได้ เป็นเส้นทางที่ไม่คุ้มค่าที่สุด”หม่าคุนมองจิวโมไป๋ด้วยด้วงตาเป็นประกาย
“ถ้าเป็นคนปกติจะเลือกหลบหนีไปเส้นทางที่ 3 แต่คนที่เลือกจะต้องไม่ใช้คนธรรมดาสามัญ”
จิวโมไป๋ระวังตัวขึ้น จิตสัมผัสตรวจสอบระดับการบ่มเพาะพลังของหม่าคุน แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้
เขาคาดเดาว่าหม่าคุน ต้องมีระดับการบ่มเพาะพลังใกล้เคียงกับถังฉีหลง
“ฉันไม่คิดเลยว่า จะมีใครกล้าบุกโรมแรมเทียนถัง ด้วยตัวคนเดียวแบบนายมาก่อน”หม่าคุนมองใบหน้าใต้หน้ากาก กล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“วันนี้ในการประมูล ถังฉีหลงหาเรื่องคนไปเป็นจำนวนมาก ทำให้มีคนมาจับตาดูเพิ่มขึ้น และนายก็ใช้จังหวะนี้ ใช้คนพวกนี้และฉัน เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง ส่วนตัวเองลอบเข้าไปล้วงความลับออกมา”หม่าคุนกดกำไลข้อมือ ภาพวีดีโอที่จิวโมไป๋ พึ่งส่งไปยังเว็บไซต์วีดีโอชื่อดังปรากฏขึ้น
“หลักฐานชั้นเยิี่ยม อีกไม่นานคนของหน่วนลับจะต้องมาแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆว่าหลังจากนี้ถังฉีหลงจะทำยังไง”หม่าคุนเหลือบมองภาพโฮโลแกรมที่ฉายขึ้นมา
หม่าคุนไม่รู้ว่า ถังฉีหลงถูกจิวโมไป๋จัดการจนบาดเจ็บสาหัส เพราะเขาไม่เชื่อว่าจิวโมไป๋จะสามารถเอาชนะอัจฉริยะที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นที่ 7 ต้นได้
แม้จิวโมไป๋จะเข้าไปในห้องลับได้ แสดงให้เห็นว่ามีความแข็งแกร่งระดับหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ต่อสู้บุกฝ่าเข้าไปโดยตรง
การลอบเข้าไปไม่ต้องใช้ความแข็งแกร่งมากนัก
จิวโมไป๋เงียบ
“ฉันสนใจความสามารถนาย ถ้ามาเป็นคนของฉัน ฉันจะให้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังจำนวนมากให้กับนาย”หม่าคุนเริ่มกล่าวชักชวน หลังจากที่ยกย่องชื่นชมจิวโฒไป๋อยู่นาน เขาแผ่พลังกดดันออกมาอย่างช้าๆ เพื่อแสดงความแข็งแกร่ง
นัยน์ตาของจิวโมไป๋ส่องประกาย เขาตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของหม่าคุนด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าหม่าคุนจะมีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 กลาง!
หม่าคุนอายุน้อยกว่าถังฉีหลงเพียงเล็กน้อย แต่ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาอยู่ที่ขั้นที่ 7 กลาง
ด้วยพรสวรรค์ของเขาถ้าถูกเปิดเผยออกไป ต้องมีคนชื่นชมยกย่องจำนวนมาก แต่เขาเลือกที่จะซ่อนความแข็งแกร่ง เอาไว้เป็นอย่างดี ยอมทนโดนดูถูกดูแคลนจากทุกๆคน
หม่าคุนเหมือนกับเนียฟู่หาน ที่ซ่อนการบ่มเพาะพลังเช่นกัน และทั้งสองมีความเหมือนกันทั้งพรสวรรค์และความอดทนเป็นเลิศ พวกเขายอมโดยดูถูกว่าเป็นคนไร้ค่าอยู่หลายปี โดยไม่เผลอแสดงตัวให้คนอื่นได้รู้
แต่น่าแปลกที่ หม่าคุนไม่มีชื่อเสียงในอนาคต ชื่อของเขาหายไปในประวันต์ศาสตร์ เขาอาจถูกฆ่าเสียก่อนที่จะรุ่งโรจน์ก็เป็นได้ น่าเสียดายพรสวรรค์ของเขาจริงๆ
จิวโมไป๋มองหม่าคุนด้วยแววตาล้ำลึก ก่อนกล่าวจะปฏิเสธ
“ฉันไม่สนใจ”
ตัดเรื่องความแข็งแกร่งออกไป เขาไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของหม่าคุน เวลาที่เขาเข้าและออกโรมแรมเทียนถัง เพียง 10 นาทีเท่านั้น แม้จะรู้พื้นที่ทั้งหมดอยูู่ก่อนแล้ว แต่จริงๆแล้วเขาจุดระเบิดชุดใหญ่เพียง 2 นาทีก่อนเท่านั้น มันเป็นการปกปิดเส้นทางหนีของเขา ทำให้ผู้คนสับสน
ทำให้มันไม่ง่ายเลยที่จะวิเคราะห์ คาดเดาเส้นทางการหลบหนีของเขาได้
ไม่ต้องพูดถึง ที่หม่าคุนสามารถเจาะจง มาดักรอเบื้องหน้าของเขาได้แบบนี้
หม่าคุนที่โดนปฏิเสธ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้ว เขามองสบตาภายใต้หน้ากาก ก่อนจะล้วงมือหยิบมีดสั้นออกมาสองเล่ม เขาถือด้วยมือสองข้างก่อนจะไขว้มีดชี้ด้านปลายมีดลงพื้น
พลังกดดันแผ่ขยายออกจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
“ถ้าอย่างนั้น เรามาสู้กัน ถ้านายสามารถหลบหนีไปได้ ฉันจะปล่อยไป แต่ถ้าแพ้ มาเป็นพวกเดียวกับฉัน”หม่าคุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาเป็นประกายเจิดจ้า
จิวโมไป๋ที่คุ้นเคยกับแววตาของพวกบ้าการต่อสู้ เขารู้ดีว่าหม่าคุยไม่คุยกับเขาดีๆแล้ว
จิวโมไป๋ไม่พูดอะไร แต่ทำเป็นล้วงอะไรบางอย่างก่อน จะดึงกระบี่เลือนเร้นออกมาจากใต้เสื้อคลุม
นัยน์ตาหม่าคุนหรี่ลงเล็กน้อย เขามองตรวจสอบกระบี่ เขารู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช้กระบี่ธรรมดา
หม่าคุนเดินไปทางด้านซ้ายช้าๆ มีดสั้นหมุนควงไปมา
จิวโมไป๋ต้องเดินตามหม่าคุน พวกเขาเดินเป็นวงกลม แต่สายตามองฝ่ายตรงข้ามไม่กระพริบ
มีดกับกระบี่ เป็นอาวุธที่เน้นความเร็วและจังหวะ แตกต่างจากอาวุธอื่น ถ้าพลาดหมายถึงความพ่ายแพ้
กึก เท้าของจิวโมไป๋เตะไปทีก้อนหินเล็กๆที่วางอยู่บนพื้น
หม่าคุนพลันหายไปจากจุดเดิมในพริบตา
จิวโมไป๋ยกกระบี่เลือนเล่นขึ้นมาป้องกันด้านขวาในชั่วพริบตา
แกร๊ง คมกระบี่รับมีดสั้นได้ หม่าคุนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวกระน่ำฟันใบมีดสองมือลงมา 7 ครั้ง
จิวโมไป๋ยังคงใยเย็นใช้กระบี่ป้องกันไปพร้อมถอยหลังไปด้วย สลายการปะทะทั้งหมด พร้อมแทงกระบี่ออกไปโต้ตอบด้วยความเร็วไม่น้อยไปกว่ากัน
หม่าคุนหมุนตัวด้วยท่าเท้าพลิวไหว เหมือนเต้นรำ หลบคมกระบี่ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และพุ่งเข้ามาฟาดฟันรวดเร็วเหมือนพายุ
จิวโมไป๋ฟาดฟันและแทงกระบี่ป้องกันและตอบโต้ ทั้งสองพุ่งร่างผ่านไปมาอย่างไม่น้อยหน้ากัน
ในซอยแคบจิวโมไป๋เสียเปรียบกว่าเล็กน้อยในระยะกระบี่ เขาคอยๆถอยมาเรื่อยจนออกนอกถอย เป็นโรงจอดรถแห่งหนึ่งที่โล่งไร้ผู้คน มีรถยนต์จอดอยู่ 20 คัน กระจ่ายไปตามจุดต่างๆ
เมื่อได้พื้นที่ จิวโมไป๋เร่งความเร็วขึ้น หม่าคุนก็เพิ่มความเร็วตามอย่างไม่น้อยหย้า
ความแข็งแกร่งของร่างกายของหม่าคุน มากกว่าถังฉีหลงเล็กเพียงเล็กน้อย แต่ความเร็วเหนือกว่าถังฉีหลงอย่างมาก
จิวโมไป๋ใช้ท่าร่างประกายภูตแยกเป็นสามเงา ช่วยหลบหลีกและโจมตี เกิดเงาวูบวาวไปมาพื้นที่จอดรถ
พวกเขาปะทะกันครั้งที่ 118 ทั้งสองก็แยกจากกัน จิวโมไป๋กระโดดขึ้นไปยืนบนรถยนต์สีแดง เท้าของเขากดลงไปทำให้เกิดรอยยุบเล็กน้อยบนหลังคารถ หม่าคุนยืนอยู่บนคังคารถตู้ที่จอดอยู่
แววตาของจิวโมไป๋และหม่าคุนจ้องสบตากัน
“ฉันจะเริ่มลงมือจริงๆแล้วนะ”หม่าคุนพูดก่อนที่พลังงานสีเขียวอ่อนห่อหุ้มร่างของเขา ใบมีดสั้นแหลมทั้งสองขยับชี้ไปทางจิวโมไป๋
“วิชามีดที่ฉันใช้ คือวิชาระบำสายลม ทุกๆครั้งที่ฉันฟัน จะทิ้งคมมีดสายลมออกไป ฉันหวังกับนายเอาไว้มาก อย่าตายซะก่อนละ”จบคำร่างของหม่าคุนหายวับไปกับตา
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ…
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของจิวโมไป๋จะถูกคมมีดฟันจากทั่วทิศทาง เสื้อคลุมทั่วร่างขาดกระจุยเป็นชิ้น
หม่าคุนหันกลับมามอง และเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
จิวโมไป๋สูดหายใจเฮือก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความตกใจอย่างเห็นได้ชัด บนเกร็ดมังกรทอง ทิ้งรอยคมมีดลึกลงไปเกือบ 1 ซ.ม. เป็นครั้งแรงที่เขาถูกทำร้ายหนักขนาดนี้ ถ้าสัมผัสมรณะไม่ทำงาน เขาคงเรียกเกร็ดมังกรทองไม่ทัน เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน เขาหันมองหม่าคุน ก่อนที่หยิบแผ่นยันต์ 2 ใบออกมาจากแหวนมิติเก็บของ และโยนลงพื้น
คลืนนน
เกิดเป็นพายุโหมกระหน่ำในพื้นที่ลานจอดรถ สิ่งของที่อยู่แถวนั้นถูกพายุพัดไปกระแทกกับรถยนต์ที่จอดอยู่ จนเสียหายยับเยิน ในเวลาเดียวกันจิวโมไป๋ใช้ท่าร่างประกายภูตหนีออกไปทันที โดยไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับ
หม่าคุนถูกพายุพัดเข้าใส่ เขาถูกกระแทกกระเด็นถอยหลังไปเล็กน้อย เขารีบใช้พลังธาตุลมป้องกันลมพายุที่ปะทะเข้ากับร่าง ทำให้ประคองตัวเอาไว้ได้ เขามองไปยังร่างของจิวโมไป๋ที่อยู่อีกฝั่งของพายุ เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งแหวกพายุไปอย่างง่ายดาย
—
คอมเม้นต์